เ่ิูได้ยินแล้วก็ชะงัก
สำนักหงส์ฟ้าเชื้อเชิญเขาต่อหน้าเช่นนี้...มัน เกิดอาเพศอะไรขึ้นกันนี่?
เป็เื่ไม่คาดฝันที่สุด
“เท่าที่ข้ารู้ ศิษย์พี่ชิงหยูไม่ค่อยพอใจในสำนักกวางขาวนักเพราะเื่ที่เกิดขึ้น ท่านไม่ได้กลับสำนักมาค่อนเดือนแล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ ไฉนไม่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเล่า” สวี่เกอว่าพลางยิ้มพลาง “ว่ากันตามตรง ข้าเองก็คิดว่าเกียรติยศของสำนักกวางขาวนับวันมีแต่จะร่อยหรอ ไม่เหมาะกับฟ้าประทานเช่นศิษย์พี่ชิงหยูอีกต่อไปแล้ว มีเพียงสำนักหงส์ฟ้าของเราเท่านั้นถึงจะทำให้ท่านกลายเป็ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้”
เ่ิูไม่ตอบ
เขากำลังครุ่นคิดถึงสาส์นที่แอบแฝงมากับคำพูดนี้
สวี่เกอไม่เร่งร้อน เขานั่งลงอย่างสงบ รออย่างใจเย็นนัก
ต่อมาเ่ิูก็ถามไถ่ “ข้ามีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง ในเมื่อข้าเป็ศิษย์สำนักกวางขาวอยู่แล้ว จะเปลี่ยนเป็สำนักหงส์ฟ้าได้ด้วยหรือ?”
สวี่เกอยินดียิ่ง เขาคิดว่าเ่ิูเริ่มจะพิจารณาข้อเสนอของเขาแล้ว ถึงได้รีบตอบไป “ได้แน่อยู่แล้วขอรับ ศิษย์ในสิบยอดสำนักเปลี่ยนสำนักมีให้เห็นบ่อยไป ่หลังๆ มานี่ก็มีตัวอย่างอยู่คนหนึ่ง ท่านอาจไม่รู้ว่าศิษย์พี่ัเีเขาก็ย้ายมาจากสำนักหงส์เทวะ”
เ่ิูได้ยินคำแล้วก็ใ
อะไรนะ?
เป็ไปได้อย่างไร?
ัเีย้ายมาจากสำนักหงส์เทวะหรือ?
ที่จริงก็รู้ั้แ่แรกแล้วว่าัเีหาใช่ลูกศิษย์ลูกหาพื้นเพของสำนักกวางขาวไม่ ความเป็มามีความพิเศษไม่เหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะพิเศษถึงขั้นนี้ เขาคนนั้นย้ายมาจากสำนักหงส์เทวะจริงๆ
ฟังแล้วก็ไม่รู้จะบรรยายยังไง
นามของสำนักหงส์เทวะนั้น สำหรับนักยุทธ์ทุกชีวิตแล้ว เพียงได้ยินก็เหมือนอสนีบาตฟาดแก้วหู
เพราะว่าเป็สำนักอันดับหนึ่งในสิบยอดสำนัก
สำนักแห่งนี้มีประวัติอันยาวนานที่สุดในแคว้นเสวี่ย รายละเอียดมากมียิ่งกว่าสำนักไหนๆ เสียงข่าวว่ามีผู้สร้างขึ้นตอน่บุกเบิกอาณาจักร แรกเริ่มเดิมทีก็รับแต่ผู้ดีมีสกุลเท่านั้น ต่อมาจึงค่อยๆ ขยายเงื่อนไข ให้เหล่าหัวกะทิอัจฉริยะจากชนชั้นปุถุชนเข้าสำนักหงส์เทวะได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับเหล่าหนุ่มสาวที่อายุถึงเกณฑ์แล้ว การได้เข้าสำนักหงส์เทวะไม่ต่างกับได้เหยียบย่างบนเวหา
ไม่รู้ว่าเหล่าอัจฉริยะที่คร่ำครวญร่ำไห้ด้วยใคร่จะเข้าสำนักหงส์เทวะมีจำนวนมากแค่ไหน และยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าตระกูลผู้ดีจะส่งบุตรและบุตรีมาสำนักแห่งนี้อย่างทุ่มสุดตัวถึงเพียงไหน
แต่เ้าัเีคนพิลึกกลับย้ายจากสำนักหงส์เทวะมากวางขาว?
สมองเขาโดนลาถีบหรือเปล่า?
เ่ิูไม่นึกเลยว่าัเีจะมีเื่ราวแบบนี้เกิดขึ้นด้วย
เื่นี้ต้องมีเื้ัอย่างแน่นอน
เมื่อครุ่นคิดเล็กน้อย เ่ิูก็ส่ายหน้าในที่สุด “เื่นี้ข้ายังให้คำตอบพวกเ้าไม่ได้ชั่วคราว ข้าขอคิดดูก่อน”
สวี่เกอพยักหน้ารับ “ได้อยู่แล้ว เ้าสำนักเฉินบอกว่า ทวารใหญ่ของสำนักหงส์ฟ้าจะเปิดอ้ารอฟ้าประทานเช่นศิษย์พี่ชิงหยูเข้ามาเสมอ สามวันจากนี้พวกเราจะไปจากเมืองลู่ิ ในสามวันนี้หากท่านตัดสินใจดีแล้วก็มาหาข้าได้ตามสะดวก ที่พำนักชั่วคราวของสำนักหงส์ฟ้า ท่านคงรู้ตำแหน่งสินะ?”
เ่ิูพยักหน้า
สวี่เกอลุกขึ้นกล่าวอำลาในบัดดล
เ่ิูไม่ลีลามาก เขายืนขึ้นส่งแขก
เมื่อมาส่งสวี่เกอจนถึงหน้าประตูคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว นอกประตูพลันมีเสียงจอแจกระหึ่มมา เหมือนผสมระหว่างคำด่าและสาปแช่ง
เ่ิูเลิกคิ้ว
เมื่อมาถึงนอกประตูใหญ่ก็มองเห็นคนหลายสิบคน ยืนล้อมรอบทวารคฤหาสน์อย่างเนืองแน่น
“ออกมาแล้วๆ เ่ิูออกมาแล้วล่ะ”
“ออกมาจนได้นะ”
“แซ่เย่ ในเมื่อออกมาแล้วก็ช่วยอธิบายหน่อยซี่”
“ใช่ หลบซ่อนต่อไปนั้นไม่ใช่เื่เลย ถ้าเ้าเป็ลูกผู้ชายก็ออกมาอธิบายให้พวกข้าฟังซะ”
เมื่อเห็นเ่ิูออกมา คลื่นฝูงชนก็โอบล้อมเข้ามา หัวโจกไม่กี่คนอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ เืร้อนไม่หยอก ท่าทีเดือดดาล กางมือออกชี้หน้าเ่ิู น้ำลายกระเด็นไปทั่ว นิ้วมือเหมือนจะกรีดใบหน้าเด็กหนุ่มเป็ชิ้นๆ
เ่ิูนิ่งไป
เขาไม่รู้เจตนาของคนพวกนี้เลย
คนพวกนี้เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วก็ไม่เคยพบเคยเห็นด้วย เห็นทีแล้วน่าจะเป็คนในเมืองลู่ิเหมือนกัน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็แสนธรรมดา มิใช่ชนชั้นสูงของเมืองแต่อย่างใด เป็เหมือนพวกอันธพาลกร่างถิ่นหาเื่เล่น แต่สุดจะรู้จริงๆ ว่าทำไมถึงต้องโอบล้อมแล้วลั่นวาจาแก่เขาว่าต้องอธิบายอะไรสักอย่าง
สวี่เกอรู้สึกไม่สบายใจกับภาพตรงหน้า
ทว่าเขาก็ทำเพียงยิ้มให้เท่านั้น “ในเมื่อศิษย์พี่เย่มีเื่ต้องสะสาง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน หากศิษย์พี่เย่ตัดสินใจแน่นอนแล้ว ท่านก็มาบอกข้าได้ด้วยตัวเองเลยนะขอรับ ข้าหวังเป็ยิ่งว่าจะได้ฟ้าประทานเช่นศิษย์พี่เย่มาเป็สหาย”
เอ่ยจบก็น้อมมือคำนับแล้วเดินจากไป
เ่ิูน้อมมือส่งแขก
หลังกล่าวลากับสวี่เกอแล้ว เ่ิูถึงหยัดยืนอยู่บนบันได มองจากที่สูงลงมา เห็นผู้คนที่พิสดารมากและเคืองแค้นต่อความไม่เป็ธรรม “ก็ได้ ใครก็ได้บอกข้าทีว่าให้อธิบายเื่อะไร พูดให้ชัดเจน”
คนหนุ่มหัวโจกอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดผู้สวมอาภรณ์ยาวขาดใน สองมือกอดอกยามยิ้มเย็น “แน่อยู่แล้วว่าต้องเป็เื่สตรีอับแสง ได้ยินมาว่าตอนเ้าอยู่สำนักกวางขาว เ้าสนิทกับนางที่สุดนี่ ต่อให้เ้าไม่ใช่พรรคพวกของนาง ก็ต้องมีเอี่ยวความสัมพันธ์ไม่มากก็น้อย พูดมาเถอะ หญิงมารคนนั้นหนีไปอยู่ไหน?”
เ่ิูนิ่ง ฉับพลันใบหน้าเรืองรองด้วยจิตสังหาร
เพราะเื่นี้จริงแท้
สายตาของเขาปรายมองกลุ่มคน จดจำทุกใบหน้าไว้แม่นมั่น จากนั้นจึงพยักหน้า มิเอื้อนเอ่ยคำใดยามหันหลังเดินกลับเข้าบานประตูใหญ่
“เฮ้ย? หยุดนะ!” ชายคนนั้นร้อนรน แววตาแวบความร้ายกาจขึ้นมา เขาะโตะปบไหล่เ่ิูเอาไว้แล้วแหวใส่ “คิดจะไปก็ไปง่ายๆ เหรอ พูดให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยไปซี่”
เ่ิูไม่หันหน้ากลับ เขาขยับไหล่เล็กๆ
“อ๊าก” ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บร้าวที่ท่อนแขนเหมือนโดนพับ ตัวลอยไปไกล ชนเข้ากับคนด้านหลังล้มกันตุ้บๆ ตั้บๆ
ปึง!
ประตูใหญ่ของคฤหาสน์เย่ปิดลงอย่างหนักหน่วง
“หากกล้ามาให้ข้าเห็นพวกเ้าอยู่หน้าประตูข้าอีก ก็อย่าหาว่าไม่เกรงใจ”
น้ำเสียงเ่ิูโชยมาตามสายลม ความหนาวเหน็บน่าขนลุกเสียดชันไปยันกระดูก
นอกทวารใหญ่
ชายหนุ่มและคนรอบข้างเขานิ่งงันจนหมด
นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ คนหนุ่มที่ใบหน้าชั่วร้ายกัดฟันพูด “อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ กล้าเป็ปฏิปักษ์กับคนทั้งเมือง เขาจะฆ่าคน? เฮอะๆ ขู่เล่นสิไม่ว่า”
...
...
เ่ิูผู้นั่งอยู่ในสวนปณิธานอารมณ์ดิ่งลงเหวที่สุด
แม้แต่คนโง่ยังมองออกว่าคนๆ นั้นไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่เสาะหาเื่แก้เบื่อ แต่ไม่รู้ได้รับคำชี้นำจากใครมา ถึงได้ทำเื่ทำราวขึ้นที่นี่ วิธีการนี้เลวร้ายยิ่ง
เด็กน้อย่เี่ิคือต่อมโมโหของเขาในยามนี้
เมื่อครู่นั้นเ่ิูคิดจะฆ่าแล้ว
ทว่าเขายังอดกลั้นเอาไว้ได้
หลังฝึกกำหนดลมหายใจอยู่หนึ่งชั่วโมงเต็ม ใจของเด็กหนุ่มถึงได้สงบลงบ้าง
ตราบจนฝึกฝนถึงยามพลบค่ำ เ่ิูถึงได้เดินออกมาทางทวารใหญ่ พบว่าคนพวกนั้นยังไม่หายไปไหน แต่มิได้เอะอะโวยวายเหมือนคราวแรก ดูเหมือนการคุกคามต่อหน้าจะเห็นผล เขาไม่เก็บเื่นี้มาใส่ใจอีกต่อไป เพียงแต่กลับคฤหาสน์ไปจัดการกับมื้อเย็น จากนั้นจึงกลับห้องเพื่อทบทวนเื่ที่สวี่เกอเสนอมาอย่างจริงจัง
ว่ากันตามจริงแล้ว เ่ิูมีใจจะจากสำนักกวางขาวไปจริงๆ
หลังเวินหว่านและหวังเยี่ยนออกจากสำนักกวางขาว หนำซ้ำยังเกิดเื่แบบนั้นขึ้นกับ่เี่ิ เ่ิูรู้สึกว่าเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับสำนักกวางขาวมากเท่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะหลังได้คัมภีร์ทองแดงท่วงทำนองยุคเทพมารมา เ่ิูก็ยิ่งรู้สึกว่าตนอยู่ที่สำนักกวางขาว ต่อสู้กับฉินอู๋ซวง หานเซี่ยวเฟย เป็ต้นเช่นนี้ต่อไป จะมีความหมายอะไรเล่า
ไปสำนักหงส์ฟ้าหรือ?
บางทีอาจเป็ทางเลือกที่คู่ควร
แต่เ่ิูก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าบรรยากาศของสำนักหงส์ฟ้าเป็เช่นไรกันแน่
บางทีอาจเป็บ่อโคลนที่แตกต่างกัน?
ดีที่ยังมีเวลา เขาจึงไม่รีบตัดสินใจอะไร
เขาใช้เวลาทั้งคืนไปกับการฝึกวิชา
...
วันที่สอง
เ่ิูเข้ามาในสวนของสำนักกวางขาว
เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่านึกยังไงถึงได้อยากมาที่นี่
หรือจะกลายเป็ว่ากำลังตัดสินจะจากที่นี่ไปแล้ว?
หลังเดินวนรอบสวนไปรอบหนึ่ง เ่ิูก็พบอย่างฉับพลันว่าสถานที่ที่เขาคุ้นเคยที่สุดในสำนักกวางขาวมิใช่หอสำแดงยุทธ์ มิใช่ลานแสดงยุทธ์ แล้วก็มิใช่หอพัก แต่เป็ห้องสมุดสาธารณะและโรงอาหาร และเหล่าศิษย์ในสวนเ่าั้ก็ไม่คุ้นหน้าสำหรับเด็กหนุ่มเลยสักนิด
สวนอันกว้างขวาง แต่เด็กหนุ่มกลับพบพานเพียงว่า ตัวเขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน
เมื่อนั้นเองที่ใจจะลาจากยิ่งโหมกระพือรุนแรงยิ่งขึ้น
ยามเที่ยงวัน เ่ิูก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารอีกครา
เพราะเ้าหมาหัวโตอยู่นั้นเอง เ่ิูถึงเหมือนคนเืออกแทบหมดตัว หนึ่งคนหนึ่งตัวกินอาหารของโรงอาหารหมดไปสองในสาม ดีที่ศิษย์ซึ่งกินอาหารไร้ค่าใช้จ่ายเช่นนี้มิได้มีมากนัก มิเช่นนั้นแล้วคงเกิดเื่โดนคนต่อแถวมาต่อต้านเป็แน่
มองเห็นเ้าหมากลืนอาหารเข้าไปถังแล้วถังเล่าเข้ากระเพาะหลุมดำของตัวเอง เ่ิูเริ่มจากความะเืใจจนมาเป็ชาชิน
เมื่อกินข้าวเสร็จและพร้อมจะเดินออก ร่างๆ หนึ่งพลันปรากฏตัวที่หน้าโต๊ะอาหาร
เ่ิูเงยหน้ามอง
ศิษย์สำนักกวางขาวที่เขาไม่รู้จักแน่นอน อายุน่าจะสักสิบเอ็ดสิบสอง น่าจะเป็ศิษย์ปีหนึ่ง ใบหน้าและดวงตาสดใส มีความกระดากอายเบาบางอย่างกับเด็กผู้หญิง มีความกระตือรือร้นแฝงอยู่ไม่น้อย
“ท่านคือศิษย์พี่เ่ิู?” ศิษย์กวางขาวถามอารามระวัง
เ่ิูพยักหน้ารับ “เ้าคือ?”
หนุ่มน้อยยิ้มแล้วว่า “ท่านไม่รู้จักข้าหรอก ท่านอาจารย์หลักข่งให้ข้ามาบอกท่านให้ไปพบเขาก่อนจะจากสำนักไป”
อาจารย์หลักข่ง?
เ่ิูพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ขอบคุณ”
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ข้าแค่คนส่งสาส์นเท่านั้นเอง ควรจะทำอยู่แล้วขอรับ” หนุ่มน้อยจอมกระดากยกมือห้ามอย่างรีบลน เขาเสริมอีกว่า “ศิษย์พี่เย่ ท่านเป็แรงบันดาลใจของข้า ข้ายกย่องท่านมากเลยขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้