เมื่อโจวเวยได้ยินก็รีบเอ่ยแย้ง “พระชายาทรงเข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เคยคิดเช่นนั้น”
อวิ๋นซีหัวเราะหึหึ “ตอนที่เปิ่นหวางเฟยพูดกับท่านรองผู้บัญชาการโจวนั้น ก็ได้แทนตนว่าเปิ่นหวางเฟยแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ลังเล คิดจะสังหารเปิ่นหวางเฟยภายใต้คมกระบี่ตน พูดมาเช่นนี้แล้ว คงจะเป็เปิ่นหวางเฟยที่เข้าใจผิดไปเองจริงๆ ถึงกระนั้นท่านรองผู้บัญชาการก็น่าจะโเี้อีกสักหน่อย เพราะหากเป็เช่นนั้น ไม่แน่ว่า เปิ่นหวางเฟยก็คงจะไม่สามารถมายืนตำหนิท่านอยู่ตรงนี้ได้แล้ว”
อวิ๋นซีมองโจวเวยเรียบๆ ขณะที่โจวเวยเองจู่ๆ ก็รู้สึกราวกับตนคล้ายจะบ้าคลั่งเสียให้ได้ จากนั้นจึงพูดอย่างเกรี้ยวกราด “นังคนชั้นต่ำ ข้าแค้นนักที่เมื่อครู่ไม่ได้สังหารเ้าเสียให้สิ้นในกระบี่เดียว”
เมื่อพูดจบ เขาก็ชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งโจมตีไปทางอวิ๋นซี ขณะเดียวนั้นอวิ๋นซีที่หลบได้ช้าจึงไม่ทันหลีกลี้ได้พ้น ถูกกระบี่ของโจวเวยทำให้ได้รับาเ็ที่แขน ในตอนนั้นเมื่อชิวิและโอวหยางเทียนหลานดึงสติกลับมาได้ ทั้งสองต่างก็เร่งร้อนโผนทะยานเข้ามาขัดขวาง แต่ก็ยังนับว่าช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้แขนของอวิ๋นซีมีเืไหลทะลักออกมา เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวอาภรณ์สีเรียบๆ นั้นก็ถูกอาบย้อมด้วยสีแดงฉาน
“สมควรตายนัก” โอวหยางเทียนหลานชักกระบี่ออกมาจากฝักขององครักษ์ผู้หนึ่ง จากนั้นจึงพุ่งกายไปทางโจวเวย คนทั้งสองเข้าตีรันฟันแทงอย่างไม่ยั้งมืออยู่ด้านหน้าจวนอ๋อง
ทางด้านเซียงเอ๋อร์และเพ่ยเอ๋อร์นั้นต่างรีบร้อนช่วยประคองอวิ๋นซีเข้าไปในจวน ทั้งยังไม่ลืมให้คนไปตามหมอมาตรวจดูาแให้พระชายาตน
ชั่วขณะนั้นทั้งจวนอ๋องก็วุ่นวายไปหมด
จวินเหยียนขี่ม้ากลับมา ทันทีที่เห็นเ้าสี่กำลังต่อสู้กับใครบางคนอยู่ที่หน้าจวน เดิมทีกำลังคิดจะสอบถาม แต่กลับมีองครักษ์ตาดีคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้ทำร้ายพระชายาจนพระนางได้รับาเ็”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็รีบกระชากคอเสื้อขององครักษ์ผู้หวังดีแล้วจึงถามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “แล้วพระชายาเป็เช่นไร? ”
“ลำคอและแขนโดนกระบี่ไปอย่างละหนึ่งแผลพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เพิ่งจะพูดจบ จวินเหยียนก็หายไปแล้ว เขาเร่งรุดไปยังสวนชิงเฟิง และได้เห็นเพ่ยเอ๋อร์กำลังทำแผลให้อวิ๋นซี ฉับพลันนั้นดวงตาทั้งสองข้างพลันแดงก่ำ เขาไม่พูดอะไรสักคำก็หันหน้ากลับ มุ่งออกไปด้านนอก
เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่กล่าวกับตัวเองในใจ ไม่ดีแล้ว นี่ไม่ดีแน่ นางจึงรีบพูดออกไป “จวินเหยียน เดี๋ยวก่อน”
จวินเหยียนที่ราวกับไม่ได้ยินเสียงใดยังคงมุ่งหน้าออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด อวิ๋นซีดันเพ่ยเอ๋อร์ออก ด้วยยามนี้หาใช่เวลาจะมาสนใจาแที่แขนตน นางรีบไล่ตามหลังชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว “จวินเหยียน หยุดนะ”
จวินเหยียนยังคงไม่หันศีรษะกลับมาเช่นเดิม อวิ๋นซีจึงได้แต่กล่าวอย่างปลงๆ “จวินเหยียน แขนข้าเจ็บมาก”
จวินเหยียนที่กำลังมุ่งหน้าออกไปด้านนอกเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าก็รีบหันกายกลับมา ก่อนจะได้เห็นผ้าขาวที่พันอยู่บริเวณแขนนางยามนี้ชุ่มโชกไปด้วยสีแดงของเื ชายหนุ่มไม่อาจทำอันใดได้อีกนอกจากรีบเดินกลับมาแล้วอุ้มนางกลับไปยังสวนชิงเฟิง
เมื่อมาถึง อวิ๋นซีก็พูดกับเพ่ยเอ๋อร์และสาวใช้คนอื่นๆ “พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ”
ตอนที่ประตูห้องปิดลง อวิ๋นซีก็ถอนใจโล่งอก “เมื่อครู่ท่านคิดจะทำอันใด? ”
ในน้ำเสียงเ็าน่ากลัวของจวินเหยียนนั้นยังคงสลัดจิตสังหารออกไปได้ไม่หมด “สังหารคนผู้นั้นที่มาทำให้เ้าาเ็”
“หากข้าไม่อยากให้เขาทำร้ายข้า โจวเวยผู้นั้นจะยังทำอันใดข้าได้เล่า” อวิ๋นซีมองเขาไปทีหนึ่ง พูดเรียบๆ “ยังจะไม่ช่วยข้าพันแผลอีก อยากเห็นข้าเืออกมาก จะได้เว้นที่ไว้ให้คนอื่นขึ้นมาแทนตำแหน่งข้าหรือไร”
“เหตุใดต้องให้เขาทำร้ายเ้า” จวินเหยียนช่วยนางพันแผลพลางถามเสียงต่ำ
“เขาเป็คนของรัชทายาท” อวิ๋นซีรู้ว่า จวินเหยียนน่าจะเดาฐานะที่แท้จริงของนางได้แล้ว จึงไม่คิดปิดบังอีกต่อไป
เมื่อจวินเหยียนได้ยิน ในใจก็เกรี้ยวกราดดังไฟสุม “เพราะเขาเป็คนของรัชทายาท เ้าจึงคิดจะใช้วิธีเช่นนี้มากำจัดเขาอย่างนั้นหรือ? ”
เสียงเขาเรียบเฉยยิ่ง ทำให้อวิ๋นซีที่ได้ยินถึงกับใจสั่นไหว นี่เขาโกรธแล้ว?
เมื่อเขาช่วยนางพันแผลเสร็จแล้วก็พูดเรียบๆ “อวิ๋นซี เปิ่นหวางไม่้าให้เ้าทำร้ายตนเองเพื่อกำจัดคนข้างกายรัชทายาทให้ และข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือว่า ไม่มีผู้ใดสำคัญไปกว่าเ้า? ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันหน้ากลับ เดินออกไปด้านนอก ในตอนนั้นเองใจอวิ๋นซีก็ให้รู้สึกลนลาน นางคิดอยากจะลุกขึ้นเพื่อไล่ตามเขาออกไป แต่เพราะรีบร้อนจนเกินไป จึงเป็เหตุให้ล้มลงบนพื้นไปทั้งร่าง เมื่อจวินเหยียนได้ยินเสียงแปลกประหลาดก็รีบหันกายกลับไป และเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของอวิ๋นซีก็เผลอะโเสียงดัง “อาซี! ”
เขารีบก้าวเข้ามาใกล้แล้วอุ้มตัวนางกลับไปวางบนเตียง เดิมทีคิดจะปล่อยนาง แต่เป็อวิ๋นซีที่กอดเขาเอาไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อยมือ “จวินเหยียน ข้าขอโทษ ข้ารู้แล้วว่าข้าทำผิดไป ครั้งหน้า ข้าจะไม่ใช้วิธีเช่นนี้มากำจัดศัตรูอีกแล้ว”
จวินเหยียนกอดนาง พูดอย่างปลงๆ “อาซี พวกเรามีวิธีมากมายเพื่อกำจัดคนเ่าั้ออกไป”
อวิ๋นซีพยักหน้า บางทีเื่ในวันนี้อาจเป็นางที่รีบร้อนเกินไป คิดแต่อยากจะกำจัดคนข้างกายของโอวหยางเทียนหัวจนหลงลืมไปว่า ในโลกใบนี้ยังมีคนที่เป็ห่วงกังวลในตัวนาง
คนทั้งสองอิงแอบกันอยู่เช่นนี้ ทว่า ไม่นานท่านหมอก็มาถึง เขาเป็ชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจากอวิ๋นซานผู้เป็บิดาของอวิ๋นซี คนมีความสง่างามดั่งบัณฑิตที่อาจเรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับคนตรงหน้าแทบทุกกระเบียดนิ้ว เพราะคนคนนี้แลดูเฉลียวฉลาด เ้าเล่ห์ หากไม่ใช่เพราะยามนี้มีกล่องยาใบใหญ่อยู่ที่หลัง ผู้อื่นคงได้มีเข้าใจผิด คิดไปว่าเขาคือพ่อค้า ไม่ใช่หมอ
“เ้านี่นะ หาเื่ให้ข้าให้มันน้อยๆ หน่อยจะได้หรือไม่ แม้แต่สตรีของตนก็ยังปกป้องไม่ได้ ให้ข้าพูดออกไปก็อายคนเสียเปล่าๆ ” ทันทีที่ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาก็รีบว่ากล่าวจวินเหยียนเสียยกใหญ่
อวิ๋นซีเอนพิงอยู่บนเตียงขณะมองดูฉากที่น่าขบขันฉากนี้ ในใจก็อดคาดเดาไม่ได้ว่าคนผู้นี้เป็ผู้ใดกันแน่? แม้เ้าของร่างเดิมจะเป็หมอหญิงที่รักษาคนอยู่ในหานโจวนี้มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอคนผู้นี้มาก่อนเลย อีกทั้ง พอเข้าประตูมา เขาก็ว่ากล่าวจวินเหยียนอย่างไม่เกรงใจ ดูแล้วคนไม่เหมือนหมอทั่วไป
เมื่อเขาบ่นจวินเหยียนจบก็หันมามองอวิ๋นซี จากนั้นจึงยิ้มพูด “ชายาหานอ๋อง รูปโฉมงดงามจริงๆ ด้วย มิน่าเ้าเด็กนี่ถึงได้ลุ่มหลงเ้าเช่นนี้”
“เหตุใดถึงพูดมากเพียงนี้” จวินเหยียนลากเขาไปอีกด้านด้วยความรำคาญใจ จากนั้นจึงหันไปพูดกับอวิ๋นซี “เขาคือหลิ่วเซิง เป็หมอคนหนึ่งที่เคยช่วยข้าตอนที่ถูกคนไล่สังหาร”
“ฟังสิ่งที่ตนพูดเข้าสิ ขนาดผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตไว้ เ้ายังปฏิบัติเช่นนี้เลย” หลิ่วเซิงชี้ไปที่จวินเหยียน จากนั้นจึงพูดต่อ “เ้าคืออวิ๋นซีใช่หรือไม่ ข้าจะบอกเ้าให้นะ ในเมื่อยามนี้เ้าแต่งให้เ้าเด็กบ้านี่แล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องไว้หน้าเขานักหรอก หากตอนไหนเขาไม่เชื่อฟังก็ตบเสียแรงๆ เขาถึงจะได้เชื่อฟังสักหน่อย”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็รู้สึกตลกยิ่ง “ท่านหลิ่วและท่านอ๋องของข้าราวกับมีความแค้นล้ำลึกต่อกันก็ไม่ปาน หากเป็จริง ท่านก็ลองพูดออกมาเถอะ ไม่แน่อาซีอาจช่วยระบายความโกรธในใจให้ท่านได้นะเ้าคะ”
“ดียิ่ง เห็นคนอื่นดีกว่าสามีตนเองแล้วหรือ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่หรือไม่? ” จวินเหยียนนั่งลงข้างกายนางถามด้วยความไม่พอใจ
ทว่า ในตอนนี้เองเสียงขององค์ชายสี่ก็ดังลอดเข้ามาจากด้านนอก “พี่รอง พี่สะใภ้เป็อย่างไรบ้าง”
อวิ๋นซีผลักเขาออก จากนั้นจึงพูดเสียงเบา “ชายาหานอ๋องถูกคนทำร้าย ได้รับความใ ทำให้ไม่สามารถรักษาบุตรในครรภ์ไว้ได้”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินคำของนางแล้ว ก็รีบถามกลับด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “บุตรในครรภ์? พระชายาตั้งครรภ์เมื่อใดกัน เหตุใดเปิ่นหวางจึงไม่ทราบมาก่อน? ” เขาอยากจะเห็นจริงๆ ว่าสมองของสตรีนางนี้มีรูปลักษณ์เป็อย่างไร? ถึงกับคิดเื่บุตรในครรภ์ที่ไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้อะไรนี่ออกมา
ั้แ่ที่พวกเขาแต่งงานกันมา เขาก็เป็สุภาพบุรุษมาตลอดเลยนะ
“ให้ท่านไป ท่านก็ไปเถอะ จะพูดมากทำอันใด” อวิ๋นซีโกรธแล้ว
“เชื่อภรรยาเ้าเถอะ ไม่ผิดแน่” เมื่อหลิ่วเซิงพูดจบก็อดมองอวิ๋นซีอีกครั้งไม่ได้ “หน้าตางดงาม จิตใจมีเล่ห์เหลี่ยม ทั้งยังเฉลียวฉลาด เ้าหนู เ้าได้ของล้ำค่ามาอยู่ในมือแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้