ฝ่ามือนี้เคลื่อนที่เร็วมาก กงซุนหลิงเอ๋อร์อยากหลบก็ทำไม่ได้ นางทำได้เพียงปล่อยพลังฝ่ามือเข้าปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น กงซุนหลิงเอ๋อร์ที่ได้รับาเ็อยู่แล้วก็าเ็หนักเข้าไปอีก ก่อนร่างนางจะกระเด็นออกไปกระแทกกับพื้นจนอาเจียนออกมาเป็ลิ่มเื
“เ้าดวงแข็งจริง ๆ การโจมตีนี้ก็ยังฆ่าเ้าไม่ตาย!” เหยียนว่านซานยิ้มได้ใจขณะมองกงซุนหลิงเอ๋อร์ที่ใบหน้าขาวซีด พร้อมกับเดินไปหานาง
พลังของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้น่าสะพรึงกลัวเกินไป เขาเป็ผู้ช่วยของเซิ่งอ๋อง จึงหยุดอยู่ที่ระดับนี้มานาน แต่พลังก็เกือบถึงขีดสุดของระดับนี้ ดังนั้นกงซุนหลิงเอ๋อร์จึงมิอาจต่อต้านได้
“หลิงเอ๋อร์ เ้าเป็ไงบ้าง?” เย่เฟิงเห็นกงซุนหลิงเอ๋อร์ถูกซัดจนกระอักเืก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ จากนั้นรีบรุดไปหาพร้อมกับอุ้มนางขึ้นมา
“ข้าไม่เป็ไร ไม่ตายง่าย ๆ หรอก” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม เย่เฟิงเห็นสภาพอิดโรยของนาง พลันแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาเขา ก่อนจะหันไปมองเหยียนว่านซานที่กำลังเดินมา “อยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ แต่กลับรังแกเด็กสองคน ช่างหน้าหนายิ่งนัก!”
ขณะที่เย่เฟิงมองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูง 20 กว่าคนนอกจากเหยียนว่านซานเข้ามาปิดล้อมตน เขาก็รู้ว่าไม่มีทางหนีได้แล้ว แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง
“ผู้าุโเหยียน อย่าฆ่านางคนนั้น เหลือไว้ให้ข้า คืนนี้ข้าจะสนุกให้เต็มที่!” เจียงเฉินเดินมาหาเหยียนว่านซาน ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นพร้อมมองกงซุนหลิงเอ๋อร์ในอ้อมแขนของเย่เฟิงด้วยสายตาละโมบ กงซุนหลิงเอ๋อร์เป็หญิงสาวที่สวยงดงาม จึงไม่แปลกใจที่เจียงเฉียนเกิดความคิดที่ชั่วร้าย
“วางใจเถอะ ถึงเวลาเ้าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย!” เหยียนว่านซานกล่าวขณะมองเย่เฟิงไม่วางตา
“สังหารท่านอ๋องเล็ก สมควรตายเป็หมื่นครั้ง แต่ข้าจะให้โอกาสเ้าชดใช้ความผิด จงฆ่าตัวตายซะ!” เหยียนว่านซานกล่าวพร้อมเอาสองมือไพล่หลัง
“ให้ข้าฆ่าตัวตายเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา
“ต้องถูกบีบบังคับสินะถึงจะทำ เช่นนั้นข้าจะลงมือเอง ดูซิว่าเ้าจะปากแข็งได้อีกนานแค่ไหน!” เหยียนว่านซานเผยสีหน้าเย็นเยียบ ในสายตาเขา เย่เฟิงเสมือนมดแมลงตัวเล็ก ๆ ตราบใดที่เขา้ากำจัด เพียงดีดนิ้วก็ทำได้แล้ว
เมื่อกล่าวจบ เหยียนว่านซานวาดฝ่ามือโจมตี หมายปลิดชีวิตเย่เฟิงด้วยการโจมตีนี้อย่างไม่ลังเล ซึ่งในฝ่ามืออัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ทั้งยังว่องไวมาก เพียงพริบตาก็ไปถึงเบื้องหน้าเย่เฟิง ทว่าเย่เฟิงเตรียมตัวไว้แล้ว เขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีฝ่ามือนี้ นาทีต่อมาแสงสีดำสว่างจ้าที่ด้านหน้าเขา ก่อนจะมีไอมารสีม่วงดำแผ่ออกมาแล้วห้อมล้อมร่าง
ทันใดนั้นหอกัเงินประกายในมือเย่เฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลง มันถูกแสงสีม่วงดำปกคลุมและมีพลังมารโคจร จากนั้นมีพลังมารที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งลงมาจากฟากฟ้าเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ในพริบตา จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงจากจวนเซิ่งอ๋องเ่าั้ต่างถูกกดทับจนเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก พวกเขาต่างโคจรเคล็ดวิชาเพื่อต่อต้านพลังมารที่จะบุกรุกร่างกายของตนเอง
ไอมารห่อหุ้มร่างเย่เฟิง บัดนี้กลิ่นอายของเขาแตกต่างจากตอนแรก ราวกับมารจากโบราณกาลที่มีพละกำลังสูงสุด
แม้เผชิญหน้ากับฝ่ามือของเหยียนว่านซาน แต่เขาก็ไร้ความเกรงกลัวใด ๆ จากนั้นเขาแทงหอกที่มีความเรียบง่ายออกไป แต่รังสีหอกกลับถูกปกคลุมด้วยพลังมารสูงสุดและทะลวงทุกสิ่งในพริบตา นี่ทำให้เหยียนว่านซานหน้าเปลี่ยนสี เขาจะไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเย่เฟิงได้อย่างไร เขาจึงชักฝ่ามือกลับทันที แต่กลับพบว่ามันสายเกินไปแล้ว
ทุกที่ที่รังสีหอกมารพาดผ่าน ทุกสิ่งต้องแข็งตัวราวกับถูกพลังมารนั้นแช่แข็ง รวมทั้งร่างเหยียนว่านซาน นาทีต่อมามีเสียงหนึ่งดังขึ้น รังสีหอกนั่นทะลวงร่างเหยียนว่านซาน จากนั้นพลังมารแทรกซึมสู่ร่างเขาผ่านาแ ทำลายอวัยวะภายในอย่างบ้าคลั่ง
เหยียนว่านซานเหลือบมองาแบนหน้าอกของตัวเอง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟิง ก่อนจะกล่าวด้วยความไม่เต็มใจว่า “ไม่คิดว่าเ้าจะฆ่าข้า!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างเหยียนว่านซานก็ล้มลงไปกองกับพื้น ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ถูกฆ่าตายในหนึ่งหอก
นาทีนี้ทุกคนต่างตัวแข็งทื่อ พวกเขารู้พลังของเหยียนว่านซานดี เป็ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่แข็งแกร่ง เพียงเขาคนเดียวก็ทำลายพวกเขาได้ทั้งหมด แต่บัดนี้กลับตายด้วยหนึ่งหอกของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ ภาพฉากเช่นนี้ทำเขาตกตะลึงจนตาค้าง แม้แต่กงซุนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่เฟิงก็ยังตัวสั่นสะท้าน พร้อมดวงตาคู่งามมองเย่เฟิงด้วยความเหลือเชื่อ
“เป็ไปได้อย่างไร? มันเป็ไปได้อย่างไร?” ในที่สุดก็มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเกิดปฏิกิริยา เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็ความจริง เหยียนว่านซานตายจริง ๆ เขาถูกเย่เฟิงฆ่าตายในหนึ่งหอก ทั้งหมดนี้เป็ความจริง!
“อยากฆ่าข้า เ้ามันไม่คู่ควร!” เสียงเยือกเย็นดังออกจากปากเย่เฟิง ดวงตามารคู่นั้นกวาดมองผู้ฝึกยุทธ์จากจวนเซิ่งอ๋องคนอื่น ๆ พลันหอกมารกลายเป็รังสีหอกและเริ่มเส้นทางเข่นฆ่าของเขา
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้อย่างเหยียนว่านซานก็ยังถูกหอกมารของเย่เฟิงฆ่าตาย แล้วมีหรือคนที่เหลือเหล่านี้จะรอดพ้นจากชะตากรรมนี้
หอกมารทะลวงร่างผู้ฝึกยุทธ์ร่างแล้วร่างเล่า เืสาดกระเซ็นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนจนกลิ่นคาวเืคละคลุ้งไปทั่วอากาศ ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นรก เย่เฟิงยังคงแทงหอกมารโดยไม่หยุดยั้ง และทุกครั้งที่แทงหอกมักจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงตกตายทุกครั้งไป
เื่ทั้งหมดนี้ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเป็ฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่เพียงคนหนึ่ง นี่มันช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
“วูบ!” ขณะนั้นรังสีหอกคร่าชีวิตผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงจากจวนเซิ่งอ๋องคนสุดท้าย ทุกคนถูกฆ่าจนไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
“คาดไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ด้วยตบะของข้าก็ยังมองระดับของอาวุธชิ้นนี้ไม่ออก!” กงซุนหลิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองศพนอนตายเกลื่อนพื้น ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงทั้งกลุ่มด้วยตัวคนเดียว เื่นี้ช่างน่าใจนอธิบายออกมาเป็คำพูดไม่ได้
“เ้าหนู รีบเก็บหอกมารเร็ว ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!” เย่เฟิงวางร่างกงซุนหลิงเอ๋อร์ลง แต่จู่ ๆ เสียงของาามารชื่อเทียนก็ดังก้องในหัว
ใน่วิกฤต เย่เฟิงแอบติดต่อาามารชื่อเทียน แน่นอนว่าาามารชื่อเทียนมิอาจทนดูเย่เฟิงถูกคนเหล่านี้ฆ่าตายได้ จึงยอมให้เย่เฟิงใช้หอกมาร
“ครืน!” แต่ขณะนั้นเย่เฟิงยังไม่ทันทำอะไร จู่ ๆ หอกมารในมือเกิดสั่นอย่างรุนแรง ทั้งยังสั่นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นมีไอมารที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าพวยพุ่งออกจากหอกมาร ก่อนจะกลายเป็คลื่นพลังมารแล้วก่อตัวเป็เมฆดำ
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่เฟิงตาแข็งทื่อ รู้สึกว่าหอกมารในมือสั่นแรงมากจนค่อย ๆ หลุดจากการควบคุมของเขา
“ฟึ่บ!” ในขณะที่หอกมารสั่นไม่หยุด ตัวหอกก็เปล่งแสงสีแดงเื นาทีต่อมาเืที่นองพื้นก็ถูกดูดเข้าไปในตัวหอก ทำให้พลังที่แผ่ออกจากหอกมารคลุ้มคลั่งกว่าเดิม
เมฆดำและไอสังหารไร้ที่สิ้นสุดหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็เมฆดำสังหาร พร้อมกลิ่นอายเหี้ยมโหดแผ่ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ
“ตาแก่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ารู้สึกว่าตัวเองควบคุมมันไม่ได้!” เย่เฟิงตื่นตระหนกขณะมองหอกมาร พร้อมกับใช้พลังจิตสื่อสารกับาามารชื่อเทียน
“เมื่อครู่เ้าทำการเข่นฆ่าหนักเกินไป หอกมารจึงดูดซับโลหิตด้วยตัวมันเอง หากตัวผู้ฝึกยุทธ์มิอาจควบคุมหอกมารได้ เช่นนั้นหอกมารจะหลุดออกจากการควบคุมง่าย ๆ กระทั่งกลืนกินตัวผู้ฝึกยุทธ์เอง!” น้ำเสียงของาามารชื่อเทียนดูจริงจัง จากนั้นพูดต่อไปว่า “ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หอกมารเหมือนจะวิวัฒนาการอีกครั้ง เ้ากับข้ารวมพลังกัน พยายามไม่ให้ไอมารจากหอกมารกลืนกินร่างเ้า!”
“ได้!” เย่เฟิงตอบกลับ จากนั้นใช้พลังจิตของตนเข้าควบคุมพลังอันเหี้ยมโหดที่พวยพุ่งออกจากหอกมาร
“วูบ!” ขณะนั้นพลังเหี้ยมโหดที่แกร่งยิ่งกว่าปะทุออกจากหอกมาร ก่อนจะปกคลุมร่างเย่เฟิงในพริบตา ทำให้เย่เฟิงและาามารชื่อเทียนหยุดการบุกรุกของไอมารนั่นไม่ได้ จากนั้นไอมารบุกรุกร่างเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เย่เฟิงตัวสั่น ดวงตาเริ่มพร่ามัวและค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็สีแดงเื มิหนำซ้ำยังอัดแน่นไปด้วยแสงมารที่น่าหวาดกลัว
“เ้าบ้า!” กงซุนหลิงเอ๋อร์มองทุกอย่างนี้ด้วยสีหน้าเป็กังวล นางแบกสังขารที่เต็มไปด้วยาแเข้าไปใกล้เย่เฟิง แต่กลับถูกพลังมารซัดกระเด็นออกไป จากนั้นนางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และยังคง้าหยุดยั้งหอกมารไม่ให้กลืนกินจิตสำนึกของเย่เฟิง
เย่เฟิงกัดฟันแน่น ตัวสั่นเทาไม่หยุด ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว จากนั้นเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบากว่า “ไป รีบหนีไปเร็ว!”
พลังจิตของเย่เฟิงกับาามารชื่อเทียนมิอาจข่มไอมารที่โเี้นั่นได้ เพียงเวลาสั้น ๆ ดวงตาคู่นั้นของเย่เฟิงก็เป็สีแดงเื พร้อมกับพลังมารไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา เขาไม่สามารถเป็ตัวของตัวเองได้อีกต่อไป เนื่องจากถูกพลังมารกัดกร่อน จึงสูญเสียจิตสำนึกของตน
“เ้าบ้า ตื่นขึ้นมาสิ!” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยความร้อนใจ นางไม่รู้ว่าทำไมเย่เฟิงถึงกลายเป็เช่นนี้
“อ้าก!” เย่เฟิงแผดเสียงคำราม ร่างถูกไอมารห่อหุ้ม ผมยาวพลิ้วไหว และภายใต้พลังกัดกร่อนของหอกมารที่ไร้เทียมทานนั่น ทำให้จิตสำนึกของาามารชื่อเทียนสลบไสลไม่ได้สติ
ร่างกายของเย่เฟิงเริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่มีจิตสำนึกของตัวเองและเคลื่อนไหวไปพร้อมกับพลังมาร นี่ทำให้กงซุนหลิงเอ๋อร์ที่มองดูอยู่ไกล ๆ รู้สึกเป็กังวลหนักกว่าเก่า นางรู้ว่าหากเย่เฟิงเป็เช่นนี้ต่อไป เขาคงได้เข้าสู่วิถีมารอย่างสมบูรณ์จนกลายเป็เครื่องมือสังหารแน่นอน
“นั่นเย่เฟิง คนที่เซิ่งอ๋อง้าฆ่า ทุกคนบุกโจมตีคนผู้นี้พร้อมกัน!”
หลังจากทหารกลุ่มหนึ่งเดินตรวจตราอยู่นาน จู่ ๆ ก็พบเย่เฟิงลอยไปลอยมาในอากาศ ซึ่งหนึ่งในนั้นจำเย่เฟิงได้ จึงเอ่ยออกมาเช่นนั้น พวกเขามี 20 กว่าคน ซึ่งระดับที่อ่อนแอสุดในกลุ่มอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ต่อให้เย่เฟิงแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แน่
เมื่อสิ้นเสียงผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น คนอื่น ๆ ก็เผยสีหน้าสนใจ จากนั้นมุ่งหน้าไปหาเย่เฟิงทันที
“เย่เฟิง หยุดนะ เอาชีวิตของเ้ามา!” ทหารกลุ่มนั้นเข้าไปขวางทางเย่เฟิง ก่อนจะมีคนหนึ่งตวาดเสียงกร้าวใส่เย่เฟิง
เย่เฟิงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนผู้นั้น จู่ ๆ คนนั้นรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งจิติญญาจนตัวสั่นอย่างแรง
“วูบ!” ทันใดนั้นรังสีหอกที่อัดแน่นไปด้วยพลังสังหารพุ่งไปหาผู้พูดคนนั้น ทำให้คนนั้นหน้าถอดสีทันที แม้เขาจะอยากต่อต้าน แต่กลับไม่ทันการณ์ รังสีหอกทะลวงร่างเขาจนเขาหน้าแข็งทื่อพร้อมตาเบิกโพลง จากนั้นโลหิตในร่างเขาถูกหอกมารดูดผ่านทางาแ เพียงพริบตาร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็โดนสูบเืเนื้อจนกลายเป็ศพแห้ง ๆ
“นี่มัน...” ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ต่างตื่นใขนลุกเกรียว
“อาวุธในมือเขาแปลกพิลึกมาก ฆ่าเขาแล้วชิงอาวุธนั่นไปให้เซิ่งอ๋องซะ!” ผู้เป็หัวหน้ากล่าวเช่นนั้น จากนั้นเห็นเขาลงมือโจมตีเย่เฟิงเป็คนแรก
“ปัง!” หมัดของหัวหน้าทหารผู้นั้นโดนร่างเย่เฟิงเต็ม ๆ แต่กลับทำลายไอมารบนตัวเย่เฟิงไม่ได้ เขารู้สึกใเป็อย่างมากจึงอยากถอยหนี แต่กลับสายเกินไป หอกมารทะลวงหน้าอกเขา ก่อนจะถูกดูดเืจนกลายเป็ศพแห้งๆ ไปอีกคน
“น่ากลัวมาก หัวหน้าตายแล้ว พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก หนีเร็ว!” ทหารคนอื่น ๆ เผยหน้าเขียวและเตรียมหนี ทว่าทุกอย่างก็สายเกินแก้ หอกมารในมือของเย่เฟิงเป็เครื่องมือสังหารที่ทรงพลังที่สุด ทุกการแทงจะมีหนึ่งชีวิตที่ถูกพรากไปและถูกหอกมารดูดเืจนแห้งกรอบ
พลังมารส่งเสียงคำราม ก่อนร่างผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจะล้มลงไปกลายเป็ศพร่างสุดท้าย
จากการดูดเืผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ ทำให้พลังของหอกมารแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ดวงตาของเย่เฟิงแดงก่ำพร้อมแสงมารปะทุออกมา เสื้อคลุมของเขาชุ่มโชกไปด้วยเืแดงฉาน ทั้งยังมีกลิ่นคาวเืแผ่กำจาย
