เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนค่ำ เสี่ยวจิ่วฮวาเผลอนอนหลับไปจนถึงตอนมืด เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดหัวไม่น้อย นางลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบกาชาและรินชาขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย แล้วจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะบิดกายไปมาครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเรียกหูเป่า
"หูเป่า หูเป่า"
หูเป่าที่ได้ยินเ้านายเรียกก็รีบเข้ามาในห้องทันที ก่อนจะรีบก้มหน้างุด แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูรองไม่ชอบให้บ่าวไพร่สบตากับนาง หูเป่ารู้เื่นี้ดี เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย
"เงยหน้าขึ้นมามองข้า ข้าไม่ตีเ้าหรอก"
"บ่าวไม่กล้าเ้าค่ะ"
"บอกให้เงยหน้าขึ้นมาก็ทำสิ!!!"
หูเป่ารีบเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวจิ่วฮวาทันที เสี่ยวจิ่วฮวาที่มองเห็นแววตาหวาดกลัวของหูเป่าก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปประคองหูเป่าให้ลุกขึ้นมา และเอ่ยกับสาวใช้อย่างอ่อนโยน
"ต่อไปเ้าไม่ต้องหวาดกลัวข้าขนาดนี้ ข้าเองก็จะไม่เอาโทสะมาลงที่เ้าอีก ขอเพียงเ้าอย่าเผลอยั่วโมโหข้าจนทนไม่ไหวก็พอ"
หูเป่าที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ เสี่ยวจิ่วฮวาหาวออกมา ก่อนจะเอ่ยถามหูเป่า
"มีสิ่งใดกินบ้าง ข้าหิวแล้ว"
"บ่าวเตรียมไว้ให้แล้วเ้าค่ะ"
"อืม"
เสี่ยวจิ่วฮวาพยักหน้า ก่อนจะเดินไปกินอาหารที่โต๊ะอาหาร เมื่อกินอิ่มแล้ว นางจึงออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ในจวน วันนี้บรรยากาศค่อนข้างดีไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาชื่นชอบฤดูใบไม้ผลิที่สุด นางชอบเวลาที่ดอกไม้ต้นไม้ในจวนผลิบานมีใบไม้เขียวชอุ่ม มันดูมีชีวิตชีวา ไม่เหี่ยวแห้งอึมครึม
ที่สำคัญนางไม่ชอบฤดูหนาว ยามที่หิมะตกนางรู้สึกหดหู่หวาดกลัว และคิดถึงเื่ราวในคืนนั้นที่เกิดขึ้น
คืนที่นางตายอย่างโดดเดี่ยวและหิมะตกลงมาทับถมตัวนาง!!!
เสี่ยวจิ่วฮวาส่ายหน้าไปมาพยายามไม่ไปคิดถึงเื่ราวน่ากลัวเช่นนั้นอีก นางเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบไม่ร้อน เดินมาได้ไม่นานก็พบกับเสี่ยวเย่วหยาที่เดินผ่านมาพอดี เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นเสี่ยวจิ่วฮวาก็มีท่าทางลนลาน รู้สึกว่ามือเท้าเกร็งไปหมด นางพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบเจอน้องสาวผู้นี้ แต่จวนตระกูลเสี่ยวแคบออกปานนี้ ย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะหน้ากันได้
เสี่ยวจิ่วฮวารับรู้ได้ถึงท่าทีอึดอัดใจที่เสี่ยวเย่วหยามีต่อนาง หากเป็เมื่อก่อนท่าทางเช่นนี้ของพี่สาวคงทำให้นางโมโหและหาเื่ทุบตีไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน
เสี่ยวเย่วหยาเมื่อหลีกหนีไม่พ้น จึงเดินเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย
"อาจิ่ว เ้าออกมาเดินเล่นหรือ วันนี้อากาศดีมาก ข้าก็ออกมารับลมเช่นเดียวกัน"
เสี่ยวเย่วหยาแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ในใจกลับประหม่าไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาััได้ถึงท่าทีนั้นของพี่สาวตน นางจึงเพียงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย
"อืม อากาศดีจริงๆ"
เสี่ยวเย่วหยาชะงักไปเล็กน้อย ทุกครั้งที่ได้เจอกัน เสี่ยวจิ่วฮวามักปรายตามองนาอย่างเกลียดชัง และมักพูดเสมอว่านางมาแย่งความรักไปจากท่านแม่ แต่วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวากลับเพียงพยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยวาจาหาเื่นางเลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวจิ่วฮวาเองก็ประหม่าไม่น้อยเช่นเดียวกัน หากเป็ในอดีตนางคงบอกว่าเสี่ยวเย่วหยาเสแสร้งจอมปลอม วางตัวเป็คุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่แย่งความรักของแม่ไปจากนาง
บรรยากาศกระอักกระอ่วนนี้ช่างน่ากดดันไม่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาจึงเป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"ข้าจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ข้ามีธุระต้องไปจัดการ"
"อืม อาจิ่วเดินดีๆ ล่ะ"
"อืม"
เสี่ยวเย่วหยายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเรือนของตนไป ด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเมื่อกลับมาถึงเรือนก็เข้านอน แต่คืนนั้นนางนอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงแต่เื่ในชาติก่อน นางรู้สึกว่าเหมือนมีใครบางคนในความทรงจำที่นางลืมเลือนไป แต่คนผู้นั้นคือใครนางพยายามนึกเท่าใดก็นึกไม่ออกเสียที คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว จวบจนค่อนคืนจึงข่มตาหลับลงได้
รุ่งเช้าวันต่อมา เมื่อไปคารวะท่านแม่ยามเช้าแล้ว นางจึงเดินทางออกจากจวนไปที่วัดไป๋หวาทันที เสี่ยวฮูหยินที่ได้ทราบข่าวก็เรียกสาวใช้ของตนมาเอ่ยถามทันที
"นี่ เ้าได้ถามไหมว่าอาจิ่วนางจะไปที่ใด"
สาวใช้น้อยส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยตอบ
"บ่าวไม่ทราบเ้าค่ะ คุณหนูรองบอกเพียงว่ามีธุระต้องไปจัดการ เสร็จแล้วจะรีบกลับเ้าค่ะ"
"ไม่ใช่ไปก่อเื่ข้างนอกหรอกนะ!! ข้าจะสั่งสอนนางอย่างไรดี"
ด้านเสี่ยวเย่วหยาที่คอยบีบนวดให้เสี่ยวฮูหยินก็เอ่ยขึ้นมา
"ท่านแม่ บางคราน้องรองอาจจะเพียงอยากไปเที่ยวเล่นน่ะเ้าค่ะ อาจจะไม่มีเื่ใดก็ได้ ท่านแม่อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะเ้าคะ"
"เฮ้อ เย่วหยา หากอาจิ่วประพฤติตนได้ดีเท่าเ้าสักเล็กน้อย ข้าคงเบาใจ"
"ท่านแม่ อย่าเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าน้องรองเชียวนะเ้าคะ"
เสี่ยวฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะจับมือของเสี่ยวเย่วหยาเอาไว้
"เย่วหยา ถึงแม้เ้าจะไม่ใช่ลูกของข้า แต่ข้าก็รักเ้ามากนะ หากไม่ใช่เพราะบ่าวไพร่ปากมากพูดกัน เ้าก็คงไม่รู้ว่าข้าไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเ้า"
"ท่านแม่ ท่านคือท่านแม่ของข้านะเ้าคะ"
"อืมๆ เด็กดี เ้ารักษาตัวให้ดีเล่า อีกสามวันแม่จะพาเ้าไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจวนตระกูลไป๋ บางคราอาจจะมีข่าวดีเื่งานหมั้นหมายของเ้า"
เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ก่อนจะครุ่นคิดถึงคุณชายจวนตระกูลไป๋ผู้นั้นขึ้นมา
ด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นนางนั่งรถม้ามาได้ราวครึ่งชั่วยาม รถม้าก็หยุดลง หูเป่าลงไปก่อน หวังจะช่วยประคองเสี่ยวจิ่วฮวาลงมา แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ช่วยประคอง เ้านายของตนก็ะโลงมาจากรถม้าก่อนเสียแล้ว หูเป่าถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย
นี่แหละนิสัยที่แท้จริงของคุณหนูรอง ไม่สนกฎระเบียบ ไม่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติใดๆ ทั้งสิ้น
เสี่ยวจิ่วฮวามองขึ้นไปบนวัดไป๋หวา จากที่รถม้าจอดตรงนี้ต้องเดิินขึ้นบันไดไปอีกหลายสิบก้าว แต่นางยังไม่คิดที่จะขึ้นไปไหว้พระโพธิสัตว์ตอนนี้ เสี่ยวจิ่วฮวาเดินตรงไปอีกด้านหนึ่ง หูเป่าที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งตามมาทันที
"คุณหนูรองเ้าคะ ท่านจะไปทางนั้นได้อย่างไรกัน ที่นั่นมันคือสุสานฝังศพไร้ญาตินะเ้าคะ"
"ไม่ต้องถามมาก ตามข้ามา เอาของที่ข้าสั่งมาด้วยหรือไม่"
"เอามาแล้วเ้าค่ะ"
"ดี"
เสี่ยวจิ่วฮวาเร่งฝีเท้าเดินมาจนถึงหน้าสถานที่แห่งหนึ่ง มันเป็สถานที่ฝังศพของเหล่าศพไร้ญาติ นางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะมองเห็นป้ายหลุมศพป้ายหนึ่ง
ฉินหวั่น
เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองป้ายสุสานนั้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหูเป่า
"ส่งของมาให้ข้า"
"ฮือ คุณหนู บ่าวกลัวเ้าค่ะ"
เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอ่ย
"ผีไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอกนะ หากเ้ากลัวก็รอตรงนี้ ข้าไปไม่นาน อีกเดี๋ยวจะรีบกลับมา"
"ฮือ คุณหนู"
เสี่ยวจิ่วฮวาคร้านจะสนใจสาวใช้จอมขี้ขลาดของตนอีก นางเดินตรงไปหยุดอยู่ที่หน้าหลุมศพของฉินอี๋เหนียง ก่อนจะค่อยๆ ย่อกายนั่งลง แล้วจึงนำอาหารอย่างดี ขนม ผลไม้ น้ำชามาจัดวางตรงหน้าหลุมศพ แล้วจึงจุดธูปปักลงไปที่กระถางธูปหน้าป้ายสุสานของฉินอี๋เหนียง
"แม่เล็ก ข้าหวังว่าท่านที่อยู่ในปรโลกจะได้พบกับบุตรที่แท้จริงของตนเองแล้ว เื่ราวที่ผ่านมาข้าจะไม่โทษท่าน แม้จะอยากสาปแช่งท่านมากเพียงใดก็ตาม แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า ความแค้นและความอิจฉาริษยาทำให้ข้าไม่อาจพบจุดจบที่ดีได้ นับแต่นี้ข้าจะเริ่มต้นใหม่ ทุกสิ่งที่ผ่านมาข้าจะเก็บเอาไว้เป็บทเรียน ส่วนท่าน ข้าขอบคุณที่ท่านเคยเลี้ยงดูข้ามา แม้จะไม่เคยเลี้ยงด้วยความรักเลยก็ตาม แต่ครั้งหนึ่งข้าก็เคยรักท่านเสมือนมารดาแท้ๆ ของข้า ท่านจงอยู่ในปรโลกอย่างสงบสุขเถอะ ระหว่างเราทั้งสองไม่มีสิ่งใดติดค้างพัวพันต่อกันอีก"
หลังจากจบคำพูดของเสี่ยวจิ่วฮวา ก็คล้ายกับมีสายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านตัวของนางไป เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจัดการเก็บของและเดินออกมาจากสุสาน หูเป่าที่ยืนรออยู่เมื่อเห็นว่าเ้านายตนออกมาแล้วก็ดีใจเป็อย่างมาก
"คุณหนูรอง บ่าวกลัวแทบแย่ หากท่านยังไม่ออกมาอีก บ่าวจะร้องไห้แล้วนะเ้าคะ"
เสี่ยวจิ่วฮวายื่นตะกร้าส่งให้กับหูเป่า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ข้าบอกแล้วว่าผีน่ะไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอก ไปได้แล้ว ข้าจะไปไหว้พระโพธิสัตว์บนวัดเสียหน่อย"
"เอ่อ คุณหนูรองเ้าคะ"
"มีสิ่งใดอีกเล่า"
"คือว่า ท่านอย่าก่อเื่ในวัดเลยนะเ้าคะ ไต้ซือในวัดเป็ที่นับถือของเหล่าชาวบ้าน คือว่า..."
"ข้ารู้แล้ว ข้าไม่ด่าไต้ซือหรอก หากเ้าไม่หยุดพูดมากข้าจะด่าเ้าแทน"
เสี่ยวจิ่วฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดอย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วจุดธูปไหว้พระโพธิสัตว์ ถวายเงินเป็ค่าธูปเทียน และยังได้ยันต์คุ้มภัยมาอีกด้วย บรรยากาศในวัดค่อนข้างร่มรื่น คงเพราะนางมาั้แ่เช้าจึงยังไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก
เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกเหนื่อยแล้วจึงคิดอยากจะกลับจวนไปพักเสียหน่อย แต่ในขณะที่นางกำลังเดินลงจากบันได ก็มีคนผู้หนึ่งกำลังเดินออกมาจากหอปฏิบัติธรรมของวัดพอดี เสี่ยวจิ่วฮวาไม่ได้สนใจจะมองสิ่งใดอีกเพราะนางรู้สึกง่วงแล้ว แต่ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับมองนางอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งนางเดินจากไปไกลแล้วเขาก็ยังจ้องมองนางอยู่เช่นนั้น
นั่นใช่สตรีที่ข้าเห็นในฝันมาตลอดหลายสิบคืนใช่หรือไม่ นางมีตัวตนอยู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้