แม้ต้องเผชิญหน้ากับสายตาจำนวนมาก แต่ในสายตาของเขาแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตั๊กแตนที่อยู่ข้างถนน เย่เทียนเซี่ยี้เีจะออกแรงทำอะไรมากมาย ถ้าไม่มีความเป็ไปได้ที่จะส่งผลถึงซูเฟยเฟยล่ะก็เขาคงไม่ซ่อนเร้นอะไรทั้งสิ้น มือบ้างเท้าบ้าง บางครั้งแม้เขาจะใช้มือและเท้าออกไปอย่างสะเปะสะปะแต่ก็สามารถทำให้คนพวกนี้กระเด็นออกไปได้จนนำมาซึ่งเสียงกรีดร้องได้....... แน่นอนว่าเขาไม่เคย้าชีวิตของคนพวกนี้ แต่เขาก็ทำให้ทุกคนที่พุ่งเข้ามาได้รับาเ็ภายในการเตะหรือการต่อยเพียงครั้งเดียวอย่างโหดร้าย เสียง “กร๊อบ” ของกระดูกที่แตกหักดูเหมือนจะดังเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่องจนน่าขนลุก
เวลาผ่านไปครึ่งนาทีคนที่พุ่งเข้าโจมตีเย่เทียนเซี่ยก่อนหน้านี้ล้วนลงไปกองกับพื้นจนหมดและส่งเสียงโอดครวญด้วยความเ็ปพร้อมกับกุมมือและเท้าของตัวเองเอาไว้ ภาพตรงหน้าทำให้พนักงานหญิงใบหน้าซีดขาว ขณะเดียวกันเมื่อมองไปที่เย่เทียนเซี่ยพวกเธอต่างก็แสดงท่าทางปรารถนาและชื่นชมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และคนเพียงไม่กี่คนที่ถูกโจมตีก็ได้แต่ยืนขาสั่นกันไปหมด พวกเขาตั้งท่าอย่างดีแต่กลับไม่กล้าพุ่งเข้าไปเลยแม้แต่คนเดียว
หมอนั่นมันเป็คนจริงหรือเปล่า........ การเคลื่อนไหวชั่วพริบตา........ ก็ล้มคนกว่าสามสิบคนไปได้แล้ว........ แล้วในมือของเขายังปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้อีก เขาใช้มือเพียงมือเดียวในการเคลื่อนไหว........... และร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับาเ็เลยแม้แต่ที่เดียว แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังไม่สะดุดเลยด้วยซ้ำ! หมอนี่เป็คนหรือสัตว์ประหลาดกันแน่!
“ว๊าว เร็วมากเลย! ฉันยังอยากจะเล่นให้มากกว่านี้อีกหน่อยนะเนี่ย” ซูเฟยเฟยเงยหน้ามองใบหน้าของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาวาววับสดใสเหมือนดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับไม่หยุด เธอยังสนุกไม่พอเลย เพราะเธออยากจะมองเขาปกป้องตัวเธอเองให้มากกว่านี้อีกหน่อย เขาเตะพวก “คนชั่ว” จนกระเด็นออกไป....... นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเฝ้าปรารถนาอยู่ในความฝันหรอกเหรอ?
หลี่เทียนเผิงและหลี่ลู่ลู่ที่ถอยออกไปไกลั้แ่แรกเบิกตาโตอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า....... ในตระกูลหลี่เองก็มีบอดี้การ์ดมากมาย แต่บอกี้การ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขารู้จักก็ไม่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ ที่จัดการคนกว่าสามสิบคนได้โดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยสักนิด มันเป็ฉากที่แฟนตาซีสุดๆที่เห็นได้แต่ในหนังไซไฟเท่านั้นแหละ!
เมื่อเย่เทียนเซี่ยปรายตาไปมองพวกเขาร่างของคนสองคนก็ดูเหมือนจะตึงเครียดขึ้นมา ความเย็นเยียบแทรกซึมเข้ามาผ่านช่องว่างของเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วตรงเข้าไปสู่หัวใจของพวกเขา หลี่ลู่ลู่ที่ไม่เคยพบเจอเื่แบบนี้มาก่อนถูกเย่เทียนเซี่ยตบเข้าฉาดใหญ่ ความเ็ปนั้นยังคงไม่หายไป และเย่เทียนเซี่ยก็มีใบหน้าที่ประดับด้วยรอยิ้มเย็นราวกับใบหน้าของปีศาจ เธอซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลี่เทียนเผิง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเย่เทียนเซี่ยคืบคลานเข้ามาใกล้ทำให้เธอใขึ้นมาทันที
“นายคิดจะทำอะไร” เมื่อมองเห็นเย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามาช้าๆ หลี่เทียนเผิงก็พูดออกมาด้วยใบหน้ามืดมน ทุกๆก้าวที่เย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามา คนที่ยืนอยู่เ่าั้ก็ถอยหลังออกไปอย่างระมัดระวังทีละก้าวและไม่กล้าที่จะเดินหน้าเข้าไปอีกเช่นกัน
“ถ้านายไม่ทำอะไรฉัน ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรนายหรอก เดิมทีมันก็เป็แค่การพนันกันเท่านั้น นายเอาเงินที่ฉันชนะทั้งหมดมาให้ฉันซะแล้วฉันจะไม่ทำอะไรอีก ส่วนน้องสาวที่ไม่เอาอ่าวของนาย ฉันก็แค่จะทำให้เธอจดจำเอาไว้ และสอนให้เธอรู้ว่าเธอควรจะพูดยังไงแค่นั้นเอง....... แต่เหมือนประโยคที่นายเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อกี้จะขัดจังหวะมือเท้าของฉันนะ ค่าตอบแทนที่นายพูดประโยคนั้นออกมา........ เอาเถอะ ฉันจะเมตตานายซักหน่อย เป็มือซักครั้งบวกเท้าอีกซักครั้ง นายเลือกเอาสิว่ามือเนี่ยจะเอามือซ้ายหรือมือขวา ส่วนเท้าเนี่ยจะเอาเท้าซ้ายหรือเท้าขวา” เย่เทียนเซี่ยยิ้มเย็น เขาชำเลืองมองท่าทางของหลี่เทียนเผิงที่กระสับกระส่ายไม่หยุด สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างเขามาโดยตลอดอย่างซูเฟยเฟยตัวสั่นสะท้าน........ ปกติที่เธออยู่กับเขามาตลอดเธอไม่คิดเลยว่าการออกจากบ้านมาในระยะเวลาสั้นๆครั้งนี้จะทำให้เธอได้ััด้านที่โหดร้ายจะแทบจะกลายเป็บ้าคลั่งของเขา
มันทำให้เธออดคิดไปถึงสิ่งที่พ่อของเธอเคยพูดไว้ไม่ได้.......... คนที่มีจิตใจดีมาโดยตลอด แต่สาเหตุที่ทำให้ต้องกลายเป็บ้าคลั่งขึ้นมามีแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือเพราะเขาเคยได้รับความเ็ปในส่วนลึกภายในจิตใจจากโลกใบนี้มาก่อน
พ่อของเธอ........ซูลั่ว เมื่อสิบปีก่อนหลังจากที่แม่ของเธอถูกลอบสังการและตายไปเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกับคนทั่วไป เขาได้ละทิ้งความลังเลและความใจอ่อน
แล้วเขาล่ะ..........
เมื่อมองดูใบหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยและรอยยิ้มเย็นที่ทำให้เธอเริ่มหลงใหลแล้ว สายตาของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็หม่นหมอง........ เป็เพราะเขาเคยถูกโลกนี้ทอดทิ้งมาก่อนใช่ไหมนะ เพราะถูกทำร้ายมาก่อนดังนั้นเขาถึงได้โหดร้ายนัก คนที่ทำไม่ดีต่อเขาคงจะโเี้จริงๆ เพราะหากเขาถูกทำร้ายมาเพียงเล็กน้อย.......... เขาจะกลายเป็แบบนี้ได้เหรอ...........
ทำไมเขาถึงได้อยู่คนเดียวลำพัง........... แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ? ทำไมตอนที่เธอถามเขาถึงได้หลีกเลี่ยงที่จะตอบ เพราะพ่อแม่ทิ้งเขาไป หรือเพราะพวกท่านไม่อยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว........ เขายังอายุน้อยแท้ๆพ่อแม่ของเขาไม่น่าจะตายไปแล้ว......... จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดอยากจะเข้าใจความปรารถนาและแรงผลักดันทั้งหมดของเขาขึ้นมา
“แกอย่าทำอะไรเกินไปเลยจะดีกว่า จะมากจะน้อยยังไงก็น่าจะเหลือหนทางให้ตัวเองและคนอื่นบ้าง ต่อไปก็ควรจะรู้จักคนอื่นให้ดีขึ้นด้วย” หลี่เทียนเผิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็สงบนิ่ง น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็เย็นเยียบมากยิ่งขึ้น
“เอ๋? นายพูดเหมือนจะมีเหตุผลนะ แต่ว่า” ใบหนาของเย่เทียนเซี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเสียใจ “น่าเสียดายที่ฉันเป็คนที่พูดแล้วไม่คืนคำ ตอนนี้นายควรจะคิดดีๆว่าทำยังไงถึงจะรักษามือเท้าของนายไว้ได้”
กรอบ!
สีหน้าของหลี่เทียนเผิงมืดมน ในที่สุดมือขวาที่อยู่ข้างเอวของเขาก็ยื่นออกมา......... สิ่งที่ปรากฏออกมาคือปืนสีดำสนิท ปากกระบอกปืนสีดำสนิทถูกเล็งมาที่หน้าอกของเย่เทียนเซี่ย เย่เทียนเซี่ยที่ก้าวเดินไปด้านหน้าหยุดลงในทันที
“ตอนนี้ นายยังคิดที่จะทำอะไรฉันอีกงั้นเหรอ?” หลี่เทียนเผิงยกปืนขึ้นมาพร้อมเผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า ภายใต้การขมขู่ของเย่เทียนเซี่ยในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะใช้ปืน
————
————
เมืองจิงหัว ห้างเถิงหยุนชั้น 36
นี่คือห้องพักสุดหรูที่ถูกตกแต่งอย่างดีซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุด และมีเพียงลูกค้าที่สูงส่งที่สุดเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติใช้สถานที่แห่งนี้ได้ บนโต๊ะอาหารทรงกลมสีทองคนหกคนกำลังกินอาหารกันอย่างมีความสุข คำพูดโอ้อวดมากมายล้วนถูกพ่นออกมาไม่หยุดหย่อน แต่ฉากตรงหน้ากลับไร้ซึ่งชีวิตชีวา
ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหยาบกร้านรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์และมีรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดและยังหัวเราะเฮฮาออกมาไม่หยุดจนกระแทกเข้าหูคนฟังอย่างต่อเนื่อง เขาเป็คนหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบปี และอีกห้าคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก็มีอายุไล่เลี่ยกับเขาเหมือนกัน คนที่อายุมากที่สุดก็ยังมีอายุไม่เกินสามสิบเสียด้วยซ้ำ
สายตาของคนธรรมดาก็สามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่าตัวหลักในมื้ออาหารสุดหรูหรานี้ก็คือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนนั้น และไม่ว่าคนอีกห้าคนจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนดูยังไงก็ไม่มีความสูงส่งเลยสักนิด แต่ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำพวกเขาก็พยายามจะเลียแข้งเลียขาเ้าอ้วนทั้งเปิดเผยและโดยอ้อมทั้งสิ้น
“มา จั้วเสี่ยว ฉันดื่มให้นายอีกแก้ว การจะโชคดีชวนนายมาได้ซักครั้งนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ อย่างนี้ต้องดื่มซักหน่อย” ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางขวาของเ้าอ้วนยกแก้วขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม เ้าอ้วนร่างใหญ่ยกตามอย่างไม่ปฏิเสธ เขาชนแก้วเหล้าของเขาเบาๆแล้วพูดออกมา “ฮ่าๆๆๆๆ ดี! ฉันไม่ได้โกหกพวกนายจริงๆนะ แต่พวกนายห้าคนรวมกันก็อย่าคิดว่าจะล้มฉันได้ล่ะ อีกหน่อยถ้าพวกนายเมาหลับไปล่ะก็ ฉันไม่รับผิดชอบบอกใครให้พาพวกนายกลับบ้านหรอกนะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ในจิงหัวของเราใครไม่รู้บ้างว่าจั้วเสี่ยวสามารถแค่ไหน ถ้าวันนี้พวกเราห้าพี่น้องสามารถดื่มชนะจั้วเสี่ยวได้นั่นสิถึงจะแปลก ถ้าพวกเราทำได้จริงๆชื่อของพวกเราคงจะโด่งดังยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่าแน่นอน” ชายหนุ่มที่มีใบหน้าขาวสะอาดที่นั่งอยู่ทางซ้ายของเขาพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา เสียงของเขาเพิ่งจะจบลงไปโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
เขาสบถออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะรีบรับโทรศัพท์ทันที ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไรอีกฝ่ายก็พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “น้องรอง! ที่คาสิโนเกิดเื่แล้ว นายรีบดูวีดีโอเฝ้าระวังเร็วเข้า.........”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วรีบเปิดดูวีดีโอเฝ้าระวังของคาสิโนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เปิดมันฉากที่เขาเห็นก็วุ่นวายไปหมด ชายสามสิบกว่าคนนอนเกลื่อนพื้น และเย่เทียนเซี่ยก็ก้าวเข้าไปหาหลี่เทียนเผิงและหลี่ลู่ลู่ทีละก้าวๆอย่างน่ากลัว.......... ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันที
“เสี่ยวหลี่ ดูโทรศัพท์แล้วหน้าก็เปลี่ยนสีแบบนี้มีผู้หญิงโทรเข้ามาล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เ้าอ้วนวางแก้วเหล้าลงแล้วกัดปีกไก่เล่นหนึ่งคำ เขาพูดออกมาขณะที่เคี้ยวไปด้วย
“เอ่อ............” คนที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวหลี่ยกยิ้มแข็งๆออกมา จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วตอบกลับไป “ขอโทษด้วยจั้วเสี่ยว มีเื่นิดหน่อย พี่ชายกับพี่สาวของฉันมีเื่น่ะ ฉันออกไปโทรศัพท์ก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะรีบกลับมานะ”
“โทรศัพท์บ้านแกน่ะสิ นั่งลงเถอะน่า......... ไหนให้ฉันดูสิว่ามีเื่อะไร เดี๋ยวฉันจะจัดการให้นายเอง” เ้าอ้วนใช้มือนึงดึงให้เสี่ยวหลี่นั่งลง ร่างใหญ่โตของเขาแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล เขาสามารถดึงเสี่ยวหลี่ให้กลับมานั่งที่เดิมได้เหมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ จากนั้นเขาก็แย่งโทรศัพท์ของเสี่ยวหลี่มาจากมือของเ้าตัว
ใบหน้าของคนเ่าั้ชะโงกเข้ามาดูด้วย พวกเขาจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์อย่างคึกคะนองแล้วเฝ้ามองคนที่ร้องโอดโอยและคนที่าเ็ที่นอนอยู่เกลื่อนพื้น แต่เมื่อสายตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่เย่เทียนเซี่ย.........
“ชิบหาย!!” เขาก็ผุดลุกขึ้นทันทีราวกับถูกมีดแหลมจิ้มถูกก้นของเขาอย่างจัง น้ำเสียงและท่าทางนั้นแทบจะทำให้บรรดาคนที่หันมาใจนลงไปกองกับพื้น
“จั้วเสี่ยว.......มีอะไรหรอ?” เมื่อมองเห็นเส้นเืดำที่ขึ้นข้างขมับของเ้าอ้วน เสี่ยวหลี่ก็รับรู้ได้ถึงเื่ไม่ดีได้อย่างชัดเจน เขาจึงพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
“มีอะไร?” เ้าอ้วนะโออกมาเสียงดัง ขาขวาที่ก้าวเข้ามาก้าวหนึ่งทำให้น้องหลี่ที่ไม่รู้อะไรเลยต้องยืนขึ้นมาทันที แล้วเ้าอ้วนก็พูดออกมาเสียงกร้าว “นายยังกล้าถามว่ามีอะไรอีกหรอ! รีบโทรหาพี่ชายที่มีตาแต่ไม่มีแววของนายเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบขอโทษคนๆนั้นซะ......... อ่าไม่สิ ต้องโขกหัว เอาหัวโขกพื้นไปซักสามรอบ เข้าใจไหม!!!”
ไม่ใช่เพียงแค่เสี่ยวหลี่เท่านั้น แม้แต่คนอื่นก็มองไปที่เ้าอ้วนเหมือนคนโง่
โขกหัว!? ในยุคนี้การคุกเข่าโขกหัวไม่เหมือนสมัยโบราณที่เป็การกระทำราวกับผักกาดที่ไม่มีราคาในตลาด แต่ในยุคนี้การโขกหัวจะทำให้กับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่หรืออาจารย์ หรือไม่ก็คนที่มีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อตัวเองเท่านั้น ถ้าผู้ชายคนหนึ่งคุกเข่าและโขกหัว ไม่ว่าในอนาคตเขาจะประสบความสำเร็จมากมายขนาดไหนเขาก็จะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับคนๆนั้นได้อีกเลยตลอดชีวิต และยังต้องแบกความอับอายที่ล้างไม่ได้ไปตลอดชีวิตเช่นกัน
และจั้วเสี่ยว............กำลังบอกให้ตระกูลหลี่ทำแบบนั้นให้คนๆนั้น.........คุกเข่า โขกหัว!?
