วันรุ่งขึ้นซูอันและเยี่ยนหลิงจ้างรถม้า ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เมืองผู่เถียน ซึ่งใช้เวลานั่งรถม้าไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้น การไปหมู่บ้านแห่งนี้เป็เพราะซูอัน้าหาคนงาน ที่มีฝีมือในการเลี้ยงไหม ย้อมสี และลูกจ้างที่มีฝีมือการตัดเย็บ ไปทำงานกับร้านค้าของครอบครัวของนาง
ครั้นซูอันกับเยี่ยนหลิงมาถึงหมู่บ้านซานอี๋ ทั้งคู่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศของหมู่บ้านดูเงียบงันผิดปกติ ชาวบ้านบางส่วนที่เป็เด็กและสตรี ต่างพากันหลบอยู่ในบ้านของตน
“อันเอ๋อร์ดูเหมือนว่าหมู่บ้านซานอี๋มีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาดูหวาดกลัวอะไรบางอย่าง จนไม่กล้าออกจากบ้านเช่นนี้” เยี่ยนหลิงเอ่ยขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว
ซูอันพยักหน้าและคิดเช่นเดียวกับพี่สาว ก่อนจะเร่งรถม้าไปยังลานกว้างกลางหมู่บ้าน ที่นั่นพวกนางพบกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคน กำลังยืนล้อมกลุ่มชาวบ้านที่นั่งอยู่กับพื้น ด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัว และกำลังร้องขอความเมตตาจากชายฉกรรจ์กลุ่มนี้
“คุณชายกู้ได้โปรดเถิดขอรับ อย่าทำกับผ้าทอของพวกเราเช่นนี้ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนทอผ้าสุดฝีมือ ทุกขั้นตอนล้วนทำด้วยตนเองทั้งสิ้น มันจะกลายเป็ผ้าทอเก่า ๆ ที่ท่านนำมาได้อย่างไรกัน”
“นี่ตาแก่ข้าบอกว่าผ้าทอของเ้าคุณภาพแย่ มันก็คือแย่เ้าคิดว่าข้ากำลังใส่ร้ายหมู่บ้านนี้เช่นนั้นเรอะ! ผ้าไม่ดียังคิดจะเอามาขายให้ข้าอีก เพ้ย! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็นำเงินทั้งหมดมาคืน และต้องเพิ่มค่าปรับมาอีกหนึ่งเท่า” บุรุษหน้าตาดีในชุดผ้าไหมสีเข้ม ะโเสียงดังเพื่อข่มขู่ชาวบ้าน ขณะที่ลูกน้องอีกคนเตะตะกร้าผ้า จนล้มลงกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
“ไม่ได้ยินรึว่าคุณชายของข้าสั่งว่าอะไร หากยังชักช้าไม่รีบนำเงินมาคืน วันนี้ข้าจะหักแขนขาพวกเ้าให้หมด เพื่อชดใช้ให้กับคุณชายแทน”
แม้เท่าที่ซูอันมองเห็นจะมีบุรุษวัยหนุ่มอยู่บ้าง แต่พวกเขากลับถูกทำร้ายจนาเ็กันหมดทุกคน เมื่อเจอเื่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ ซูอันไม่อาจทนเห็นชาวบ้านที่นาง้าให้มาทำงานถูกข่มเหงได้ นางจึงเดินเข้าไปพร้อมเยี่ยนหลิง ซึ่งมีผ้าปิดหน้าเอาไว้เอ่ยเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยอำนาจ
“หยุดมือและเท้าของพวกเ้าเดี๋ยวนี้!!”
คุณชายกู้หรือกู้ต้าหลางหันมามองตามเสียง ด้วยสายตาดูแคลนเพราะซูอันกับเยี่ยนหลิง ยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา “พวกเ้าสองคนเป็ใคร? อย่ามายุ่งเื่ของข้าจะดีกว่าถ้าไม่อยากเดือดร้อน มาทางไหนกลับไปทางนั้น หากยังทำตัวดื้อด้านอย่าหาว่าข้ารังแกสตรี”
“อ้อ นี่คงเป็นิสัยตัวร้ายในยุคโบราณสินะ”
ซูอันพึมพำเบา ๆ แต่ในจิตของนาง กำลังบอกจีจี้เื่อาวุธที่นาง้า “จีจี้ ขอไม้กระบองที่แข็งแรงทนทานให้ข้าหน่อยสิ ดูท่าเช้านี้จะได้ทบทวนวิชาต่อสู้กับพวกตัวร้ายแล้วล่ะ”
‘นายหญิงจัดการได้อยู่แล้วเ้าค่ะ สั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึกเสียบ้าง’
“แน่นอนจีจี้ หากออมมือพวกมันไม่มีทางกลัว ดังนั้นให้พวกมันนอนกินน้ำข้าวนาน ๆ คงดีไม่น้อย หึ ๆ ๆ”
‘นายหญิงสู้ ๆ เ้าค่ะ’
ซูอันยิ้มบาง ๆ แต่สายตาเย็นเยียบ จนคนมองยังรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก “พวกข้าสองคนเป็เพียงคนผ่านทาง บังเอิญเห็นชาวบ้านตาดำ ๆ กำลังถูกสัตว์เดรัจฉานเอาเปรียบ จึงไม่อาจมองข้ามเื่นี้ไปได้ วิธีการโกงเงินของเ้าช่างหน้าด้านเกินทน คนที่สมควรออกจากหมู่บ้านไปคือพวกเ้าต่างหาก”
กู้ต้าหลางไม่เคยถูกใครก่นด่าเช่นนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกโกรธและเสียหน้าที่มีคนรู้ทันแผนการของตน “นี่เ้า! ข้าอุตส่าห์เตือนและให้ทางรอดไปแล้ว แต่ยังเอาตัวเข้ามายุ่งเื่ของข้า ถึงจะเป็สตรีแต่ข้ากู้ต้าหลางไม่เคยมีเมตตา ในเมื่อเ้ารู้ถึงแผนการของข้า เช่นนั้นก็ไม่ควรอยู่ให้เกะกะรกลูกตาของข้าอีก อูหาน! อี๋ซื่อ! จัดการพวกนางสองคนให้ข้าเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้เด็ดขาด”
“ขอรับคุณชาย!!”
อูหานกับอี๋ซื่อค่อย ๆ เดินเข้าหาซูอันพร้อมกับยิ้มเยาะ พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าสตรีร่างบางเช่นนาง ถูกตบตีครั้งสองครั้งก็ร้องขอชีวิตแล้ว “นี่แม่นางน้อยพวกข้าไม่ชอบรังแกสตรีนัก แต่นี่เป็คำสั่งของเ้านาย ข้าเองก็ขัดคำสั่งไม่ได้เ้าสองคน อย่าได้กล่าวโทษข้าเลยนะ”
ซูอันมิได้สนใจว่าอูหานจะพูดว่าอะไร นางหันไปบอกพี่สาวให้ถอยออกไปห่าง ๆ เท่านั้น “พี่หญิงท่านไปหลบอยู่บนรถม้าก่อนเถิด ไม่ต้องห่วงข้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
“กะ กะ ก็ได้ แต่เ้าต้องระวังให้มากนะอันเอ๋อร์”
“อืม”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนหลิงกลับขึ้นรถม้าเรียบร้อย ซูอันหันมาเผชิญหน้ากับอูหานอีกครั้ง และในครั้งนี้ในมือของนางที่ประสานอยู่ด้านหลัง ได้ปรากฏไม้กระบองขนาดเหมาะมือ เตรียมพร้อมสั่งสอนกลุ่มคนตรงหน้าให้รู้สำนึก
“อี๋ซื่อเ้าจัดการนางคนเดียวก็พอกระมัง หากพวกเราลงมือพร้อมกัน นางอาจาเ็ถึงตายได้”
“หึ ข้ากำลังจะบอกกับเ้าอยู่พอดีอูหาน ท่าทางนางจะงดงามไม่น้อยเลยนะ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ใบหน้าจะต้องปูดบวมเสียแล้ว”
ซูอันยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัว และเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่พวกอันธพาลไม่ยอมลงมือ “นี่พวกเ้าจะคุยกันอีกนานหรือไม่ ข้าเริ่มจะเมื่อยขาแล้วนะ จะให้ยืนรอไปถึงพรุ่งนี้เช้าหรือไงกัน ไม่ต้องโอ้อวดเกี่ยงกันไปมาเพราะพวกเ้าจะถูกข้าทุบตีทุกคน”
“หนอย นางเด็กปากดีอยากตายเร็ว ๆ งั้นรึ ได้พวกข้าสองคนจะสงเคราะห์เ้าเอง!”
ทันทีที่อี๋ซื่อพุ่งเข้ามาซูอันก็ขยับตัวด้วยความรวดเร็ว นางหมุนตัวหลบฝ่ามือหนาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้ไม้กระบองที่ยาวมากกว่าหนึ่งศอก ฟาดไปที่ชายโครงของอี๋ซื่อเต็มเปา จนได้ยินเสียงร้องโอดโอยนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดังขึ้น
อูหานเห็นสหายเจ็บตัวกว่าทุกครั้ง จึงรีบปรี่เข้าไปทำร้ายซูอันต่อทันที แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ซูอันข้อมือที่เหวี่ยงออกไป ก็ถูกของแข็งฟาดเข้าอย่างแรงจนข้อมือของอูหานหักทันที
“อ๊าก!! มือข้า ๆ หักแล้ว”
“โอย คุณชายบ่าวขยับตัวไม่ได้เลยขอรับ”
กู้ต้าหลางถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นบ่าวคนสนิทาเ็ แต่เขายังถือว่าได้เปรียบเมื่อยังมีลูกน้องอีกหลายคน
“พะ พะ พวกเ้าจะยืนนิ่งอยู่ใยรีบไปจัดการนางให้ข้าสิ!”
“ฮ้า..ได้ยืดเส้นยืดสายค่อยรู้สึกคล่องตัวขึ้นมาหน่อย พวกเ้ายังเหลืออีกกี่คนอย่ามัวชักช้า เข้ามาพร้อมกันก็ย่อมได้ข้าไม่ถือ เพราะข้าไม่อยากเสียเวลากับพวกเห็นแก่ตัวเช่นพวกเ้าอีก”
สิ้นเสียงเชิญชวนของซูอัน ลูกน้องของกู้ต้าหลางต่างหวังเข้ามารุมทำร้ายนาง แต่คนอย่างซูอันจะไม่แสดงทักษะการต่อสู้ เพื่อเรียกความสนใจจากบุรุษวัยหนุ่มในหมู่บ้านได้อย่างไร ดังนั้นท่วงท่าการป้องกันตัวและตอบโต้ที่พริ้วไหว ล้วนสะกดสายตาของทุกคนในหมู่บ้านซานอี๋ แม้แต่กู้ต้าหลางยังต้องตะลึงเป็ครั้งที่สอง
อ๊าก! ตุบ อั่ก! ตุบ แค่ก ๆ ๆ
ลูกน้องฝีมืออ่อนด้อยที่เหลือของกู้ต้าหลาง ยามนี้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทุกคน คาดว่าอาการาเ็ที่ได้รับ หากไม่ช้ำในก็กระดูกหักหรือร้าวแทบทุกคน สุดท้ายสายตาของซูอันจึงตกอยู่ที่ตัวการ
“จะ เ้าจะทำอะไร หากเ้ากล้าทำร้ายข้าตระกูลกู้ไม่มีทางปะ..”
ปึก ฉาด! โอ้ย ฉาด! อ้ากก
ซูอันไม่เคยให้ค่ากับคำข่มขู่ของคนขี้ขลาด “ตระกูลกู้ของเ้ายิ่งใหญ่มากเพียงใดกันเชียว หากถูกมีดแทงจะไม่ตายงั้นรึ ช่างเป็บุรุษขี้ขลาดจริง ๆ พาคนของเ้ากลับไปให้เร็วที่สุด แล้วอย่าได้คิดกลับมาหาเื่ชาวบ้านหมู่บ้านซานอี๋อีก ถ้าข้าได้ยินว่าตระกูลกู้กลับมาทำร้ายคนในหมู่บ้าน รับรองการฆ่าล้างตระกูลกู้ข้าจะลงมือด้วยตัวเอง ไป๊!!”
กู้ต้าหลางใสะดุ้งตัวโยน รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปก่อนใคร ปล่อยทิ้งให้ลูกน้องทั้งหลายกระเสือกกระสน ตามเ้านายไปอย่างเชื่องช้าเนื่องจากมีอาการาเ็ตามร่างกาย
เมื่อยืนมองอันธพาลจากตระกูลกู้ ที่ถูกตนเองจัดการพ้นเขตหมู่บ้านซานอี๋ไปแล้ว ซูอันจึงได้เรียกเยี่ยนหลิงให้ลงมาจากรถม้าอีกครั้ง เพื่อสอบถามกับชาวบ้านเื่การรับลูกจ้าง เพราะซูอันคิดว่าคนในหมู่บ้านแห่งนี้ มีฝีมือการทอผ้าและปักผ้าไม่เลว หากนางสามารถได้พวกเขามาทำงานให้ ร้านค้าของนางกับครอบครัวยิ่งน่าเชื่อถือ
