เมื่อทำความเข้าใจกันเป็ที่เรียบร้อยหลี่อี้ที่ไปตามเฉินอิ่น ก็เดินเข้ามาพร้อมกันพอดีจึงเริ่มหารือแผนการรับมือนักฆ่าขึ้น
“นายน้อย/คุณชาย”
“พวกเ้ามาก็ดีแล้วนั่งลงเถิดข้ากับอาหยวนมีเื่ต้องบอกกับพวกเ้า คืนนี้กำชับทุกคนให้ระวังตัวเอาไว้เพราะจิ่นเอ๋อร์เห็นว่ามีนักฆ่าติดตามมา เพื่อสังหารอาหยวนและตอนนี้คงหลบซ่อนตัวอยู่ น่าจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณจุดพักของพวกเรา ดังนั้นคืนนี้ตงลู่เ้ามีหน้าที่คอยอารักขาจิ่นเอ๋อร์ที่รถม้าหากมีนักฆ่าหลุดรอดไปถึงที่นั่นฆ่าพวกมันให้หมด ส่วนเฉินอิ่นกับอู๋จิ้งแยกกันไปอยู่กับกลุ่มทหารหลี่อี้ เ้าอยู่กับพวกข้าที่นี่พวกมันต้องแยกกันสังหารทุกคน แต่ตัวหัวหน้า
กับลูกน้องบางส่วนคงตรงมาหาอาหยวนแน่นอน” ฟู่หลงเหยียนสั่งการแบ่งหน้าที่เพื่อปกป้องทหารจากเมืองเฉียนโจวด้วย พวกเขายังต้องกลับไปหาครอบครัวเช่นกัน
“รับทราบขอรับนายน้อย” เฉินอิ่นที่รู้อยู่แล้วว่าเื่นี้ย่อมเกิดขึ้นจริงจึงสะกิดสหายให้ทำตามคำสั่งของเ้านาย เพราะพวกเขายังไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอ ตงลู่กับอู๋จิ้งจึงอ่านปากของเฉินอิ่นที่บอกว่าจะเล่าเื่ราวให้ฟังทีหลัง
“รับทราบขอรับคุณชายฟู่” หลี้อี้แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเป็เื่จริงหรือไม่ก็รับทราบตามน้ำพวกเฉินอิ่นอีกคน
“เช่นนั้นพวกบ่าวขอไปพูดคุยและเตรียมตัวรับมือศัตรูก่อนนะขอรับนายน้อย อีกไม่นานก็ถึงเวลาทำอาหารมื้อเย็นแล้วด้วยขอรับ” เฉินอิ่นรีบหาข้ออ้างกับเ้านายเพราะยามนี้สหายทั้งสอง รวมถึงหลี่อี้ที่ใช้สายตากดดันเขาด้วยอยากรู้เื่ราวบางอย่าง
“อืม พวกเ้าไปจัดการให้เรียบร้อยอย่าลืมตรวจตรารอบ ๆ จุดพัก ตรงไหนที่เป็จุดให้ซ่อนตัวได้จัดการให้มันโล่งเตียนทุกจุด” ฟู่หลงเหยียนต้องบีบให้ศัตรูมาเผชิญหน้าโดยตรง
“เ้าก็ไปช่วยพวกเขาด้วยก็แล้วกันหลี่อี้ บริเวณรถม้าของจิ่นเอ๋อร์ต้องปลอดภัยที่สุดเข้าใจไหม”
“บ่าวเข้าใจแล้วขอรับคุณชาย”
เมื่อขอตัวกับเ้านายแล้วทั้งสี่คนก็แยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พอรู้ว่าไกลจากจุดที่พักของเ้านายทั้งสามเฉินอิ่นก็ถูกรุมล้อมทันที
“เฉินอิ่นเ้ารู้สิ่งใดมาจงเล่าออกมาให้หมดอย่าได้คิดหมกเม็ด มิเช่นนั้นพวกข้าสามคนจะจัดการเ้าให้กินข้าวไม่ลงคอยดูสิ” ตงลู่เริ่มข่มขู่สหายเป็คนแรก
“ใช่แล้วข้าก็คิดเหมือนกับตงลู่เ้ารีบเล่ามาจะดีกว่านะเฉินอิ่น”
“เอ่อ ข้ามาทีหลังก็อยากรู้เช่นกันอย่างไรเสีย ต่อไปคุณหนูก็ต้องอยู่ที่ตระกูลเจียงรู้ไว้สักนิดดีกว่าไม่รู้อะไรเลย แฮะ ๆ” หลี่อี้ทั้งอยากรู้และ้าเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับอวี้จิ่น เผื่อเข้าไปอยู่ที่จวนแล้วมีคนมาหาเื่นางเขาจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับนางได้เท่านั้นเอง
“เอาล่ะ ๆ ๆ ข้าย่อมเล่าให้พวกเ้าฟังอยู่แล้วไม่คิดจะปิดบังแน่นอน แต่พวกเ้าต้องปิดปากให้สนิทหลังจากที่ได้ฟังเื่ที่ข้าจะบอก เพราะมันสำคัญมากหากคนที่คิดร้ายกับคุณหนูรู้เข้าย่อมไม่เป็ผลดี” เฉินอิ่นต้องกำชับเหล่าสหายให้ปากหนักเข้าไว้
“อืม พวกข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรเ้ารีบเล่ามาเถิด ยังมีเื่นักฆ่าให้พวกเราได้จัดการในคืนนี้อีก” ตงลู่ย่อมเข้าใจความกังวลนี้ของสหาย
“เื่มันมีอยู่ว่าเมื่อวันที่นายน้อยพาคุณหนูไปในเมืองซวนเหอ ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงถึงขั้นพูดถึงเื่เล่า ที่มีมาอย่างยาวนานคือการมีผู้ที่ฟื้นจากความตายและได้รับพรวิเศษกลับมา เนื่องจากคุณหนูอวี้จิ่น..”
“คุณหนูเจียง” หลี่อี้ท้วงเื่การเรียกชื่อของอวี้จิ่น
“เออ ๆ ๆ เพราะคุณหนูเจียงได้เข้าไปช่วยเหลือสองพี่น้อง ซึ่งถูกหญิงวัยกลางคนหลอกซื้อพวกเขามาจากครอบครัว และกำลังจะพาไปขายให้เศรษฐีที่มีความชอบวิปริต คุณหนูเจียงที่จิกหัวหญิงผู้นั้นไว้แน่นและจับมือนางไขว้หลัง แต่แล้วเื่ทุกอย่างก็เริ่มจากตรงนี้ก็คือ...ฯลฯ...” เฉินอิ่นเล่าด้วยน้ำเสียงสูงต่ำชวนสหายขนลุก
“อึก จะ จะ เ้าจะบอกว่าก่อนที่คุณหนูเจียงจะออกจากหมู่บ้าน นางตายไปแล้วแต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่รู้ถึงสาเหตุการตายของนาง แม้แต่คุณชายฟู่ก็ยังไม่รู้สาเหตุนี้ใช่ไหมเฉินอิ่น” หลี่อี้ได้ฟังแล้วก็รู้สึกหวั่น ๆ เพราะพรวิเศษของอวี้จิ่นนั้นสามารถตัดสินเป็ตายได้เชียวนะ
“หากเป็อย่างที่เ้าพูดมาเช่นนั้นเื่ที่ซ่อนหลักฐานนั่น คุณหนูเจียงก็รู้ั้แ่ตอนที่ััตัวของนักโทษที่ปลอมเป็ผีน่ะสิ นี่เป็สิ่งที่ดีและไม่ดีต่อพวกเราอย่างมากเลยล่ะ หากคุณหนูเจียงรู้ความลับของพวกเราแล้วเก็บไว้ข่มขู่จะทำอย่างไรดี” อู๋จิ้งคิดไปไกล
“ป้าบ!! เ้าคิดไปถึงไหนอู๋จิ้งถ้าเ้าไม่ยื่นมือให้คุณหนูเจียง นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเ้ามีความลับอะไรบ้างน่ะ” ตงลู่ทนการคิดไปเรื่อยเปื่อยของสหายไม่ไหว จึงต้องหยุดความคิดไว้ด้วยฝ่ามือของตนเสีย
“อูย! นี่ตงลู่เ้าบอกข้าดี ๆ ก็ได้ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วยเล่า” อู๋จิ้งลูบหัวตนเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ
“ถ้าคุณหนูมีความสามารถพิเศษเช่นนี้แล้ว หากคนที่คิดร้ายเดินเข้ามาแตะเนื้อต้องตัวของนาง แผนการต่าง ๆ ย่อมเปิดเผยให้คุณหนูได้เห็นทั้งหมดน่ะสิ นี่ถือว่าเป็เื่ดีมาก ๆ เมื่อกลับไปพวกตระกูลเจียงสายรองต้องวางแผนกำจัดคุณหนูอีกครั้งแน่” หลี่อี้ที่คิดต่างจากอู๋จิ้งเขาคิดว่านี่จะเป็ตัวช่วยให้อวี้จิ่นรอดพ้นจากพวกเจียงกุ้ยฉิน
“หึ มิใช่แค่เพียงตัวคุณหนูเจียงที่จะปลอดภัยแต่คนในครอบครัวย่อมปลอดภัยจากความสามารถนี้ด้วยเช่นกัน พวกเ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือตำแหน่งของแม่ทัพใหญ่เจียง ฝ่ายที่อยากโค่นอำนาจส่งเสริมคนของตนมาแทนที่ ต่างก็รู้กันดีว่าเป็ฝ่ายของผู้ใดในราชสำนัก ฉะนั้นพวกเ้าต้องเก็บเป็ความลับอย่าได้พูดออกไป หากมิได้รับอนุญาตจากนายน้อยหรือคุณชายเจียงเข้าใจหรือไม่” เฉินอิ่นย้ำกับสหายให้ระวังเื่การพูดจา
“พวกข้าเข้าใจแล้วเฉินอิ่นเพราะมันย่อมเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณหนูเจียงด้วย ขอบใจเ้ามากที่เล่าเื่นี้ให้พวกเราฟังแต่ข้าว่าพวกเราต้องไปตรวจรอบที่พักกันแล้ว คืนนี้จะได้ประมือกับพวกนักฆ่ามาดูกันใครจะสังหารพวกมันได้มากกว่า” อู๋จิ้งเอ่ยท้าทายกับสหายเพื่อแข่งขันกันสักเล็กน้อย
“อืม แยกย้ายกันเถิด” เฉินอิ่นรับปากเื่แข่งขันก่อนจะให้ทุกคนไปทำตามคำสั่งของเ้านาย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีแผนการเป็ของตนเอง ทางด้านของฟาหยางแม้จะสูญเสียความมั่นใจ หลังจากเห็นเจียงหยวนมาสมทบกับขบวนนักโทษ แต่เขายังเชื่อว่าฝีมือของตนเองกับลูกน้องคนสนิทไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด และในยามจื่อของคืนนี้จะได้รู้กันเสียทีว่าระหว่างบุตรชายของแม่ทัพใหญ่ ที่ผู้คนกล่าวชื่นชมความสามารถในการสังหารศัตรูในสนามรบ กับหัวหน้านักฆ่าอย่างเขาผู้ใดจะเก่งกาจมากกว่ากัน
หลังจากความมืดมาเยือนบริเวณจุดพักค้างแรมของฟู่หลงเหยียน ทุกคนได้ทำตามแผนที่วางไว้อย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนที่ซ่อนตัวเห็นความเคลื่อนไหว จะมีเพียงแสงจากกองไฟที่คอยให้ความอบอุ่นยามค่ำคืนและไล่แมลงต่าง ๆ อวี้จิ่นนอนเล่นอยู่ในรถม้านางไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นการต่อสู้ยุคโบราณจริง ๆ ทุกคนแสร้งนอนหลับทั้งที่จริงแล้วกำลังรอผู้บุกรุกเท่านั้น
เมื่อเข้าสู่ยามจื่อกลุ่มของฟาหยางที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัว ที่ซุ่มดูอยู่เงียบ ๆ มานานก็ออกจากที่ซ่อนเพื่อลงมือเก็บกวาดทุกคน
“หัวหน้าพวกมันมีทหารตรวจเวรยามแค่สองสามคน แล้วพากันนอนหลับอย่างสบายใจไม่ระแวดระวังเอาเสียเลยนะขอรับ” หรงซิ่งเห็นคนในขบวนเดินทางทำทุกอย่างปกติโดยไม่คิดการป้องกันแต่อย่างใด
“หึ พวกมันชะล่าใจน่ะสิคิดว่าที่นี่จะไม่มีใครกล้าลงมือกระมัง แต่ครั้งนี้พวกมันต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ส่วนหญิงสาวคนนั้น และหีบสมบัติทั้งหมดจะเป็ของพวกเราและคงสบายไปอีกนาน” จื้อโหยวที่จ้องมองเกวียนขนหีบสมบัติมากมายไว้ั้แ่เมื่อยามกลางวันแล้ว
“พวกเ้าอย่าได้ดูถูกศัตรูรีบลงมือทำตามแผน หรงซิ่งเ้าไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นให้ได้ส่วนข้ากับจื้อโหยว จะจัดการเ้าเจียงหยวนกับบุรุษที่นำขบวนนักโทษเอง คนอื่น ๆ ไปสังหารพวกที่เฝ้าเกวียนสมบัติแล้วค่อยไปสมทบกับข้า” ฟาหยางเห็นว่าได้เวลาลงมือจึงกำชับลูกน้องเื่แผนการอีกครั้ง
“ขอรับหัวหน้า”
หรงซิ่งมองตามฟาหยางไปอีกทางก่อนที่ตนเองจะย่องไปใกล้ ๆ กับรถม้า เพื่อจับตัวอวี้จิ่นเมื่อมาถึงรถม้าที่ไม่มีใครคอยเฝ้าหรงซิ่งกำลังจะขึ้นไป้า แต่ที่ตรงนี้กลับทำให้หรงซิ่งต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ เพราะตงลู่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้อย่างแเี
“หึ ๆ ๆ แม่นางวันนี้เ้าไม่รอดเงื้อมมือของข้าไปได้แน่”
“เ้าแน่ใจหรือว่าจะทำอย่างที่พูดออกมาได้”
“ขวับ!! เ้ามาอยู่ตรงนี้ั้แ่เมื่อใดกัน”
“ข้าไม่จำเป็ต้องตอบส่วนเ้าจงถอยออกมาให้ห่างรถม้านั่นซะ หรือหากคิดจะขึ้นไปให้ได้เ้าต้องล้มข้าให้ได้เท่านั้น” ตงลู่ท้าทายหรงซิ่ง
“นี่เ้าคงจะมั่นใจฝีมือของตนเองมากสินะว่าจะชนะข้าได้ ในเมื่อเ้าร้องขอข้าจะช่วยสงเคราะห์ส่งเ้าไปลงนรกเอง ชิ้ง ย๊าก!!” หรงซิ่งพูดจบก็ชักกระบี่และพุ่งเข้าไปหาตงลู่อย่างรวดเร็ว
“เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! ผัวะ! อ่ะ ปึก เคร้ง!! ฉัวะ! อ๊าก!”
“หึ เก่งอย่างที่พูดหน่อยสิยังไม่ทันไรก็ถูกข้าทำให้าเ็ให้แล้ว”
“แฮ่ก ๆ หนอย อย่าปากดีให้มากคราวนี้ข้าจะฆ่าเ้าซะ”
“เคร้ง!! เคร้ง!! ฉัวะ! ฉัวะ! อึก ฉัวะ! อั่ก ตุบ”
“คิดแตะต้องสตรีของนายข้าย่อมได้รับโทษตายเช่นนี้” ตงลู่ใช้เท้าสะกิดหรงซิ่งดูว่าตายสนิทแล้วหรือยัง แต่ไม่วายพูดทิ้งท้ายเพียงเบา ๆ เพราะไม่้าให้อวี้จิ่นได้ยิน
แต่อวี้จิ่นที่แอบแง้มผ้าผ่านดูการต่อสู้อยู่ในรถม้า เมื่อเห็นว่าตงลู่จัดการคนร้ายได้อยู่หมัดก็รู้สึกทึ่งกับฝีมืออันร้ายกาจยิ่งนัก นางถึงกับโผล่ออกมาแล้วกล่าวชื่นชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง
“ว้าว! น้าตงลู่ท่านยอดเยี่ยมมากเ้าค่ะ”
“หืม ขอบคุณคุณหนูที่ชมขอรับแต่ท่านกลับเข้าไปด้านในก่อนเถิด สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่นะขอรับ”
“เ้าค่ะ ขอบคุณที่ช่วยปกป้องข้านะเ้าคะ”
“ขอรับคุณหนู”
ตงลู่พูดกับอวี้จิ่นก่อนจะลากศพของหรงซิ่งไปวางให้ห่างรถม้าสักเล็กน้อย ส่วนหูของเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ขึ้นทางด้านของสหาย แต่เขามั่นใจว่าทั้งสองสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน และตอนนี้คงเหลือเพียงเ้านายของตนและรองแม่ทัพเจียง ที่หัวหน้าของกลุ่มนักฆ่ากำลังจะเริ่มลงมือแล้ว
“สวบ! สวบ! พรึ่บ! ชิ้ง!”
“หึ ที่แท้พวกเ้าก็แสร้งตบตาพวกข้านี่เอง ถึงพวกเ้าจะฉลาดแค่ไหนแต่วันนี้ก็ต้องตายอยู่ดี” ฟาหยางและจื้อโหยวเดินมาใกล้บริเวณกองไฟ ก็ถูกหลี่อี้ลุกขึ้นมาชักกระบี่ชี้มาทางพวกตน
“คุณชายขอรับบ่าวเคยเห็นพวกมันนั่งอยู่ร้านน้ำชา ฝั่งตรงข้ามกับโรงเตี๊ยมที่เราไปพักในเมืองเหลียนโจวขอรับ ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วพวกมันคือนักฆ่าที่ติดตามพวกเรามา” หลี่อี้แม้จะสังเกตเห็นแต่คนกลุ่มนี้มิได้แสดงท่าทีอาฆาตให้เห็นจึงมิได้ใส่ใจนัก
“ได้ข่าวว่ามีคนจ้างพวกเ้าให้มาสังหารข้าระหว่างเดินทางงั้นหรือ พอจะบอกได้ไหมว่าใครกันที่จ้างพวกเ้ามาในครั้งนี้ ถึงจะเป็แค่รองแม่ทัพแต่ทรัพย์สินเงินทองของข้าก็ไม่น้อยหน้าผู้ใด หากเ้ายอมคายชื่อคนที่้ากำจัดข้าออกมาละก็ ข้าจะจ่ายให้พวกเ้าสองพันตำลึงทองเป็อย่างไร” เจียงหยวนมิได้โอ้อวดเพียงแค่คำพูดเพราะความเป็จริง
“อย่าคิดเกลี้ยกล่อมข้าเสียให้ยากเลยรองแม่ทัพเจียง ขอเพียงกำจัดท่านได้พวกข้าก็มีกินมีใช้อย่างสบายได้เช่นกัน ฮ่า ๆ ๆ” ฟาหยางมั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะเจียงหยวนได้แน่
“ดูพวกเ้าจะมั่นใจเสียเต็มประดาแต่ไม่ลองมองไปทางลูกน้องอีกคนหน่อยรึ ว่าสามารถจับตัวคนของข้าออกมาจากรถม้าได้หรือไม่ หึ” ฟู่หลงเหยียนยังคงนั่งอยู่เช่นเดิมแต่ไม่วายขอพูดกับคนร้ายสักเล็กน้อย
“เ้าหมายความว่าอย่างไร” ฟาหยางยังไม่เข้าใจที่ฟู่หลงเหยียนพูดเท่าใดจนหันไปมองรถม้าที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
“ขวับ!!”
“ขวับ!! หัวหน้าหรือว่าเสียงต่อสู้เมื่อกี้จะเป็หรงซิ่งกับคนคุ้มกันขบวน แล้วหรงซิ่งเล่าเหตุใดถึงเงียบหายไปเช่นนี้ละขอรับ” จื้อโหยวเริ่มรู้สึกประหม่ากับงานครั้งนี้เสียแล้ว
“อาเหยียนเ้านั่งดูเฉย ๆ ก็พอรอข้าจัดการพวกมันได้เมื่อไหร่ จะได้รู้กันเสียทีว่าคนที่จ้างนักฆ่าใช่คนที่พวกเราคิดไว้หรือไม่” เจียงหยวน้าลงมือเองโดยให้สหายนั่งเป็ผู้ชมก็พอ
“ได้ เชิญเ้าตามสบายสหายข้า” ฟู่หลงเหยียนมั่นใจในฝือมือของเจียงหยวนอยู่แล้ว เพราะทั้งสองมักจะประลองกันเมื่อมีเวลาว่าง
“พวกเ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตที่สังหารสหายของข้า!” จื้อโหยวระงับความโกรธที่เห็นสหายถูกสังหารเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“คุณชายเ้าคนนี้ยกให้เป็หน้าที่บ่าวเองขอรับ” หลี่อี้รับอาสา
“จัดการให้ดีข้าจะต้องสั่งสอนเ้าหัวหน้านี้เสียหน่อย แล้วค่อยจับตัวไว้ให้กับน้องสาวของข้าทีหลัง ลงมือ!!” เจียงหยวนพูดจบก็พุ่งเข้าไปหาฟาหยางทันที
“ก็เข้ามา ย๊ากกก!!”
“เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! ผัวะ! อ่ะ ปึก เคร้ง!! ฉัวะ! ปึก ผัวะ! เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! ฉัวะ! อ๊าก! ตุบตับ! ปึก อั่ก ตุบตับ! ปึก ตุบ แค่ก ๆ ๆ”
“หัวหน้า!! กรอดดด!! พวกเ้าต้องตาย ย๊ากกกกก!”
“มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก” หลี่อี้พุ่งเข้าไปขวางและต่อสู้กับจื้อโหยวอีกไม่กี่กระบวนท่าก็สังหารอีกฝ่ายลงได้
“เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! ฉัวะ! อ๊าก! ฉัวะ!! อ่ะ หะ หะ หัวหน้า ตุบ”
“จื้อโหยววววว!!! ฆ่าข้าซะสิ!!”
“จุ๊ ๆ ๆ อันที่จริงข้าอยากจะสับเ้าเป็พัน ๆ ชิ้นอยู่หรอกนะ ถ้ามิใช่ว่าน้องสาวข้าขอร้องให้จับเป็เ้าเอาไว้เสียก่อน แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นไว้นางล้วงความลับจากเ้าได้แล้ว หลังจากนั้นข้าค่อยส่งดวงิญญาของเ้าตามลูกน้องไปก็แล้วกัน อาเหยียนเ้าไปพาจิ่นเอ๋อร์มาที่นี่เถิดเื่ทุกอย่างจะได้กระจ่างเสียที ส่วนเ้าหลี่อี้นำเชือกมัดมือเท้าไว้ให้แ่าอย่าปล่อยให้มันมีโอกาสคิดทำร้ายน้องสาวของข้าได้” เจียงหยวนไหว้วานสหายและออกคำสั่งกับคนของตน
“อืม”
“ขอรับคุณชาย”
ฟู่หลงเหยียนเดินไปส่งเสียงเรียกอวี้จิ่นตรงข้างรถม้า เพื่อรับตัวนางไปจัดการกับฟาหยางตามที่นางได้ขอร้องเอาไว้ ฟาหยางที่ถูกมัดอย่างแ่าไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้จับตัวเขาไว้ อย่างที่สตรีร่างบางตรงหน้าสั่งให้ทำไปเพื่ออะไรกันแน่ แต่เมื่อมือของเขาถูกเจียงหยวนจับเอาไว้แน่น และฟู่หลงเหยียนนำผ้าเช็ดหน้ามาคลุมมือไว้อีกชั้น ก่อนจะให้อวี้จิ่นใช้ความสามารถพิเศษของนางกับฟาหยาง
“หมับ!! พวกเ้าจะทำอะไร!!”
“อยู่นิ่ง ๆ น้องสาวของข้าแค่ััมือสกปรกของเ้าไม่นานเท่านั้น แล้วคนข้องข้าจะพาเ้าไปส่งลงแดนนรก” เจียงหยวนข่มขู่ฟาหยางทั้งน้ำเสียงและสายตาที่โเี้
“ชิ เป็ถึงนักฆ่าแต่มาคิดกลัวสตรีเช่นข้าดีที่ลูกน้องของเ้าตายไปก่อน ไม่เช่นนั้นคงได้เห็นด้านอ่อนแอของเ้าขอข้าดูหน่อยก็แล้วกัน ว่าเ้าทำชั่วมานานแค่ไหนและใครที่ส่งเ้ามาสังหารพี่ชายของข้า” อวี้จิ่นพูดก่อนจะยื่นมือไปแตะกลางฝ่ามือของฟาหยาง
“วูบบบ!! อึก เพียะ!!”
“เ้าคนชั่วช้า!! สิ่งที่เ้าได้ทำลงไปตายอีกกี่ชาติก็ชดใช้ไม่หมด พี่ชายฟู่ พี่ใหญ่ข้าไม่อยากเห็นหน้าคนชั่วช้าผู้นี้อีก ส่วนคนที่จ้างวานพวกเขามาเพื่อสังหารพี่ใหญ่นั้นรู้จักกับนักฆ่าพวกนี้ดี ได้ยินเ้าหัวหน้านี่เรียกว่าลูกพี่ฝางหั่วเ้าค่ะ” อวี้จิ่นที่เห็นว่าฟาหยางเข่นฆ่าและย่ำยีชีวิตผู้อย่างโหดร้าย ถึงเขาจะชดใช้ด้วยชีวิตอีกกี่ชาติภพก็ไม่อาจทดแทนกันได้
“เป็อย่างที่พวกเราคิดเอาไว้จริง ๆ สินะอาเหยียน”
“อืม เมื่อรู้เช่นนี้แล้วอย่างน้อยเ้าจะได้หารือกับท่านลุงเจียง เพื่อวางแผนรับมือคนพวกนั้นไว้ล่วงหน้า หากเื่ของจิ่นเอ๋อร์รู้ไปถึงหูของตาแก่นั่นละก็ พวกมันต้องมีแผนร้ายโดยมีจิ่นเอ๋อร์เป็เป้าหมายแน่ ตงลู่เ้ากับหลี่อี้นำตัวหัวหน้านักฆ่าไปกำจัดเสียจากนั้นบอกทุกคนพักผ่อนได้ พรุ่งนี้อนุญาตให้ตื่นในปลายยามโหย่วเมื่อจัดการเก็บข้าวของเสร็จแล้วจะออกเดินทางต่อทันที” ฟู่หลงเหยียนเป็ห่วงว่าอวี้จิ่นจะถูกเสนาบดีจินเพ่งเล็ง และใช้เป็หมากเพื่อทำลายแม่ทัพใหญ่เจียง
“ขอรับนายน้อย/ขอรับคุณชายฟู่”
“พี่ชายฟู่ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเ้าค่ะรวมถึงพี่ใหญ่ด้วย ข้าไม่ได้อ่อนแอปวกเปียกอย่างที่พวกท่านเป็กังวลหรอกนะเ้าคะ” เื่การเอาตัวรอดนางถือว่าไม่เป็รองใคร
“เอาล่ะไว้ค่อยมาคุยกันเื่นี้หลังจากถึงเมืองหลวงเถิด พวกเราจะได้หารือกับผู้ใหญ่อย่างจริงจังอีกครั้งนี่ก็จะเข้ายามอิ๋นแล้วรีบไปพักผ่อนจะดีกว่า” เจียงหยวนนึกเอ็นดูน้องสาวที่เพิ่งพบหน้ากับท่าทางมั่นอกมั่นใจนั่นเสียเหลือเกิน
เมื่อพักเื่ที่ยังมาไม่ถึงไว้ทั้งสามคนจึงแยกย้ายไปพักผ่อน เพื่อการเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงที่เหลือระยะทางอีกไม่ไกล และมันยิ่งทำให้อวี้จิ่นเริ่มจะตื่นเต้นคิดไปต่าง ๆ นานา เกี่ยวกับบิดาและมารดาซึ่งทั้งสองคนนี้ก็คิดเื่ของอวี้จิ่นเช่นกัน
