บทที่ 150 คนคุ้นเคย
“วันนี้คุณชายเช่นข้าไม่อยากจะทำอะไรนัก จอมยุทธ์อวิ๋น ท่านเองก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ รอการประชันห้าัเริ่มต้นขึ้นเถอะ”
ดวงตาของเขาสั่นไหว เสวี่ยหานเฟยโบกพัดขนนกเบาๆ เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนตามมาตรฐานออกมา
“ที่แท้คุณชายเสวี่ยก็ไม่กล้านี่เอง?” ฉู่อวิ๋นเอ่ย
“ฮ่าๆ แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนกล้าหาญอันใด แต่ในโลกนี้ก็มีสิ่งที่ทำให้ข้าคนนี้กลัวได้น้อยนัก”
เสวี่ยหานเฟยพูดเบาๆ จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาหรี่ตาลงและพูดต่อ “ครานี้ที่พวกเราลงมา ก็เพราะอยากจะลงเดิมพันสักนิดหน่อย”
“และยามนี้ ในเมื่อจอมยุทธ์อวิ๋นกำลังจะเข้าร่วมการประชันห้าั เช่นนั้นเหตุใดไม่ลองเดิมพันผลการแข่งขันของเขาดูเล่า?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งฉู่ซินเหยาและเสวี่ยหรูเยียนก็ใเล็กน้อย ในขณะที่ฉู่อวิ๋นยิ้มและพูดว่า “คุณชายชุยเสวี่ย ครั้งที่แล้วยังแพ้ไม่พออีกหรือ?”
เสวี่ยหายเฟยไม่แยแสและพูดว่า “ครั้งที่แล้วก็เป็เื่ของครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้การประชันห้าัหมายชีวิต หากได้เห็นพลังที่แท้จริง คุณชายเช่นข้าก็ใช่ว่าจะแพ้”
“โอ้?” ฉู่อวิ๋นมองไปที่คุณชายชุยเสวี่ยแล้วถามว่า “เช่นนี้คุณชาย้าเดิมพันอย่างไร?”
เสวี่ยหานเฟยเก็บพัดขนนก แสร้งทำเป็หลับตาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “อิงจากพลังศรที่ท่านแสดงเมื่อครั้งที่แล้ว จอมยุทธ์อวิ๋น ข้าเดิมพันว่าท่าน... จะแพ้ในรอบที่ห้า”
ด้วยเหตุนี้ เสวี่ยหานเฟยจึงหยิบไพ่ใบใสที่บางพอๆ กับปีกจั๊กจั่น เดินไปที่โต๊ะพนันใกล้ๆ และวางไพ่ไว้ภายใต้ชื่อผู้แพ้รอบที่ห้า “อวิ๋นชู”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฝูงชนก็ประหลาดใจ คุณชายผู้สูงศักดิ์ใช้ไพ่หินิญญามาเดิมพันในการต่อสู้ คำนวณมูลค่าดูแล้วก็เต็มหมื่น ใจป้ำเช่นนี้ คงมั่นใจไม่น้อย
ไพ่หินิญญา จะกักเก็บหินิญญาจำนวนมากไว้ สามารถใช้มันแลกเป็หินิญญาหรือจะเก็บไว้ก็ได้ เป็ไพ่เก็บเงินที่นักรบใช้กันทั่ว ทั้งยังเป็อุปกรณ์ในมิติ
ทว่าทุกคนก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง คุณชายชุยเสวี่ยคนนี้ป่วยหรือเปล่า? คนป่าอวิ๋นชูนนี้ดูจากพลังที่แผ่ออกมาแล้วคงไม่เกินจากระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ การจะชนะติดต่อกันสี่รอบคงเป็เพียงเื่เพ้อฝัน
แม้ว่าโอกาสแพ้ในรอบที่ห้าจะไม่สูงที่สุด แต่ก็เป็หนึ่งในห้าสิบเชียวนะ
อัตราแพ้ชนะที่สูงเกินจริงนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการชนะของฉู่อวิ๋นนั้นต่ำเตี้ยเพียงใดในสายตาของผู้ตัดสิน...
นั่นคือแทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะชนะ
ไม่ มันเป็ไปไม่ได้ต่างหาก
“แพ้ในรอบที่ห้าหรือ? ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอวิ๋นชูจะชนะได้เพียงสี่รอบติดต่อกันเท่านั้นหรือเ้าคะ?” เสวี่ยหรูเยียนถามพี่ชาย
“แน่นอน เพราะว่ากันตามตรงแล้ว ประชันห้าัอย่างน้อยแล้วก็ต้องเป็นักรบขั้นมหาสมุทรจึงจะเข้าร่วมได้ ซึ่งหมายความว่าคู่ต่อสู้คนแรกของอวิ๋นชู อย่างน้อยแล้วก็ต้องเป็ระดับแรกของขั้นมหาสมุทร”
“ถ้าเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าคุณชายอวิ๋นต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าั้แ่รอบแรกหรือเ้าคะ?”
“ถูกต้อง” เสวี่ยหานเฟยพยักหน้าและกล่าวว่า “ในการแข่งขันครั้งต่อไป จอมยุทธ์อวิ๋นจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ในระดับสอง สาม สี่ หรือแม้แต่ระดับห้าของขั้นมหาสมุทร”
“ครั้งล่าสุดที่จอมยุทธ์อวิ๋นเอาชนะลุงซิ่งที่อยู่ในระดับสามขั้นมหาสมุทรได้ ข้าคิดว่ามันเป็เื่บังเอิญ ทั้งเขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี จึงคิดว่าจอมยุทธ์อวิ๋นจะชนะได้เพียงสี่รอบ และจะพ่ายในศึกสุดท้าย”
“นั่นก็สมเหตุสมผลดี” เสวี่ยหรูเยียนก็พยักหน้าเช่นกัน แต่นางก็แอบพอใจลึกๆ เพราะในขั้นมหาสมุทร นักรบที่สามารถต่อสู้เกินสี่ระดับได้ก็ถือว่าเป็อัจฉริยะแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเขาอยู่ในขั้นมหาสมุทร ฉู่อวิ๋นจะต้องเป็ผู้ชนะการประชันห้าัอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาคือคู่ต่อสู้ในระดับห้าของขั้นมหาสมุทร ที่ดูทีท่าแล้วจะเป็ไปไม่ได้อยู่สักหน่อย
พึงรู้ว่า การต่อสู้ข้ามระดับในขอบเขตควบแน่นพลังปราณนั้นจะน่าทึ่งถึงเพียงใด? แทบจะเป็ไปไม่ได้เลย และแม้แต่ในประวัติศาสตร์ก็แทบไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะเชื่อท่านพี่ คุณชายอวิ๋นสู้ๆ” เสวี่ยหรูเยียนยิ้มอย่างสดใส จากนั้นไปที่โต๊ะเดิมพันและโยนไพ่ลงไป ซึ่งมีมูลค่าหนึ่งหมื่นหินิญญา เดิมพันว่าฉู่อวิ๋นจะแพ้ในรอบที่ห้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ มุมปากของฉู่อวิ๋นก็กระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพี่น้องตระกูลเสวี่ยสองคนนั้นจะมั่นใจมาก... พวกเขาโยนหินิญญาสองหมื่นก้อนออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
คิดว่าเขาจะแพ้ในรอบที่ห้าจริงหรือ?
“ผู้าุโ ท่านคิดว่าข้าจะชนะได้หรือไม่?” ฉู่อวิ๋นสงสัยเล็กน้อย แอบถามโยวกู่จือเงียบๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยแสดงความแข็งแกร่งออกมาเลยจนกระทั่งตอนนี้
“ข้าเองก็ไม่มั่นใจ” โยวกู่จือตอบอย่างตรงไปตรงมา
จากนั้น เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “แต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่ามีคนสามารถต่อสู้ข้ามได้ถึงห้าระดับของขอบเขตควบแน่นพลังปราณนะ”
“ความหมายของท่านคือ...”
“ข้าหมายถึง ถ้าข้ามีหินิญญา ข้าก็จะเดิมพันว่าเ้าจะแพ้ในรอบที่ห้า” โยวกู่จือพูดอย่างเถรตรง
ฉู่อวิ๋นเหงื่อตก ตาเฒ่าคนนี้ไม่เชื่อใจเขาเลย! อย่างไรเสียก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ!
แต่ในยามนี้ ก็มีเสียงแ่เบาดังขึ้น
“ข้า... ข้าเดิมพันว่าคุณชายอวิ๋นจะต้องชนะ” ฉู่ซินเหยาสวมผ้าคลุมหน้า น้ำเสียงกังวานใสราวกับกล้วยไม้ในหุบเขา อ่อนโยนและน่าัั เสียงของนางไพเราะมาก
จากนั้น นางก็สั่งให้สาวใช้วางถุงเงินจำนวนเล็กน้อยไว้บนโต๊ะเดิมพันชนะของ “อวิ๋นชู”
แม้ว่าในถุงเงินใบนี้จะมีหินิญญาไม่มากนัก มีเพียงร้อยก้อนเท่านั้น แต่ก็ยังมีมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญทอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ใกล้เคียงพากันอยู่ไม่สุข
เพราะในสายตาของทุกคน การเดิมพันกับชัยชนะของฉู่อวิ๋นเป็เพียงการหว่านเงินเท่านั้น
โอกาสที่จะชนะอย่างราบคาบคือหนึ่งในพัน ซึ่งหมายความว่าหากฉู่อวิ๋นชนะ ก็เป็ดั่งการใช้หินิญญาร้อยก้อนแลกกับหนึ่งหมื่นก้อน
แต่นี่จะเป็ไปได้อย่างไร? การที่กรรมการให้โอกาสในครั้งนี้ ก็เพราะคิดว่าอย่างไรฉู่อวิ๋นก็ไม่มีทางชนะการประชันห้าั
ทว่าฉู่ซินเหยากลับเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่
“ข้าเชื่อว่าคุณชายอวิ๋นจะเป็คนที่มีพร์ และจะชนะการประชันห้าัในครั้งนี้” ฉู่ซินเหยามองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยรอยยิ้มจางๆ ภายใต้ผ้าคลุมหน้า อย่างยับยั้งชั่งใจบางประการ
ทั้งคู่มองหน้ากัน
คนหนึ่งเป็หญิงสาวในผ้าคลุมหน้าที่งดงาม
คนหนึ่งเป็เด็กหนุ่มสวมหน้ากากที่เด็ดเดี่ยวและไม่ยอมใคร
ในขณะนี้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของฉู่ซินเหยา จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็มีแรงฮึดขึ้นมา เขายืนอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ในเมื่อคุณหนูฉู่เห็นค่าของข้า เช่นนั้นแล้วข้าก็จะแสดงให้ท่านเห็น!"
“อืม~” ดวงตาอันอ่อนโยนของฉู่ซินเหยาทอแสงอ่อนจาง หัวใจของนางหวานชื่น
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็กลับมายังที่นั่งพิเศษบนชั้นสาม ในขณะที่ฉู่อวิ๋นยังคงอยู่ในลานจัตุรัสเพื่อรอการประชันห้าัครั้งต่อไปที่จะกำลังเริ่มต้นขึ้น
ยามนี้ โต๊ะพนันเต็มไปด้วยผู้คน ต่างคนต่างรีบวางเดิมพัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีหลายคนที่คิดว่านี่เป็โอกาสเดียวในชีวิตที่จะได้รับเงินมากเช่นนี้! เด็กหนุ่มจากขอบเขตควบแน่นพลังปราณประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป คิดเข้าร่วมการประชันห้าัที่จัดขึ้นสำหรับขั้นมหาสมุทร เขากำลังหาเื่ตายอยู่หรือ?
เพียงชั่วครู่ โต๊ะเดิมพันก็คึกคักจนฉู่อวิ๋นต้องเลิกคิ้ว
“ข้าแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ? หนึ่งต่อหนึ่งพันเชียวนะ! ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นการเดิมพันแบบนี้เลย”
“เ้าเด็กเวร ถ้าไม่ใช่ว่าเ้าสามารถกลืนิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าคงลงเดิมพันว่าเ้าแพ้ั้แ่รอบแรกไปแล้ว!”
“เฮ้อ น่าเสียดายที่ผู้เข้าแข่งขันวางเดิมพันไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะใช้หินิญญาทั้งหมดวางฝั่งชนะ ข้าจะได้เป็เศรษฐีทางลัด”
“เ้าฝันไปเถอะ! คิดวิธีจัดการกับนักรบระดับสี่กับห้าของขั้นมหาสมุทรเสียก่อน!” โยวกู่จือพูดด้วยความโมโห เขาเองก็ไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะสามารถต่อสู้เกินระดับสี่หรือห้าได้
ครั้งสุดท้ายที่เขาเอาชนะโม่ซิวด้วยนิ้วเดียว เป็เพราะโม่ซิวไม่ได้ใช้พลังปราณของเขาเลย ทั้งจิตใจและทักษะการใช้กระบี่ต่างก็บกพร่องทั้งคู่ เขาประเมินศัตรูต่ำไป และใช้เพียงท่ารำกระบี่อันนั้น
แต่ครั้งนี้เป็การต่อสู้ด้วยกระบี่ยิงกันด้วยหอก ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อน
“ไปให้พ้น! คุณหนูเช่นข้า... จะซื้อให้หมด ซื้อๆๆๆ!”
ทันใดนั้น เสียงะโของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของฉู่อวิ๋น
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็มองเห็นหญิงงามนางหนึ่ง องค์เอวแน่งน้อย ขาเรียวบาง บุกเข้าไปในโต๊ะเดิมพันโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะงดงามราวบุปผา แต่ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย ดวงตาก็พร่ามัว เห็นได้ชัดว่านางเมาสุรา
“คุณหนู! อย่าเอาแต่ใจสิเ้าคะ! นี่คือเงินค่าขนมทั้งหมดที่นายท่านมอบให้แล้วนะเ้าค่ะ!” สาวใช้มีสีหน้าหวาดวิตก พูดโน้มน้าวคุณหนูของตนพลางป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้หญิงสาว
“ข้าไม่สน! ข้าไม่สน!”
“มีเงินแล้วมีประโยชน์อะไร? ซื้อชีวิตใครได้หรือไม่? ช่วยชีวิตคนได้หรือเปล่า?”
“ตายแล้ว... เขาตายแล้ว! เป็ความผิดของพวกลุงรอง! ทำไมไม่ช่วยเขาล่ะ? ทำไม?! ทำไม?!”
ดวงตาของนางหลั่งน้ำตา กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วร่าง นางโยนหินิญญาถุงแล้วถุงเล่าลงบนโต๊ะพนันชนะของ “อวิ๋นชู”
“สุรุ่ยสุร่ายจริงๆ!” สาวใช้ปาดเหงื่ออย่างเ็า อยากจะร้องไห้ด้วยซ้ำ เดิมทีนาง้าเอาหินิญญากลับมา แต่ถูกคนที่ดูแลโต๊ะพนันดุเข้าให้ “นี่! วางเงินแล้ววางเลย! กลับไปเสีย!"
ดังนั้น สาวใช้จึงถอนหายใจยาวและถามหญิงสาวว่า “นี่ คุณหนู ท่านกำลังทำอะไรอยู่เ้าคะ? ไม่มีการฟื้นคืนชีพในโลกใบนี้หรอกเ้าค่ะ เื่นี้จบลงแล้ว แม้ว่าท่าน้าที่ระบาย แต่ก็ไม่อาจเล่นการพนันเช่นนี้ได้นะเ้าคะ!”
“อวิ๋นชูผู้นี้เป็นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณ และกล้าพอที่จะเข้าร่วมการประชันห้าั การประลองรอบแรกของเขาคือการเผชิญหน้ากับคนที่อยู่เหนือเขาหนึ่งระดับ และนั่นคือขั้นมหาสมุทร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวก็เรอออกมา เดินโซซัดโซเซอย่างเมามาย และพูดว่า “นี่... นี่ นี่... แล้วอย่างไรเล่า? อึก~~ อวิ๋นชูนั่น... ใช่ มีคำว่า “อวิ๋น” อยู่ ถ้าพลิกกลับก็จะกลายเป็ชื่อของ... คนที่ทิ้งข้าไป”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ จู่ๆ หญิงสาวก็หลั่งน้ำตา ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ ดึงดูดสายตาที่ประหลาดใจมากมาย หลายคนก็หัวเราะขบขัน ทำให้สาวใช้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ทว่าในยามนี้ ฉู่อวิ๋นก็เดินเข้าไปอย่างช้าๆ
“ผีขี้แย ขอบคุณมากที่เดิมพันฝั่งข้า” เมื่อมองดูหญิงสาวที่เดินกะโผลกกะเผลก ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะเบา ๆ
“เ้า...เ้าๆๆ เ้า... เ้าเป็ใคร? หน้ากากประหลาดนัก อึก~” ดวงตาเมามายของมู่หรงซินพร่ามัว นางปล่อยเสียงสะอึกออกมา
นางจ้องมองฉู่อวิ๋นที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเห็นเงาร่างหลายร่างซ้อนทับกัน ไม่สมจริงเสียเลย
ทว่าท่ามกลางความสับสนพร่ามัว หญิงสาวกลับรู้สึกแปลกๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เ้า... ข้าเหมือนจะเคยเจอเ้าจากที่ไหนสักแห่ง... เ้าชื่ออะไร? เอิ้ก~”
ผู้ชายคนนี้แปลกประหลาด แต่นางก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง
ฉู่อวิ๋นไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ไม่ว่าสาวใช้จะขัดขวางอย่างไร เขาก็ดึงผู้หญิงคนนั้นออกไปจากฝูงชน พานางไปยังที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าที่ลานจัตุรัส และปล่อยให้นางพิงตัวเข้ากับกำแพงหิน
“หืม... กลิ่นนี้คุ้นเคยนัก กลิ่นมาจากไหนกัน?” หญิงสาวขยี้ตาอย่างงุนงง พยายามเพ่งมองชายตรงหน้าให้ชัดเจน
ในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็เผยรอยยิ้มจริงใจและพูดว่า “หยุดดมได้แล้ว คอยดูการแข่งขันให้ดี เ้าเดิมพันฝั่ง “อวิ๋นชู” นั้นไม่ผิดแล้ว ข้าจะเอาชัยชนะมาให้เอง”
“ซินเอ๋อร์”
หลังจากกระซิบบางประโยคในหูของหญิงสาวเสร็จ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็หันกลับมา เพราะการประชันห้าักำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
และมู่หรงซินในตอนนี้ยังคงสะลึมสะลือ แต่ก็คล้ายจะชัดเจน ราวกับว่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันใด
“ใคร...ใครเรียกชื่อข้า?... คุ้นเคยจังเลย...”