“จั้วพั่วจวิน!?” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมีสีหน้าตกตะลึง จากนั้นเขาก็พึมพำออกมา “จริงสินะ ที่ที่มีมู่หรงชิวสุ่ยจะไม่มีจั้วพั่วจวินได้ยังไง”
แม้จะไม่ได้เจอกันมาสามปี แต่รูปร่างของจั้วพั่วจวินเพียงได้เจอแค่ครั้งเดียวก็คงยากจะลืมได้ง่ายๆ แล้วจั้วพั่วจวินก็พูดออกมาขำๆ “ไง นี่ไม่ใช่ไอ้เด็กที่มาท้าฉันตัวต่อตัวเมื่อสามปีก่อนจากนั้นก็ถูกฉันเตะคว่ำหรอกเหรอเนี่ย.........ถึงจะโตขึ้นเยอะ แต่ท่าทางแบบนั้นไม่เปลี่ยนเลยสักนิด”
หน้าของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งชาไปเล็กน้อยจากนั้นก็ตามมาด้วยความโกรธ แล้วทันใดนั้นเขาก็ดึงดาบออกมาจากด้านหลังจนเกิดเป็เสียงดัง “ชิ้ง” ก่อนจะะโออกมา “ไอ้อ้วน ฉันจะท้าตัวตัวกับแก!! เอาเลยไหม?”
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเพิ่งจะะโออกมาแล้วเขาก็ต้องชะงักไปก่อนจะมองไปทางเย่เทียนเซี่ยที่อยู่ด้านหลังของจั้วพั่วจวินสักพักแล้วะโออกมาเสียงดัง “นายคือเซี่ยเทียน!”
มันไม่ใช่คำถาม แต่มันคือเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะชุดที่เย่เทียนเซี่ยสวมใส่นั้นเป็หนึ่งไม่มีใครซ้ำแน่นอน
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาประเมินเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างตั้งใจสักพัก คนที่กล้าะโเรียกจั้วพั่วจวินแบบนั้นต่อหน้าเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน....... เอ๋? ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่อยู่ในรายการจัดอันดับเลเวลน่ะเหรอ? ที่จริงแล้วเด็กขนาดนี้เชียว ถึงจะมองดูแล้วคนๆนี้น่าจะยังไม่พ้นวัยหุนหันพลันแล่น แต่เขาก็ดูเปิดเผยมาทีเดียว
ความโกรธที่ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งถูกจั้วพั่วจวินกระตุ้นขึ้นมาหายไปในชั่วพริบตา เขารีบพุ่งตัวไปตรงหน้าเย่เทียนเซี่ย “เซี่ยเทียน ให้ฉันเข้ากลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ของนายด้วยสิ”
“เหตุผล” เย่เทียนเซี่ยมองดาวิญญาเจี๋ยอิ่งอย่างสนใจแล้วพูดออกไป
“ฉันจะกลายเป็นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดใน World of Fate! นี่คือเหตุผล!” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมองไปที่เย่เทียนเซี่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย แม้ว่าใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยกว่าครึ่งจะถูกปกปิดเอาไว้ในหน้ากากผู้กล้าจนเขามองไม่ชัด แต่การได้เข้าใกล้อันดับหนึ่งที่แสนลึกลับของหัวเซี่ยก็ทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นมา แม้แต่ตอนที่เขาได้พบกับท่านผู้นำสูงสุดของหัวเซี่ยหัวใจของเขาก็ยังไม่เต้นเร็วแรงอย่างนี้เลย
“การที่นายจะกลายเป็นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดมันเกี่ยวอะไรกับการที่นายจะเข้ามาในกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ล่ะ? เหตุผลของนายก็แค่อยากยืมพลังของกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ไปยกระดับความสามารถของนายเท่านั้นเอง” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาเรียบๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ก็จริง นายพูดถูก แต่ฉันเชื่อว่าฉันมีคุณสมบัติที่จะเข้ากลุ่มทหารรับจ้างเทพ์!” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งยืดอกพูด
“งั้นคุณสมบัติของนายคืออะไรล่ะ?”
“ฉันคืออันดับที่ 9 ในรายการจัดอันดับเลเวล.........”
“ระดับไม่ได้แสดงถึงพลังที่แท้จริง”
“แต่ฉัน.............”
“ถ้านายอยากเข้ากลุ่มทหารรับจ้างเทพ์จริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ.......... ฉันมี 2 เงื่อนไข นายเลือกเอาเองซักอันก็แล้วกัน” เย่เทียนเซี่ยไม่รอให้เขาเปิดปากพูดถึงจุดเด่นของตัวเองก็พูดขัดออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆ
“เงื่อนไขอะไร?”
“ข้อแรก......... บล็อกฉันให้ได้โดยไม่ตาย ข้อสอง..........” เย่เทียนเซี่ยหรี่ตาลงวูบหนึ่ง “เอาชนะมู่หรงชิวสุ่ย!”
เมื่อคิดถึงความเสียหายอันน่ากลัวที่เย่เทียนเซี่ยสามารถทำได้เกินพันในวีดีโอดาวิญญาเจี๋ยอิ่งก็ตัดตัวเลือกแรกออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิด เขาเคารพและนับถือผู้แข็งแกร่ง ตอนที่เขายังเด็กก็ปรารถนาจะเป็ผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดและยอมแพ้อะไรง่ายๆ กลับกัน เขามีความภาคภูมิใจที่ติดตัวมาั้แ่เกิด แต่ความแข็งแกร่งที่เย่เทียนเซี่ยแสดงออกมาเอาชนะปราการในใจเขาไปได้อย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่เขาคิดว่าหากได้สู้กับเย่เทียนเซี่ยขึ้นมาจริงๆ สิ่งที่ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมักจะรู้สึกได้เสมอก็คือความรู้สึงไร้พลังที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ดังนั้นเขาจึงหวังว่าจะได้เผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยสักครั้งมาโดยตลอด
“ได้ ฉันเลือกเอาชนะมู่หรงชิวสุ่ย!”
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งะโตัวเลือกของเขาออกมาแล้วรีบหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับมู่หรงชิวสุ่ยทันที
“ฉันจะเตือนนายไว้สักอย่างนะ ชิวสุ่ยก็คือหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ของฉัน ต้องเอาชนะเขาหรือเสมอกับเขาเท่านั้นนายถึงจะมีคุณสมบัติที่จะเข้ามาในกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ได้ เอาล่ะ พวกนายสองคนเริ่มได้ นี่จะเป็การต่อสู้แบบรวดเร็ว ตัดสินแพ้ชนะในหนึ่งครั้ง ห้ามใครใช้น้ำยาฟื้นฟู ชิวสุ่ย....... ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด”
พูดจบเย่เทียนเซี่ยก็ถอยหลังมาสองสามก้าวแล้วยืนมองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด
“เอาล่ะ แม้ว่าฉันจะไม่อยากทำลายดอกไม้ที่งดงามของประเทศ แต่เพื่อพี่รองที่รัก ฉันจะยอมหักห้ามจิตใจอันอ่อนแอของตัวเองและอดทนดูสักครั้ง....... มาเลยไอ้หนู!” มู่หรงชิวสุ่ยะโออกไปหนึ่งครั้งแล้วยกธนูเหล็กกล้าในมือเขาขึ้นมาช้าๆ........... หากเทียบกับดาบสองมือสีเงินของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งแล้วธนูของเขาก็เหมือนเศษเหล็กไปเลย เมื่อเผชิญหน้ากับมู่หรงชิวสุ่ยที่ด้อยกว่าตัวเองทั้งระดับและไอเทมดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองก็ไม่มีความกดดันอะไรทั้งสิ้น
คำพูดของมู่หรงชิวสุ่ยทำให้หัวใจของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเกิดความเกลียดชังขึ้นมา เขาโบกมือแล้วพูดขึ้นมา “เสี่ยวเสีย ถอยไป ดูฉันสั่งสอนไอ้คนน่าตายนั่น..........”
“ไอ้ตุ๊ดน่าตาย” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งพูดออกมาแค่เพียงบางคำและละคำบางคำเอาไว้ไม่ได้พูดมันออกมา แต่เหงื่อชื้นๆกลับผุดออกมาทั่วร่างของเขาเพราะเขาดันคิดถึงข่าวลืออันน่ากลัวเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน........... ั้แ่ฉากนองเืปรากฏสู่สายตาผู้คนนับไม่ถ้วนก็ไม่มีใครกล้าเรียกเขาว่า “ไอ้ตุ๊ด” อีกเลย นี่คืออีกด้านที่ไม่ว่าใครบังอาจไปััก็ต้องตายของมู่หรงชิวสุ่ย
“สาวสวย........... สาวสวย.......”
ระหว่างที่ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งถอยไปเล็กน้อยโดยที่ยังไม่ทันจะได้ผลักเหยียนเสี่ยวเสียออกไปเขาก็มองไปรอบๆจากนั้นถึงพบว่าดวงตาทั้งคู่ของเหยียนเสี่ยวเสียจดจ้องไปที่ซูเฟยเฟยที่ยืนอยู่ข้างกายของเย่เทียนเซี่ยโดยมีน้ำลายไหลออกมากมุมปากของเขา แต่สำหรับดาวิญญาเจี๋ยอิ่งแล้ว เขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
หน้าผากของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเริ่มมีขีดสีดำผุดขึ้นมา ตัวเขาและภาพลักษณ์ของตระกูลหลิงทั้งหมดถูกเ้าคนที่เห็นผู้หญิงสวยก็ทนไม่ได้จนเซแทบเดินไม่ตรงทางทำลายไปจนหมด........ ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งะโออกมาเสียงดัง “เสี่ยวเสียไสหัวไปไกลๆซะ!”
เหยียนเสี่ยวเสียถูกเสียงะโนั่นปลุกให้ตื่นจากภวังค์เขาถึงได้หมุนตัวกลับไปก่อนจะรีบเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากของตัวเองอย่างเร่งด่วน สายตาของเย่เทียนเซี่ยกวาดมองไปทั่วร่างของเหยียนเสี่ยวเสียโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึง ดวงตาของเขามีประกายแปลกๆผุดขึ้นมา
“เทียนเซี่ย ชิวสุ่ยจะเอาชนะเขาได้ไหม? ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งคนนั้นเป็คนที่อยู่ในรายการจัดอันดับเลเวลเชียวนะ แล้วไอเทมบนตัวของเขาก็เหนือกว่าชิวสุ่ยด้วย” ซูเฟยเฟยพูดเสียงเบาข้างๆหูเย่เทียนเซี่ย
“ดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง........... จะต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ นอกจากมู่หรงชิวสุ่ยจะจงใจแพ้อ่ะนะ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีทางจบลงเป็อย่างอื่นไปได้แน่นอน” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาเสียงต่ำอย่างมั่นใจ “และฉันยังบอกได้อีกว่า........... ก่อนที่ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งจะแพ้ แม้แต่ตัวของชิวสุ่ยก็อย่างหวังว่าเขาจะแตะมันได้เลย”
“เอ๋?” ซูเฟยเฟยเบนสายตาไปมองทั้งสองคนที่สู้กันด้วยดาบและธนูอย่างใ
“โจมตีมาเลยไอ้หนู ฉันเป็ผู้ใหญ่ที่ดีที่จะไม่รังแกเด็กเด็ดขาด” มู่หรงชิวสุ่ยพึมพำหลอกล่อออกมา สีหน้าของเขาเรียกได้ว่าสบายๆ เป็สีหน้าที่เหมือนไม่มีดาวิญญาเจี๋ยอิ่งคนนั้นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเริ่มมีความโกรธปะทุขึ้นมาจากการที่ถูกมู่หรงชิวสุ่ยเรียกว่า “ไอ้หนู” ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาที่มีไอเทมและระดับเหนือกว่ามู่หรงชิวสุ่ยไม่ได้เต้นไปตามการดูถูกของมู่หรงชิวสุ่ย ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งยิ้มเย็นแล้วพูดออกมา “พี่โจมตีมาก่อนสิ.........”
คำพูดของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเพิ่งจะหลุดออกมาได้ครึ่งประโยคโดยที่คำพูดครึ่งหลังของเขายังไม่ทันจะหลุดออกมาจากปากเลยด้วยซ้ำด้านหน้าห่างออกไปสิบเมตรธนูที่ถูกมู่หรงชิวสุ่ยยิงออกมาก็ส่งเสียงดังขึ้นมาเบาๆ ลูกศรลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วตรงมาทางดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง.............
ต่อหน้ายังพูดว่าให้อีกฝ่ายโจมตีมาก่อนแต่กลับใช้โอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังพูดออกมาได้ครึ่งประโยคยิงออกมาอย่างฉับพลัน เมื่อรวมกับระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ยากที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทัน ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบกลับก็ถูกลูกศรลูกนั้นปักเข้ากลางหน้าผากซะแล้ว..........
สำหรับการยิงลูกธนูหนึ่งดอกให้โดนส่วนหัวของคนนั้นต้องยากกว่าการยิงให้โดนส่วนร่างกายหลายเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับคนที่ถูกยิงแล้ว การถูกยิงที่หัวก็น่ากลัวยิ่งกว่าการโดนยิงที่ร่างกายหลายเท่าอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน และในการตั้งค่าของ World of Fate ถ้าสามารถยิงถูกส่วนหัวของฝ่ายตรงข้ามได้ ผลของลูกศรดอกนั้นก็จะเพิ่มระดับขึ้นอย่างมาก ก็เหมือนกับทักษะพื้นฐาน “ศรกระแทก” ที่ให้ผลในการหยุดการร่ายเวทย์นั่นแหละ ถ้ายิงถูกส่วนหัวของเป้าหมายอัตราการการขัดขวางก็จะเพิ่มขึ้นเป็ 100% ร่างของเป้าหมายที่ถูกยิงก็จะปรากฏอาการหยุดชะงักไปครึ่งวินาที และยังมีความเป็ไปได้ที่จะถูกยิงจนกระเด็นไปบนพื้นอีกด้วย
ไม่รู้ว่ามู่หรงชิวสุ่ยโชคดีจนเกินไปหรือดาวิญญาเจี๋ยอิ่งโชคร้ายจนเกินไปกันแน่ ลูกศรดอกนั้นไม่เพียงปักเข้าที่หว่างคิ้วของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งจังๆ แต่มันยัง...........นำมาซึ่งพลังโจมตีที่ทำให้ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งทรุดลงไปบนพื้นอีกด้วย
และในตอนนั้นเองคำพูดของมู่หรงชิวสุ่ยถึงได้ดังขึ้นมาอย่างช้าๆ “นายนี้ขี้เกรงใจจริงๆ งั้นฉันโจมตีก่อนก็ได้”
ปักๆ.........
ปักๆ..........
-88,-92,
-90,-91
ตอนที่ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งยืนขึ้นจากพื้นร่างของเขาก็ถูกการโจมตีด้วยดับเบิ้ลชู๊ตของมู่หรงชิวสุ่ยโจมตีเข้ามาถึงสองครั้งติดๆกัน เมื่อรวมกับลูกศรที่ทำให้เขากระเด็นออกไป พลังชีวิตของเขาจึงลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมืดมนลงทันที เขารวบรวมสมาธิแล้วพุ่งไปด้านหน้าด้วยความโกรธ......... ถ้าเข้าใกล้มู่หรงชิวสุ่ยได้การต่อสู้ครั้งนี้ก็จะตกอยู่ในกำมือของเขาทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่พุ่งเข้ามา มู่หรงชิวสุ่ยกลับไม่ได้รีบถอยห่างออกไป แต่เขากลับยืนอยู่กับที่แล้วง้างธนูขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะสะบัดนิ้วมือเล็กน้อย.......... ดวงตาของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่จ้องมองการกระทำของมู่หรงชิวสุ่ยเขม็งและมีประกายวิบวับขึ้นมาก่อนเขาจะโยกตัวไปทางซ้ายอย่างฉับพลัน............
เสียงลูกศรแหวกอากาศช้ากว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ครึ่งวินาที และสิ่งที่ลูกศรทั้งสองดอกลอยมาปะทะก็คือ........ตำแหน่งหลังจากที่เขาเคลื่อนที่ไปแล้ว
ปักๆ!
ลูกศรติดต่อกันสองดอกฝังเข้าไปในหว่างคิ้วของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งจังๆอีกครั้งอย่างแม่นยำ เขาเคลื่อนไหวร่างกายในตอนที่มู่หรงชิวสุ่ยยิงออกมาแท้ๆ แต่ลูกศรสองดอกนั้นก็เหมือนกับมีตา มันยังคงตรงเข้าเป้า....... และยังคงฝังเข้าไปที่จุดกึ่งกลางของเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ส่วนหัวที่ถูกยิงสองครั้งส่งผลให้เจี๋ยอิ่งติดสถานะหยุดชะงักไปครึ่งวินาทีบวกครึ่งวินาทีและทำให้สติรับรู้ของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งปรากฏความว่างเปล่าไปหนึ่งวินาทีเต็มๆ เมื่อเขาได้สติกลับมาแล้วมู่หรงชิวสุ่ยก็ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาห่างออกไปเพียงสามเมตรเท่านั้น ธนูในมือของมู่หรงชิวสุ่ยเล็งมาที่เขาก่อนเ้าตัวจะผิวปากออกมาเบาๆ “วู้.......... ไอ้หนู ถ้าฉันยิงออกไปอย่างโหดร้ายอีกสักครั้ง ดอกไม้ในประเทศของเราจะถูกทำลายไปมากขึ้นอีกดอกไหมนะ?”
การโจมตีด้วยดับเบิ้ลชู๊ตสามครั้งและการโจมตีธรรมดาๆอีกหนึ่งครั้งทำให้หลอดเืของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งแทบจะว่างเปล่า
สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเย่เทียนเซี่ยไปเลยแม้แต่น้อย เขากำลังจะเดินออกไปทันใดนั้นหูของเขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เซี่ยเทียน ได้ยินเสียงของข้าหรือไม่? ข้าคือเ้าเมืองแห่งเมืองเทียนเฉิน!”
เ้าเมืองแห่งเมืองเทียนเฉิน หัวหน้าใหญ่ของบรรดา NPC ติดต่อมาหาผู้เล่นคนหนึ่งด้วยตัวของเขาเอง นี่ทำให้เย่เทียนเซี่ยอดจะใไปวูบหนึ่งไม่ได้ เขารีบตอบรับไปที่อุปกรณ์สื่อสารอย่างว่องไว “ท่านเ้าเมืองมีอะไรเหรอครับ”
“มีเื่ด่วนเื่หนึ่งที่ข้า้าความช่วยเหลือจากเ้า รีบมาที่จวนเ้าเมืองเร็วเข้า” เสียงของเ้าเมืองเทียนเฉินพูดออกมาอย่างร้อนรน
เมื่อวางสายไปแล้วเย่เทียนเซี่ยก็อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้............ ค่าเสน่ห์ที่สูงเกินไปก็เป็แบบนี้แหละ แม้แต่ NPC ก็ยังส่งภารกิจมาให้ด้วยตัวเองถึงประตูหน้าบ้าน