เฟิ่งเทียนรุ่ยเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระตุกแขนของบิดา “ท่านพ่อ ท่านสงบสติอารมณ์สักหน่อย! ทุกคนกำลังมองท่านอยู่ขอรับ!”
เฟิ่งชังหัวเราะจนน้ำตาไหล เขาหยุดหัวเราะอย่างมิง่ายดายพร้อมกับตบไหล่ของบุตรชาย “ข้าดีใจ ข้าดีใจจริงๆ! นับว่าน้องหญิงสี่ของเ้าเริ่มฉลาดแล้ว!”
เฟิ่งเทียนรุ่ยประหลาดใจและไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ หรือท่านไม่คิดว่าน่าแปลกหรือขอรับ น้องหญิงสี่ไม่เคยร่ำเรียนสิ่งใด เหตุใดอยู่ดีๆ กลับมีทักษะการเดินหมากล้อมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
สีหน้าของเฟิ่งชังพลันเคร่งเครียดขึ้นมาและพูดด้วยน้ำเสียงราวกับกุมความลับเอาไว้ “น้องหญิงสี่ของเ้าถือกำเนิดมาก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เพียงแต่เวลาเนิ่นนานไป พวกเราจึงคิดว่านางเป็คนธรรมดาเท่านั้น”
“ท่านพ่อ หมายความอย่างไรขอรับ” เฟิ่งเทียนรุ่ยฟังแล้วมืดแปดด้าน
“เื่นี้เอาไว้ค่อยคุยกันภายหลัง!” เฟิ่งชังจงใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “เมื่อสักครู่เ้าบอกว่าเกิดเื่ใหญ่ หมายถึงเื่นี้หรือ”
เฟิ่งเทียนรุ่ยส่ายหน้า “ไม่เพียงแค่เื่นี้ขอรับ! ระหว่างที่ลูกสะกดรอยตามน้องหญิงสี่ พบว่าโจวหมัวมัว คนสนิทข้างกายขององค์หญิงหลานซินไปชุมนุมหมากล้อม นางรู้ฐานะของน้องหญิงสี่แล้ว และนำเื่นี้ไปบอกกับไท่จื่อแห่งแคว้นหนานเยียน ซือคงจวินเย่ พวกเขากำลังวางแผนลอบทำร้ายน้องหญิงสี่ ไม่ให้นางกลับวังหลวงได้!”
“อะไรนะ พวกเขาถึงกับกล้าอวดดีเช่นนี้” เฟิ่งชังโมโหโทโส “ในสายตาของพวกเขายังมีกฎหมายของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราอยู่หรือไม่”
เฟิ่งเทียนรุ่ย “ลูกเป็ห่วงความปลอดภัยของน้องหญิงสี่ ดังนั้นจึงรีบมารายงานกับท่าน ท่านคิดว่าควรนำเื่นี้กราบทูลฝ่าาหรือไม่ขอรับ”
เฟิ่งชังใคร่ครวญแล้วโบกมือ “ในวังคนมากไม่รู้ใครเป็ใคร หูตาจับจ้องมีมากเกินไป อาจทำให้ข่าวสารรั่วไหล! หากต้องเอาความหวังไปฝากไว้กับผู้อื่น มิสู้อาศัยตัวของพวกเราเอง! เ้ารีบกลับไปรวบรวมองครักษ์ของสกุลเฟิ่ง ลอบนำกำลังล้อมชุมนุมหมากล้อมเอาไว้ ลงมือตามสถานการณ์!”
“ขอรับท่านพ่อ” เฟิ่งเทียนรุ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป
หลังจากบุตรชายออกไปแล้ว เฟิ่งชังเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าและถอนใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “ที่ควรมา ย่อมต้องมา”
ตำหนักหงเหวิน หมากขาวเคลื่อนไหวในที่สุด!
ไท่จื่อน้อยยิ้มออกมาทันที “ดีเหลือเกิน! ในที่สุดหมากขาวก็เดินแล้ว!”
สหายตัวน้อยดีใจแทนเขาเช่นกัน
“ไท่จื่ออย่าได้เป็กังวล! หมากขาวต้องชนะแน่ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
“ถูกต้อง! หมากขาวต้องชนะ!”
หลี่หรงเต๋อเห็นเช่นนั้นจึงพูดจาเพื่อเอาอกเอาใจ “องค์ไท่จื่อช่างมีสายตาแหลมคมยิ่งนัก อายุน้อยก็มองความสามารถของแม่นางเฟิงออก ช่างหาได้ยาก! แม้แม่นางเฟิงคนนี้จะเป็คนหน้าใหม่ในวงการหมากล้อม ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่นางสามารถประลองการเดินหมากล้อมกับซือคงเซิ่งเจี๋ยที่เป็ยอดฝีมือระดับแนวหน้าได้ เดิมทีก็เป็เื่ที่เก่งกาจอยู่แล้ว! หมากกระดานนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ชื่อของนางย่อมเป็ที่รู้จักในวงการหมากล้อม และกลายเป็หัวข้อสนทนาที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด!”
เฟิ่งชังกลับเข้ามาจากด้านนอกพระโรง ประจวบเหมาะมาทันได้ยินคำพูดนี้ของหลี่หรงเต๋อ เขาลอบถ่มน้ำลาย “ถุย! เ้าคนน่าไม่อาย!”
ั์ตาเ้าเล่ห์นั้นกลอกไปมารอบหนึ่ง เขายกยิ้มเมื่อเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “ใต้เท้าหลี่พูดได้ดี! ตรงกับความคิดของข้า!”
หลี่หรงเต๋อขมวดคิ้วประหลาดใจ “หากข้าไม่ได้จำผิดแล้วละก็ ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งอยู่ข้างซือคงเซิ่งเจี๋ยกระมัง ไฉนจึงกลับมาอยู่ข้างแม่นางเฟิงเสียแล้ว”
เฟิ่งชังพูดเสียงดัง “ใครบอกว่าข้าอยู่ข้างซือคงเซิ่งเจี๋ย ข้าอยู่ข้างแม่นางเฟิงมาตลอด!”
หลี่หรงเต๋อโกรธจนหัวเราะออกมา “แต่เมื่อสักครู่ท่านวางเดิมพันข้างซือคงเซิ่งเจี๋ย!”
เฟิ่งชังหัวเราะเบาๆ “ใต้เท้าหลี่ หรือเ้าไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือ ยิ่งรัก ยิ่งร้อนใจ! เพราะข้าอยู่ข้างแม่นางเฟิง จึงคาดหวังในตัวแม่นางเฟิงมาก ดังนั้นจึงวางเดิมพันข้างซือคงเซิ่งเจี๋ย นี่เป็การสนับสนุนแม่นางเฟิง หวังว่านางจะไล่ตามให้ทัน และทวนกระแสน้ำ!”
หลี่หรงเต๋อกลอกตาขาว แค่นหัวเราะเสียงเย็น “เหตุผลของท่านมหาเสนาบดีน่าประหลาดจริงๆ สนับสนุนในใจ แต่กลับไม่วางเดิมพันข้างนั้น นี่มันตรรกะสำนักใดกัน”
ขุนนางคนอื่นๆ พากันหัวเราะ
เฟิ่งชังกลับไม่คิดเช่นนั้น “ข้าเป็คนวางเดิมพันตามใจตนเองตลอดมา หากใต้เท้าหลี่รู้สึกไม่พอใจในเื่นี้ ข้าวางเดิมพันใหม่อีกครั้งก็ได้ ข้าวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง!”
ดวงตาของหลี่หรงเต๋อเป็ประกายประหนึ่งว่าจับจุดอ่อนของเขาได้ เขารีบพูดว่า “นี่ท่านพูดเองนะ! ตอนนี้ท่านเปลี่ยนใจแล้วใช่หรือไม่ ท่านตัดสินใจวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิงหรือ”
เฟิ่งชังยืดอกพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเปลี่ยนใจ ตอนนี้ข้าตัดสินใจวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง!”
ขุนนางทั้งหลายตกตะลึง
นี่จะเอาแต่ใจเกินไปแล้วกระมัง
ที่สำคัญคือพวกเขามองไม่เห็นเลยว่าแม่นางเฟิงได้เปรียบตรงไหน ชัดเจนเหลือเกินว่าหมากขาวเดินหมากภายใต้การกดดันและชักนำของหมากดำ!
ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งเปลี่ยนข้างเดิมพันในตอนนี้ ไร้เหตุผลเกินไป!
หลี่หรงเต๋อหรี่ตาจับจ้องเฟิ่งชังเขม็ง ด้วยคิดจะมองหาพิรุธบนตัวเขา ทว่ากลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หลี่หรงเต๋อหงุดหงิดใจ
เฟิ่งชังไม่แยแสปฏิกิริยาของคนรอบข้าง เขาพูดอีกว่า “ใต้เท้าหลี่ เ้าเล่า เ้าคิดจะวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิงต่อไปหรือไม่”
หลี่หรงเต๋อใคร่ครวญ “หากข้าวางเดิมพันข้างเดียวกันกับท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง นั่นมิใช่หมดสนุกหรือ อีกทั้งข้าเคยพูดกับท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งนานแล้ว ดวงชะตาแปดอักษรของข้าไม่ถูกกับชะตาแปดอักษรของท่าน เพื่อความปลอดภัยพวกเราต่างคนต่างวางเดิมพันดีกว่า ท่านคิดว่าอย่างไร”
เฟิ่งชังหรี่ตาลงหัวเราะ “เมื่อเป็เช่นนี้ ท่านได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนข้างไปวางเดิมพัน ซือคงเซิ่งเจี๋ย ใช่หรือไม่”
หลี่หรงเต๋อตัดสินใจแน่วแน่ “ถูกต้อง ข้าตัดสินใจวางเดิมพันข้างหมากดำ!”
เซวียนหยวนเช่อมองคนทั้งสองปะทะกันด้วยสายตาเ็า ในใจบังเกิดความสงสัย ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งเปลี่ยนข้างกะทันหัน หรือเขารู้แล้วว่าผู้ที่เดินหมากขาวคือบุตรสาวของเขาหรือ
แต่เขาไม่ใส่ใจเื่นี้ เขาใส่ใจสถานการณ์หมากบนกระดานมากกว่า
นับั้แ่หมากขาวเดินหมาก ฮองเฮาน่าจะมองลักษณะโดดเด่นของค่ายกลของอีกฝ่ายออกแล้ว นางจะทำลายค่ายกลได้หรือไม่นั้น ยังเป็เื่ที่ไม่รู้แน่...
เขายกจอกสุราดื่มสุราอึกหนึ่ง พบว่าตนเองถึงกับตื่นเต้นจากปากคอแห้ง
ณ ห้องพิเศษ เทียน ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่เริ่มแรกเดินหมากกระดานนี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน นาทีถึงกับจริงจังขึ้นมา เขาถูกสถานการณ์บนกระดานหมากดึงดูดความสนใจ หาได้ยากนักที่จะเขาจะได้ปะทะกับยอดฝีมือที่ไม่เดินหมากตามกฎเกณฑ์ เืทุกหยดในร่างกายของเขากำลังตื่นตัวสุดๆ นี่คือคู่ต่อสู้ที่เขา้า ยอดฝีมือที่กระตุ้นสติอารมณ์ของเขา!
นาทีนี้ เขาลืมศิษย์พี่ของเขาเสียสนิท เบื้องหน้ามีเพียงยอดฝีมือหน้าใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน!
นี่ทำให้เขากระตือรือร้นอย่างที่สุด
“เยี่ยมมาก ข้าอยากจะดูเหลือเกินว่า เ้าจะทำลายค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าของข้าได้อย่างไร!”
นิ้วเรียวยาวของเขาคีบหมากดำมาตัวหนึ่งแล้ววางลงบนกระดาน
ณ ห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนสวมเสื้อคลุมกันลมนั่งจิบสุราผลไม้ รอเขาวางท่าไม้ตาย ในที่สุดหมากดำก็เคลื่อนไหว วางลงบนตำแหน่งที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร!
“มาได้เยี่ยมมาก!”
นางวางสุราผลไม้ลงแล้วโต้กลับไปทันที
หมากดำสังหารต่อทันที แต่ละก้าวล้วนบีบคั้น!
นางทำมุม เริ่มสร้างค่ายกล!
หมากดำสกัด ทำลายค่ายกล!
นางะโข้ามไปหนึ่งก้าว และสร้างค่ายกลอีก!
หมากดำทำลายค่ายกล!
...
บนกระดานหมากใหญ่ จังหวะการเดินของหมากดำเร็วขึ้นเรื่อยๆ!
เ้ามาข้าไป!
สังหารกันอย่างดุเดือดเืพล่าน!
ผู้ชมหมากล้อมดูแล้วตื่นตระหนกใทว่าแทบจะไม่กระพริบตา!
“เยี่ยม!”
“งดงามเหลือเกิน!”
“ค่ายกลอีกแล้ว ค่ายกลนี้สวยงามมาก!”
“ถูกทำลายแล้ว ทำลายได้แล้ว มหัศจรรย์เหลือเกิน!”
“...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้