เล่มที่ 7 บทที่ 184 สังหาร
“เพล้ง!”
ทันใดนั้นก็มีถ้วยชาใบหนึ่งถูกเขวี้ยงลงพื้นจนแตกกระจาย
นักพรตเฮยซานลุกขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว สองตาก็เอาแต่จ้องเขม็งไปที่หลินเฟย ครู่เดียวก็เอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
“รนหาที่ตายนักนะ!”
“หึหึ...” ครั้งนี้หลินเฟยไม่ได้เมินผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันคนนี้เหมือนเช่นเคย แต่กลับลุกขึ้นมามองอีกฝ่ายกลับอย่างไม่เกรงกลัว รอยยิ้มเป็มิตรบนใบหน้าก็เริ่มจางหายไป
“หลังจบงาน ข้าจะรอ”
จากนั้นทั้งงานประมูลก็เงียบทันที
‘เ้าหนุ่มนี่สุดยอดไปเลย!’
แค่ขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองเท่านั้น แต่ถึงกับกล้าท้าดวลผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเลยทีเดียว
“ฮ่าๆ ดีเลย ข้าจะรอดูว่าเ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหนเชียว!” เมื่อนักพรตเฮยซานได้ยินเช่นนั้น นอกจากไม่โกรธแล้ว แถมยังหัวเราะชอบใจออกมาอีกด้วย ขณะที่หัวเราะก็ปล่อยแรงกดดันของผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันออกมาด้วย บัดนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยอักขระมากมาย ไอิญญารอบด้านก็ปั่นป่วนดุจน้ำเดือด
เวลานี้เองที่ทุกคนเห็นชัดว่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันคนนี้มีพลังร้ายกาจเพียงใด แค่นักพรตเฮยซานปล่อยแรงกดดันออกมา ทั้งหอว่านเย่วก็สั่นะเืขึ้นทันที ทันใดนั้นทุกคนก็มองไปทางนักพรตเฮยซานด้วยความหวาดกลัว...
“คือว่า...” เมื่อเหตุการณ์บานปลายมาถึงขนาดนี้ จ้าวซื่อไห่ก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้อีกต่อไป เื่นี้ก็เกี่ยวพันถึงหน้าตาของสำนักด้วยเช่นกัน ทว่าจ้าวซื่อไห่ก็ไม่กล้าขัดใจนักพรตเฮยซาน เพราะอีกฝ่ายเป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน อย่าว่าแต่จ้าวซื่อไห่เลย ต่อให้เป็หวังจิ่ง ก็ยังต้องเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยความเคารพ ดังนั้นหลังจากพินิจอยู่ชั่วครู่ จ้าวซื่อไห่ก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาอย่างเป็กลางที่สุด
“หากมีปัญหาอะไร ออกไปแล้วค่อยสะสางแล้วกัน...”
“หึหึ...” ยังดีที่ถึงแม้นักพรตเฮยซานจะเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน แต่ก็ยังไว้หน้าสำนักเชียนซานอยู่บ้าง จึงไม่กล้ามีเื่ด้วยตรงๆ ดังนั้นหลังจากที่จ้าวซื่อไห่เอ่ยออกมา นักพรตเฮยซานก็พยายามสงบอารมณ์ลง ก่อนจะหันไปมองหลินเฟยแล้วแค่นหัวเราะออกมา สุดท้ายก็นั่งลงตามเดิม และชูป้ายขึ้นมาอีกครั้ง
“สามล้านห้าแสนหินิญญา”
“สี่ล้านหินิญญา”
“สี่ล้านห้า”
“ห้าล้าน”
“ห้าล้านสามแสน”
“หกล้าน”
“หกล้านสองแสน”
คนทั้งคู่แข่งราคากันอย่างดุเดือด เพียงครู่เดียวราคาชิ้นส่วนประตูมิติก็พุ่งทะยานสูงถึงกว่าหกล้านหินิญญาเสียแล้ว นับว่าเป็ตัวเลขที่สูงมาก เกือบจะเป็รายได้ของฝูงเรือขนาดกลางทั้งปีเลยทีเดียว ทันใดนั้นบรรยากาศภายในงานก็เริ่มอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกสายตาต่างก็จ้องไปที่คนทั้งคู่...
แค่ดูจากตัวเลขที่เสนอก็เห็นความแตกต่างแล้ว เพราะราคาที่นักพรตเฮยซานเสนอนั้นค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จากเดิมที่เพิ่มขึ้นทีละห้าแสน ก็ลดลงเหลือเพิ่มทีละสามแสน จนสุดท้ายลดเหลือครั้งละสองแสน ทว่าหลินเฟยกลับไม่เป็เช่นนั้น นอกจากจะชูป้ายอย่างรวดเร็วและมั่นใจแล้ว ยังเพิ่มราคาครั้งละห้าแสนทุกครั้ง ไม่คำนึงเลยว่าอีกฝ่ายเพิ่มราคาเท่าใด...
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครทุนหนากว่ากัน...
ไม่นานชิ้นส่วนประตูมิติก็พุ่งทะยานถึงเก้าล้านหินิญญา บัดนี้นักพรตเฮยซานใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว ทุกครั้งที่ชูป้าย ก็จะพิจารณาอยู่นาน ต่อให้เสนอเพิ่มครั้งละแสน ก็ต้องพินิจอยู่เกือบครึ่งวัน...
เห็นเช่นนั้นทุกคนก็ดูออกทันทีว่านักพรตเฮยซานใกล้จะไม่ไหวแล้ว...
และแล้วก็เป็อย่างที่คาดคิดไว้ ขณะที่หลินเฟยเสนอราคาถึงสิบล้านหินิญญา นักพรตเฮยซานที่หน้าดำเป็ก้นหม้อก็ชะงักไปราวหนึ่งเค่อ จากนั้นก็บีบป้ายประมูลในมือจนแตกละเอียด หลังจากจ้องหลินเฟยอยู่ชั่วครู่ ก็หันหลังลงจากชั้นสามไป...
จ้าวซื่อไห่ที่ได้สติก่อนใครก็ประกาศผลการประมูลออกมาด้วยน้ำเสียงเป็กังวล
“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่หลินด้วย”
“หึหึ...” หลังจากได้ชิ้นส่วนประตูมิติมา หลินเฟยก็ถือว่าทำภารกิจที่หอว่านเย่วสำเร็จ หลังจากปฏิเสธคำชวนของจ้าวซื่อไห่ที่ขอให้อยู่ต่อแล้ว เขาก็ก้าวเดินออกจากหอว่านเย่วไปทันที...
“เฮ้อ...” จ้าวซื่อไห่ยังคงมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟย สุดท้ายก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
“หวังว่าจะไม่เกิดเื่นะ...”
“ไม่เกิดเื่ก็แปลกแล้ว...” คนที่พูดแทรกมาคือคนที่เคยร่วมแข่งราคาชิ้นส่วนประตูมิติ ดูท่าแล้วน่าจะเป็ผู้าุโของสำนักเล็กๆ สำนักใดสำนักหนึ่ง พอได้ยินคำพูดของจ้าวซื่อไห่ก็หัวเราะออกมา
“เกรงว่าศิษย์พี่หลินของเ้า จะต้องเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว...”
“หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“หึหึ เ้ารู้ไหมว่าทำไมนักพรตเฮยซานถึง้าชิ้นส่วนประตูมิตินั่น?” ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นี้ถือว่าเป็แขกประจำของหอว่านเย่ว จึงพอจะรู้จักกับจ้าวซื่อไห่อยู่บ้าง เวลาที่พูดคุยจึงมีความคุ้นเคยแฝงอยู่
“น้อยคนที่จะรู้เื่นี้ ข้าเองก็บังเอิญได้ยินมาเหมือนกัน...”
“หื้อ?”
“ได้ยินว่าที่นักพรตเฮยซานทรยศสำนักก็เพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ว่ากันว่าตอนที่ยังมีขั้นบำเพ็ญขั้นมิ่งหุนเคราะห์ห้า ก็ได้รับมอบหมายให้ไปยังที่รกร้างทางใต้ และนักพรตเฮยซานเองก็โชคดีที่ได้เจอกับาาแห่งทะเลอูไห่ที่มีพลังสูงส่ง ภายใต้การชี้แนะของาาทะเลอูไห่ทำให้นักพรตเฮยซานได้พบสถานที่บูชาเทพเซียนแห่งหนึ่งในที่รกร้างทางใต้นี้ ได้ยินว่าที่นั่นมีสมบัติมากมาย เป็สถานที่พำนักของเทพเซียนา แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นยังมีขั้นบำเพ็ญที่อ่อนด้อย จึงไม่สามารถนำสมบัติกลับมาได้ทั้งหมด...”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชิ้นส่วนประตูมิติล่ะ?”
“เกี่ยวอยู่แล้ว...” ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ว่ากันว่าสถานที่บูชานั่นตั้งอยู่ที่บริเวณรอยต่อระหว่างพิภพ จำเป็ต้องใช้ชิ้นส่วนประตูมิติเท่านั้น จึงจะสามารถผ่านเข้าไปได้ ข้าว่านะ ที่เป็เดือดเป็ร้อนอยากได้ชิ้นส่วนประตูมิติเช่นนี้ ก็เพราะห้วงมิตินั่นกำลังจะเปิดออกอีกครั้ง... “
“...” เมื่อจ้าวซื่อไห่ได้ยินก็ตะลึงไปชั่วครู่ เป็นานถึงถอนหายใจออกมา
“การขวางทางผู้อื่น เท่ากับรนหาที่ตาย...”
“เพราะอย่างนั้นข้าถึงบอกว่าศิษย์พี่หลินเ้าจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่เป็แน่...”
ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังคุยกัน หลินเฟยก็ออกจากหอว่านเย่วไปแล้ว บัดนี้เป็เวลาค่อนคืน แต่ถนนในเมืองกลับยังครึกครื้นเหมือนเดิม หลินเฟยเดินเลาะไปตามถนนสายน้อย สายตาก็ไม่วายเหลือบดูของที่เร่ขายอยู่เต็มสองข้างทาง หลินเฟยเดินดูเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบริเวณศาลั และถัดออกไปสองซอย ก็คือสถานที่จัดงานประลองอาวุธ...
เพราะเทศกาลไห่หุ่ยนี้เอง จึงทำให้แขกมาไหว้ขอพรลดน้อยลง บรรยากาศแถวนี้จึงดูเงียบเหงาอยู่บ้าง หลินเฟยกวาดตาสำรวจรอบๆ จากนั้นครู่เดียวก็พยักหน้าด้วยความพอใจ...
เพราะหลินเฟยรู้สึกได้ว่า...
มีไอสังหารอันเยือกเย็นขุมหนึ่งกำลังแพร่กระจายอยู่ในอากาศ เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า ก็เห็นเพียงเมฆดำปกคลุมไปทั่ว ไม่เห็นแม้กระทั่งดวงดาวและดวงเดือน รอบด้านเงียบสงัดจนได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------