แต่จะอย่างไรนางก็ไม่ใช่หมอ ทั้งยังอายุแค่หกขวบ หากไปรักษาคนอื่นอย่างบุ่มบ่าม คงถูกมองว่าเป็ปีศาจร้ายเสียแน่
นางอยากช่วยถังสุ่ย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยกับถังสุ่ยว่า “พี่ถังสุ่ย ตอนที่ข้าอยู่ที่เมืองหลวง มีนักพรตจากูเาหลงหู่มอบยาวิเศษสำหรับรักษาโรคมาให้ข้ามากมาย”
“เพียงแต่ข้าไม่ใช่หมอ ไม่รู้ว่ายาชนิดใดที่สามารถให้ท่านปู่ถังของท่านกินได้บ้าง เอาเช่นนี้เถอะ พี่ไปเชิญหมอเก่งๆ ที่ในตำบลมาตรวจอาการของท่านปู่ แล้วถามเขาให้ละเอียดว่าท่านปู่ถังป่วยเป็โรคอะไร จำไว้ให้ดี จากนั้นก็มาบอกข้า พร้อมกับนำใบสั่งยาของหมอมาให้ข้าด้วย ข้าจะได้ช่วยหายาวิเศษให้ตรงกับอาการป่วย!”
ระหว่างที่พูด นางก็แอบซื้อยาอมแก้เจ็บคอจากเถาเป่ามาหนึ่งกล่อง แล้วซุกมือเข้าไปในแขนเสื้อแกะบรรจุภัณฑ์ออกอย่างลับๆ จากนั้นก็แอบใส่ยาอมแก้เจ็บคอลงในถุงผ้าเปล่าๆ ใบหนึ่งแล้วยื่นให้ถังสุ่ย
“พี่ถังสุ่ย นี่คือยาอมแก้เจ็บคอที่ท่านปู่นักพรตคนนั้นให้ข้ามา ปกติก็กินเป็ลูกกวาดได้ มีสรรพคุณบรรเทาอาการไอขับเสมหะ ช่วยให้ชุ่มลำคอและบำรุงปอด”
“ท่านเอาไปให้ท่านปู่ถังกินก่อน อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาอาการ ปากคอจะได้ไม่ทรมานมากนัก!”
เมื่อพูดถึงเื่โรคของท่านปู่ ถังสุ่ยก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป เขารับถุงผ้าจากอวิ๋นเจียวโดยไม่ได้เอ่ยขอบคุณ เพียงแต่จดจำบุญคุณของอวิ๋นเจียวไว้ในใจอย่างดี
ขณะนั้นก็มีเสียงไอดังมาจากในห้อง อวิ๋นเจียวและคนอื่นๆ จึงรีบขอตัวกลับ หลังจากที่ถังสุ่ยเข้าไปในห้อง ก็ประคองท่านปู่ของเขาขึ้นมา ก่อนจะป้อนน้ำให้ท่าน จากนั้นก็หยิบยาอมแก้เจ็บคอที่อวิ๋นเจียวให้มาใส่เข้าไปในปากของท่านปู่หนึ่งเม็ด
ท่านปู่ของถังสุ่ยถูกแผลในปากทรมานจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายผ่ายผอมราวกับกิ่งไม้แห้ง แม้ว่าเขาจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกทั้งหมด แต่ได้ยินแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า ปากของเขาเจ็บจนพูดไม่ได้ ได้แต่นอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียงด้วยความกังวลใจ
ตอนนี้ถังสุ่ยเอายามาให้เขากิน พอใส่เข้าไปในปากก็รู้สึกถึงกลิ่นสะระแหน่เข้มข้น ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก ความเ็ปพลันถูกความเย็นสดชื่นนั่นบรรเทาลงไปกว่าครึ่งในทันที ความเย็นนี้ไหลลงไปตามลำคอ ทำให้เขารู้สึกหายใจสะดวกขึ้นไม่น้อย
ดวงตาของผู้เฒ่าถังพลันเป็ประกาย เขากุมมือถังสุ่ยแน่น ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งสองสามคำ “ขอบ... ขอบคุณ… พวกเขาให้ดี!”
ถังสุ่ยเห็นว่าผู้เฒ่าถังเพิ่งกินยาอมแก้เจ็บคอที่อวิ๋นเจียวให้มา ก็สามารถพูดได้เป็คำๆ แล้ว เขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นในทันที เขารีบพูดว่า “ท่านปู่ ข้ารู้แล้ว นี่เป็บุญคุณอันใหญ่หลวง ข้าจะจดจำไว้ในใจเสมอขอรับ!”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ผู้เฒ่าถังก็เบาใจ
“ท่านปู่ ท่านพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปเชิญหมอในตำบลมาให้ท่าน คิดว่าท่านคงได้ยินที่น้องสาวตระกูลอวิ๋นพูดแล้ว ยานี้เป็ยาวิเศษที่นางนำมาจากเมืองหลวง”
“ข้าจะไปเชิญหมอมาตรวจอาการให้ท่านอย่างละเอียด หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ข้าก็จะไปหาน้องสาวตระกูลอวิ๋น บอกอาการของโรคและใบสั่งยาให้นางฟังอย่างละเอียด”
กล่าวจบถังสุ่ยก็จัดแจงให้ผู้เฒ่าถังนอนราบลงบนเตียง แล้วห่มผ้าห่มให้อย่างดี จากนั้นก็อุ้มไก่ฟ้ากับกระต่ายป่า มุ่งหน้าไปยังตัวตำบลอย่างเร่งรีบ
ผู้เฒ่าถังนอนอยู่บนเตียง ในใจก็ถอนหายใจ ยาวิเศษที่นำมาจากเมืองหลวง ทั้งยังเป็ยาวิเศษที่นักพรตจากูเาหลงหู่มอบให้อีก บุญคุณครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงนัก
ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถตอบแทนได้หมดหรือไม่ เอาเถอะจะอย่างไรก็ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจตอบแทนพวกเขาให้เต็มที่ก็แล้วกัน!
ทั้งหมดเป็เพราะเขาที่แก่แล้วยังไม่ตายเสียที จนทำให้สุ่ยเอ๋อร์ต้องลำบากไปด้วย!
ส่วนอวิ๋นเจียวไม่รู้เลยว่า การกระทำของตนทำให้ถังสุ่ยและผู้เฒ่าถังคิดที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ตอบแทนบุญคุณของนาง
แท้จริงแล้วนางเพียง้าแสดงความขอบคุณเท่านั้น ขอบคุณที่สุ่ยหยาจื่อช่วยเหลือไว้ทันเวลา ทำให้บิดาของนางรอดพ้นจากอันตราย จะต้องรู้ว่าอวิ๋นเจียวรักและหวงแหนครอบครัวที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้ยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นางเข้ามาอยู่ในร่างของเ้าของร่างเดิม ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวที่เป็ของเ้าของร่างเดิม นางจึงควรแบกรับความรับผิดชอบนี้แทนเ้าของร่างเดิม
ส่วนเถาเป่า อวิ๋นเจียวพบว่าคะแนนเพิ่มขึ้นสองคะแนนแล้ว! ดูเหมือนว่าที่นางคาดเดาไว้จะไม่ผิด ตราบใดที่สิ่งของที่ซื้อจากเถาเป่าสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ คะแนนเถาเป่าก็จะเพิ่มขึ้น
ตอนนั้นฉู่อี้ตกอยู่สภาพที่ในอันตรายมากขนาดนั้น แค่ยาปฏิชีวนะกล่องเดียว เถาเป่าก็ให้คะแนนตั้งสิบคะแนน ยาอมแก้เจ็บคอหนึ่งกล่องได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาสองคะแนน ดูเหมือนว่าอาการของผู้เฒ่าถังคงร้ายแรงไม่น้อย
อวิ๋นเจียวพอจะรู้แนวทางแล้ว นางจึงอยากลองดูว่าหากช่วยเหลือผู้อื่นด้วยวิธีการและหนทางอื่น เถาเป่าจะให้คะแนนหรือไม่
ขณะคิดถึงเื่ที่ตนเองอยากจะเปิดร้านขายชุดสำเร็จรูป อวิ๋นเจียวพลันคิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ หากแผนการนี้ทำได้สำเร็จ ก็สามารถทดสอบระบบคะแนนของเถาเป่าได้ว่าเป็อย่างไรกันแน่
เนื่องจากอวิ๋นโส่วจงต้องไปทำธุระที่ศาลาว่าการ ดังนั้นหลังจากส่งอวิ๋นฉี่เยว่แล้ว อากุ้ยจึงรีบกลับมา
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ อวิ๋นเจียวก็ติดตามอวิ๋นโส่วจงไปที่ตัวอำเภอ ส่วนอวิ๋นฉี่ซานไปเรียนงานฝีมือที่บ้านของผู้เฒ่าเฉียวแล้ว ฟางซื่อจึงให้ชุนเหมยติดตามไปดูแลนางระหว่างทาง
เนื่องจากการเข้าตัวอำเภอครั้งนี้ ไปเพื่อจัดการเื่ของอวิ๋นโส่วจู่ ผู้ใหญ่บ้านที่เพิ่งรับซื้อเนื้อหมูป่าของอวิ๋นโส่วจงจึงเสนอตัวไปที่ศาลาว่าการพร้อมกับอวิ๋นโส่วจง การไปศาลาว่าการ มีผู้ใหญ่บ้านไปด้วยย่อมดีกว่า เพราะจะช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ไปได้มาก
เมื่อไปถึงในอำเภอ อากุ้ยก็พาผู้ใหญ่บ้านและอวิ๋นโส่วจงไปส่งที่ศาลาว่าการก่อน จากนั้นจึงพาอวิ๋นเจียวไปส่งที่ร้านฝูหรงเซวียนตามคำสั่งของนาง
พวกลูกจ้างและผู้ดูแลร้านฝูหรงเซวียนจำหน้าตาของอวิ๋นเจียวได้ ตอนที่อวิ๋นเจียวและพี่ชายทั้งสองคนมาขายเครื่องประทินผิวครั้งที่แล้ว ตอนแรกทุกคนยังหัวเราะเยาะลูกจ้างคนที่ต้อนรับพวกเขาอยู่เลย แต่เพียงพริบตาเดียว ลูกจ้างคนนั้นก็ได้รับรางวัลจากหลงจู๊อย่างงาม
ตอนนี้ลูกจ้างของร้านฝูหรงเซวียน ต่างก็จดจำใบหน้าของสามพี่น้องตระกูลอวิ๋นได้แม่นยำ ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อม หวังว่าครั้งต่อไปที่พวกเขามา จะได้ไปต้อนรับเป็คนแรก
ปรากฏว่าวันนี้อวิ๋นเจียวเพิ่งก้าวเข้ามาในร้านฝูหรงเซวียน บรรดาลูกจ้างที่ว่างงานหรือที่ไม่ได้ต้อนรับลูกค้า ต่างก็พากันกรูเข้ามาหาอวิ๋นเจียว ทุกคนต่างก็แสดงความกระตือรือร้นจนอวิ๋นเจียวใ
ด้านอวิ๋นเจียวถูกลูกจ้างเชิญไปนั่งที่ห้องรับรองแขกชั้นสูง มีทั้งน้ำชาชั้นดี ผลไม้ชั้นเลิศคอยต้อนรับอย่างดี ส่วนอีกด้านก็มีคนรีบวิ่งไปแจ้งหลงจู๊ที่หลังร้าน
อวิ๋นเหนียงเพิ่งออกมาจากห้องของฉู่อี้ าแของฉู่อี้หายดีเกือบหมดแล้ว จะว่าไปแล้ว เื่นี้ก็ต้องขอบคุณยาเม็ดวิเศษเม็ดนั้น ที่ทำให้าแของนายท่านน้อยไม่ลุกลามไปแย่กว่านี้ และนายท่านน้อยก็ไม่เป็ไข้ จึงทำให้การรักษาในภายหลังของนางได้ผลดี
“ท่านหลงจู๊ขอรับ คุณหนูตระกูลอวิ๋นจากหมู่บ้านไหวซู่มาขอรับ!”
นับั้แ่ครั้งก่อนที่สามพี่น้องตระกูลอวิ๋นนำเครื่องประทินผิวมา ทุกคนในร้านฝูหรงเซวียนก็รู้ว่าพวกเขาเป็คนตระกูลอวิ๋นจากหมู่บ้านไหวซู่
อวิ๋นเหนียงได้ยินก็ดีใจ จึงรีบถามว่า “อยู่ที่ใด?”
ลูกจ้างตอบ “ได้เชิญคุณหนูไปนั่งรอที่ห้องรับรองแขกชั้นสูงแล้วขอรับ มีคนคอยดูแลอยู่!”
อวิ๋นเหนียงเอ่ยชม “พวกเ้านี่ฉลาดจริงๆ พอเสร็จงานแล้วก็ไปรับรางวัลที่ห้องบัญชีได้เลย!” ลูกจ้างได้ยินก็ดีใจ รีบโค้งคำนับขอบคุณ
ขณะที่อวิ๋นเหนียงกำลังจะไปที่ห้องโถงด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงของฉู่อี้ดังมาจากด้านหลัง “ข้าไปเอง”
อวิ๋นเหนียงใ หันกลับมามองฉู่อี้ด้วยความประหลาดใจ ปกตินายท่านน้อยไม่เคยยุ่งเื่กิจการร้านค้ามิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้...
ฉู่อี้ก้าวเท้าเดินจากไป ทิ้งให้อวิ๋นเหนียงยืนอยู่ข้างหลัง “เ้าไปทำงานของเ้าเสียเถิด!”
“เ้าค่ะ!” อวิ๋นเหนียงรีบก้มหน้ารับคำ ความใในใจยังไม่จางหายไป แต่... นางก็อยากไปพบกับคุณหนูน้อยคนนั้นเช่นกัน แล้วจะทำอย่างไรดี? ภาพยาเม็ดประหลาดเม็ดนั้นปรากฏขึ้นในหัวของอวิ๋นเหนียงอีกครั้ง ในใจก็คันยุบยิบอย่างบอกไม่ถูก