หลังวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไป บริษัทนานาชาติอวี้เหล่ยก็ประกาศเปิดบริษัทในเครือขึ้นมา เนื่องจากเป็เพียงแค่การออกใบอนุญาตเท่านั้น ทำให้ข่าวนี้ไม่ค่อยจะเอิกเกริกในเมืองจงไห่สักเท่าไหร่ อีกอย่างที่น่าสนใจคือบริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอวี้เหล่ยเท่านั้น
แม้ว่าสื่อต่างๆ จะรายงานข่าวนี้อย่างครึกโครม แต่คนที่ทำหน้าที่รับหน้านักข่าวเ่าั้กลับเป็จ้าวเถิงกลับหวังจี้ แทนที่จะเป็ผู้อำนวยการอย่างหยางเฉิน
ทันทีที่ข่าวถูกแพร่ออกไป บริษัทด้านแฟชั่นและการบันเทิงน้อยใหญ่ต่าง้าจะมาร่วมงานกับบริษัทใหม่ในเครืออวี้เหล่ยอย่างกระตือรือร้น บางส่วนมีการลงนามเื่การผลิตภาพยนตร์และแฟชั่นต่างๆ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนางแบบที่มีชื่อเสียงกับทางอวี้เหล่ยอีกด้วย
ั้แ่ต้นจนจบหยางเฉินแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการบริษัทใหม่แต่อย่างใด เขาแค่เดินเล่นและเล่นเกมอย่างมีความสุขก็เท่านั้น
เหล่าพนักงานของอวี้เหล่ยต่างประหลาดใจและตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าหยางเฉินได้เลื่อนขั้นเป็ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทในเครือนี้ นั่นเทียบเท่ากับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทีเดียว
แน่นอนว่าหยางเฉินไม่คุ้นเคยและไม่ชอบที่จะทำงานน่าเบื่ออย่างนั้นไปตลอดชีวิต เขามักจะหลีกเลี่ยงบรรยากาศน่าอึดอัดใจในออฟฟิศใหม่อยู่เสมอๆ
ในเช้าวันเสาร์ที่ดูสดใส หยางเฉินที่ไม่ได้มีสวนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเปิดตัวบริษัทใหม่ กำลังสวาปามอาหารเช้าที่ป้าหวังทำให้อย่างตะกละตะกลามโดยที่ไม่สนใจหลินรั่วซีที่กำลังมองเขาอยู่
“นายเป็หมูหรือไง? กินมากขนาดนั้นเดี๋ยวท้องก็อืดหรอก” หลินรั่วซีเอ่ยขึ้น
“ถ้าผมเป็หมู คุณก็เป็หมูตัวเมียนั่นแหละ” หยางเฉินตอบ
หลินรั่วซีไม่ได้สนใจคำพูดของหยางเฉิน เธอเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เพื่อการพัฒนาที่ดีในอนาคตของบริษัทเรา นายควรจะสรรหาโปรเจกต์ใหม่ๆ มานำเสนอบ้างได้แล้ว”
“คุณเป็ห่วงด้วยเหรอ ตอนนี้คุณเริ่มรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้หรือยังล่ะครับ?” หยางเฉินถาม
“ไม่มีทางที่หลินรั่วซีคนนี้จะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแน่ๆ ที่ฉันถามก็เพราะว่านายเป็บอสของที่นั่น” หลินรั่วซีขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ในอนาคตอันใกล้เราจะสร้างสัญญาความร่วมมือระหว่างบริษัทแน่นอน แต่ตอนนี้หวังจี้บอกผมว่าเราควรจะพัฒนาศิลปินออกมาก่อนดีกว่า คุณไม่ต้องกังวลไปนักหรอกครับ” หยางเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
“หวังจี้พูด? แล้วความคิดของนายล่ะ?” หลินรั่วซีรู้สึกไม่พอใจ
“ความคิดของผมคือทำยังไงก็ได้ให้บริษัทไม่เสียเงินหรือขาดทุนโดยใช่เหตุ” หยางเฉินตอบเธอ
ปรากฏว่าหลินรั่วซีกัดฟันด้วยความหงุดหงิด ดวงตาคู่สวยมองค้อนมาที่ครั้งหนึ่งแล้วหันกลับไปทานข้าวในจานจนหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จแล้วเธอก็ลุกออกจากโต๊ะกินข้าวเพื่อเตรียมเดินขึ้นไปที่ชั้นบน
หยางเฉินถอนหายใจออกมา “คุณจะกลับไปห้องทำงาน?”
“ฉันไปไม่ได้หรือไง?” หลินรั่วซีหันกลับมาถามเขาด้วยแววตาหงุดหงิด
“วันนี้เป็วันเสาร์ ใครๆ เขาก็พักผ่อนกัน คุณมองออกไปข้างนอกสิ ถึงมันจะหนาวแต่ก็ควรจะออกกำลังกายไม่ก็ไปเดินเล่นบ้าง แสงแดดในเมืองยิ่งมีน้อยอยู่ ถ้าคุณมัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงานล่ะก็ ชีวิตคงจะขาดสีสันไปมากเลยนะครับ” หยางเฉินกล่าว
หลินรั่วซีแค่นเสียงเ็าออกมา “ฉันไม่ได้เหมือนนายที่ทำตัวเสเพลไปเรื่อย ยังมีเอกสารจำนวนมากที่ฉันต้องตรวจและวิเคราะห์ ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตที่อยู่ไปวันๆ ก็แล้วกัน!”
“ถึงคุณจะไม่ชอบก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าไม่ออกกำลังกายเสียบ้าง ร่างกายคุณจะป่วยง่ายเอานะ” หยางเฉินเริ่มพูดจริงจังออกมา
หลินรั่วซีไม่ตอบเขาแต่อย่างใด กลับกันเธอเดินขึ้นชั้นบนโดยที่ไม่พูดคุยกับเขาอีก
หยางเฉินเดาะลิ้นเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปดักหน้าหลินรั่วซีอย่างรวดเร็ว เขากันทางอยู่ด้านหน้าของเธอทำให้หลินรั่วซีไม่สามารถเดินไปที่ห้องทำงานได้
“นายจะทำอะไร? หลีกไป!” หลินรั่วซีมีสีหน้าเ็าพูดขึ้น
“รั่วซีที่รัก บางทีคุณก็ควรจะไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายบ้าง ไปออกกำลังกายกับผมเถอะนะ บางทีมันอาจจะทำให้คุณดูสวยขึ้นก็ได้” หยางเฉินกะพริบตาให้เธอ
หลินรั่วซีเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หยางเฉินตรงๆ “ไม่เห็นมันจะน่าสนใจตรงไหนเลย หลบไปซะ”
หยางเฉินถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “คุณเป็คนทำให้ผมเป็ฝ่ายเริ่มเองนะ...”
เมื่อหลินรั่วซีได้ยินดังนั้นเธอก็โกรธมาก “นาย้าจะตีฉันเหรอ?!”
“ผมจะตีคุณไปทำไมกัน...” หยางเฉินส่ายศีรษะพร้อมทั้งคลี่รอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมา ในตอนนั้นเองเขาหลบไปด้านข้างของหลินรั่วซีแล้วช้อนร่างอันบอบบางของเธอขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย!
หลินรั่วซีรู้สึกใเป็อย่างมาก มือทั้งสองของเธอถูกหยางเฉินรวบเอาไว้จนขยับไม่ได้
ยิ่งอยู่ในท่านี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอกับหยางเฉินอยู่ใกล้กันมากขึ้นจนภาพที่เห็นดูคลุมเครืออย่างถึงที่สุด!
“นาย... นาย...” หลินรั่วซีรู้สึกกลัวและประหม่าขึ้นมา ถึงแม้เธอกับหยางเฉินจะแต่งงานกันแล้ว แต่การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกะทันหันโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลินรั่วซีถึงกับพูดติดอ่างออกมา
หยางเฉินอุ้มหลินรั่วซีเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงฟิตเนสของหมู่บ้าน มันเป็ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้งานแม้แต่คนเดียว
“ฟังที่ผมพูดซะ ไม่งั้นผมจะกอดคุณไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ” หยางเฉินถอนหายใจออกมาพร้อมทั้งส่ายหัวอย่างระอา
ใบหน้าของหลินรั่วซีเปลี่ยนเป็สีแดงเข้ม ภายในใจของเธอกำลังะเิออกมาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความเขินอายที่มีอยู่จนแทบจะปะทุออกมา เมื่อเธอรู้ว่าหยางเฉินกำลังกอดเธอด้วยลำแขนแกร่งของเขา ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นโครมครามอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาในห้องออกกำลังกาย หยางเฉินที่เพิ่งทำตัวเป็จอมเผด็จการก็วางหลินรั่วซีลงกับพื้น เธอเสียหลักเล็กน้อยก่อนจะกลับมายืนตรงได้เช่นเดิม
หยางเฉินเดินไปล็อกประตูห้องต่างๆ ของห้องออกกำลังกาย อีกทั้งยังปิดทางเข้าเอาไว้อย่างแ่า เขาหันกลับมามองหลินรั่วซีที่กำลังสั่นกลัวเหมือนลูกนกเพิ่งเกิดด้วยความสนุกสนาน
“เชื่อที่ผมพูดเถอะ คุณลองหาอุปกรณ์ออกกำลังกายดู เดี๋ยวผมจะบอกจำนวนครั้งที่เหมาะสมให้เอง”
หลินรั่วซีจิกสายตามองหยางเฉินกลับด้วยความโกรธแค้น “นายกล้าทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! ที่นี่คือบ้านของฉัน! ทำไมฉันต้องฟังนายด้วย?!”
หยางเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย “ดูเหมือนว่านักเรียนของผมจะไม่ค่อยจะฉลาดนัก อยากให้ผมกอดคุณอีกครั้งใช่มั้ย?”
หลินรั่วซีรู้สึกว่าการที่เธอถูกเรียกว่าเป็นักเรียนของหยางเฉินนั้น เป็สิ่งที่ไม่ยุติธรรมและไร้เหตุผลเป็อย่างยิ่ง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกใดๆ ให้ปฏิเสธได้
หลินรั่วซีเกลียดการฝึกอบรมเป็อย่างมาก รวมถึงมนุษย์อย่างหยางเฉินด้วย แต่เธอก็ทำได้แต่เพียงสาปแช่งเขาเท่านั้น
เมื่อเธอจะอ้าปากดุด่าเขาเธอก็เกรงว่าหยางเฉินจะโกรธแล้วมาหาเื่เธออีก ทำให้ตอนนี้หลินรั่วซีอ้าปากพะงาบๆ ออกมาโดยไร้ซึ่งเสียงพูดแต่อย่างใด
“ภรรยาที่รักของผม ผมไม่ได้ให้คุณดื่มยาพิษสักหน่อย การออกกำลังกายเป็จุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดี ดูเครื่องเล่นเหล่านี้สิ คุณไม่จำเป็จะต้องออกไปวิ่งข้างนอกให้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย” หยางเฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ผมรู้ว่าที่รักของผมไม่เคยใช้อุปกรณ์พวกนี้ อยากให้ผมสอนวิธีใช้ตัวต่อตัวหรือเปล่าครับ?”
เมื่อหลินรั่วซีได้ยินที่หยางเฉินพูดคำว่า “ตัว-ต่อ-ตัว” ภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในมโนความคิดของเธอ ให้หลินรั่วซีหน้าแดงขึ้นมา
หมอนี่ไม่มีความละอายใจที่กอดคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อยใช่มั้ย?!
หลินรั่วซีได้แต่ยืนขาสั่นด้วยความหวาดหวั่น ริมฝีปากเล็กๆ เม้มแน่นด้วยความแค้นที่คนเอาแต่ใจตรงหน้าเอาแต่สั่ง สุดท้ายเธอก็ยอมเดินไปที่ลู่วิ่งลู่หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
“หยางเฉิน นายจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันอย่างนี้...” หลินรั่วซีพูดกับหยางเฉินด้วยความโกรธแค้น
หยางเฉินเมินเฉยต่อคำพูดของเธอไป เขาเดินมาอยู่ข้างๆ หลินรั่วซีก่อนจะกดปุ่ม "เร่ง" บนเครื่องไปหลายครั้ง ส่งผลให้ความเร็วของลู่วิ่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หลินรั่วซีไม่มีเวลาขอความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เธอต้องวิ่งตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นด้วยความเจ็บใจ
นี่เป็ครั้งแรกที่หยางเฉินได้เห็นหลินรั่วซีวิ่งจ๊อกกิ้งและออกกำลังกาย
เนื่องจากอากาศในห้องนั้นอุ่น ทำให้เสื้อผ้าที่ค่อนข้างหลวมและทำจากผ้าฝ้ายของเธอดูหดลงจากเหงื่อ ผมสีดำที่สยายไปด้านหลังพร้อมทั้งสะบัดขึ้นลงตามจังหวะการวิ่งนั้นราวกับว่าเป็จังหวะยามที่ผีเสื้อกระพือปีก ริมฝีปากแดงช่วยขับเสน่ห์ของเธอออกมาชัดเจน ยิ่งูเาสองลูกที่กำลังเด้งขึ้นลงตามกฎแรงโน้มถ่วงนั้น กำลังทำให้หยางเฉินรู้สึกเืลมในกายพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด
นี่เป็ครั้งแรกที่หยางเฉินรู้ว่าเขากำลังอยู่กับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกและอาศัยอยู่กับเธอทุกวัน มิหนำซ้ำเธอคนนี้ก็เป็ภรรยาของเขาอีกด้วย
ด้วยเหตุผลต่างๆ ในวันนั้น ทำให้หยางเฉินพบหลินรั่วซีที่กำลังเมาอยู่ นั่นเป็เหตุให้หยางเฉินขาดความยับยั้งชั่งใจที่จะห้ามตัวเอง และทำให้เกิดเื่ขึ้นในคืนนั้น หากเขาและเธอไม่เคยพบกันมาก่อน หยางเฉินก็คงคิดว่าเธอเป็แค่ผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง และคงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
หลินรั่วซีเมื่อเห็นหยางเฉินนิ่งเงียบไป เธอก็หัวเราะให้ตัวเองขึ้นมาในใจเบาๆ ความจริงแล้วเธอมักจะคิดว่าหยางเฉินเป็สามีแค่ในนามเท่านั้น แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันนานมากขึ้นเท่าไหร่ความคิดของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ราวกับว่าเธออยากจะอยู่กับหยางเฉินไปจนแก่เฒ่า
หลินรั่วซีเคยเห็นการปฏิบัติต่อภรรยาที่ไม่เป็ธรรมมานักต่อนักแล้ว ตัวอย่างเ่าั้ก็อยู่ในครอบครัวหรือตระกูลของเธอเอง
ถึงแม้ว่าหยางเฉินอาจจะเป็คนเ้าชู้ไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด นั่นอาจจะพอนับว่าเป็ข้อดีของเขาบ้างก็ได้
ด้วยบุคลิกของหลินรั่วซีที่เป็คนเต็มไปด้วยความมั่นใจและเ็า ทำให้เธอไม่สามารถแสดงอารมณ์ภายในใจที่อยากจะแสดงออกมาได้ดีนัก หลินรั่วซีอาจจะยังไม่สามารถยอมรับหยางเฉินได้อย่างสมบูรณ์แบบในตอนนี้ แต่เธอก็ค่อยๆ เปิดใจรับเขาเข้ามาทีละน้อย
ในตอนนั้นเองหลินรั่วซีก็สบตากับหยางเฉินอยู่ชั่วครู่ ดวงตาที่ดูไม่แยแสสิ่งใดของหยางเฉินทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ในทันที หลังผ่านไปไม่นานเธอก็รู้สึกตัวก่อนจะหลบหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย
หลังจากวิ่งไปได้ประมาณหลายไมล์ กางเกงของหลินรั่วซีก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
หยางเฉินหัวเราะให้กับท่าทางของเธอ เขากดหยุดลู่วิ่งพร้อมทั้งพูดขึ้น “คุณช่างฉลาดจริงๆ แค่ครั้งเดียวก็เรียนรู้ได้ทั้งหมดแล้ว”
หลินรั่วซีรู้สึกดีเล็กน้อยที่หยางเฉินบอกว่าเธอฉลาด ความคิดหนึ่งที่ว่าเธอเป็ภรรยาที่เฉลียวฉลาดและเชื่อฟังสามีเป็อย่างดี ก็แล่นเข้ามาในหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้
“อันไหนต่อ?” หลินรั่วซีถามด้วยเสียงอ่อนโยน
หยางเฉินล้มตัวลงนอนหงายบนฟูกของพื้นห้องออกกำลังกาย “มาช่วยผมซิทอัพหน่อย จับเท้าเอาไว้ก็ได้ คุณเคยทำตอนเรียนอยู่ในคาบพลศึกษาบ้างหรือเปล่า?”
“อืม...” หลินรั่วซีพยักหน้ารับทราบ เธอจำได้ว่าในสมัยที่ยังเรียนอยู่ก็มีสอบออกกำลังกายเช่นกัน เพียงแต่เธอทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่นักใน่ที่ต้องซิทอัพแบบหยางเฉิน หลินรั่วซีมักจะคิดว่าที่เธอทำคะแนนได้ไม่ดีเป็เพราะว่าเธอเป็หญิงสาว ทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าผู้ชาย
หลินรั่วซีเดินไปใช้เข่ากดเท้าทั้งสองของหยางเฉินเอาไว้ เธอค่อนข้างจะอายหากจะต้องก้มลงไปจับข้อเท้าของเขาด้วยมือเธอจริงๆ หยางเฉินที่กำลังนอนในท่าเตรียมพร้อมอยู่ เมื่อเขาเห็นหลินรั่วซีมีท่าทีลุกลนเขาก็หัวเราะขึ้นมาในใจ บางทีผู้หญิงเ็าอย่างเธอก็ยังมี่ที่หลุดมาดเ้าหญิงน้ำแข็งอยู่บ้าง
ยกตัวอย่างก็ในตอนนี้
“รั่วซีที่รัก คุณอยากซิทอัพบ้างหรือเปล่า? ให้ผมเป็คนจับข้อเท้าคุณบ้างดีไหม?”
“ไม่เอา!”
หลินรั่วซีก้มตัวลงไปหาหยางเฉินใกล้ขึ้นจากที่แค่เอาเข่ากดไว้ เธอค่อยๆ ก้มลงใช้มือจับข้อเท้าของหยางเฉิน ใบหน้ากำลังเห่อร้อนด้วยความอาย
“นาย... นายทำไปเถอะ... ฉันไม่อยากทำ...”
หยางเฉินพยายามยับยั้งไม่ให้เผยรอยยิ้มออกมา การแกล้งหลินรั่วซีเป็อะไรที่ทำให้เขารู้สึกสนุกและมีความสุขเป็อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหลินรั่วซีกำลังอายอยู่อย่างนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอกำลังไปได้ดีมากกว่าเดิม
“งั้นผมจะเริ่มล่ะนะ”
“อืม...”
หยางเฉินซิทอัพอยู่ประมาณเซ็ตถึงสองเซ็ต แต่ละรอบเขาซิทอัพประมาณ 13-15 ครั้ง ในแต่ละครั้งที่เขายกตัวขึ้น ใบหน้าของหยางเฉินก็แทบจะัักับใบหน้าของหลินรั่วซี ทำให้ทั้งคู่สามารถััได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
หลินรั่วซีรู้สึกอบอุ่นขึ้นทุกครั้งที่เธอมองเข้าไปในดวงตาของหยางเฉินที่ใกล้เข้ามา เธอเห็นเงาสะท้อนของตนเองฉายชัดจากดวงตาชายหนุ่ม อีกครั้งและอีกครั้ง ราวกับว่าเป็การพบกันและจากกันอันไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากนั้นหยางเฉินก็ค่อยๆ ซิทอัพขึ้นลงช้าๆ แต่ละครั้งกินเวลาประมาณสองถึงสามวินาที ใบหน้าของหลินรั่วซีพลันแดงขึ้นมาด้วยความอาย
ในตอนนี้เธอดูเหม่อลอยราวกับกำลังตกลงไปในห้วงความอบอุ่นที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ หยางเฉินเห็นหลินรั่วซีเงียบไปแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหยุดซิทอัพแล้วยื่นมือไปใกล้กับแก้มของหลินรั่วซี ใบหน้าของทั้งคู่ประสานกันอยู่ตรงหน้าโดยมีระยะห่างกันไม่มากนัก
“ดีจริงๆ ตอนนี้ผมอยู่ระดับเดียวกับสายตาคุณแล้ว” หยางเฉินยิ้มเ้าเล่ห์ออกมา
หลินรั่วซีสะดุ้งตื่นจากภวังค์ได้สติทันที ลมหายใจของเธอถี่ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด “นายทำเสร็จแล้วเหรอ?”
“…” หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลินรั่วซีหันกลับมาหาเขา “นายจะ...”
คำพูดของหลินรั่วซีกลืนหายไปกับริมฝีปากของเขาที่เข้ามาประทับอยู่ที่ปากของเธอ หลินรั่วซีกำลังถูกหยางเฉินจูบแบบสายฟ้าแลบ!
หยางเฉิน้าจะสอดลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากอันหอมหวานของหลินรั่วซี มันรู้สึกนุ่มและหวานมากกว่าการได้รับจูบยามเช้าจากผู้หญิงคนอื่นอยู่มากโข ทำเอาจิติญญาของหยางเฉินแทบจะหลุดลอยออกจากร่าง แต่เขาก็ไม่อยากจะรุกเธอมากจนเกินไป หยางเฉินจึงแค่จูบและเลียริมฝีปากสีเชอร์รี่ของเธอแล้วถอนตัวออกมาอย่างช้าๆ เท่านั้น
ดวงตาของหลินรั่วซีเปียกชื้นและเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายอยู่ข้างใน หลินรั่วซีไม่ได้เตรียมความพร้อมที่จะป้องกันการแอบจูบของหยางเฉินแม้แต่น้อย ครั้งก่อนหน้าก็ในร้านกาแฟในครั้งนี้กลับทำในห้องออกกำลังกาย แล้วถ้าครั้งต่อไปล่ะ?
เพียะ!
โดยไม่มีสัญญาณเตือนใด หลินรั่วซีตบเข้าไปที่ใบหน้าของหยางเฉินอย่างแม่นยำ!
รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนแก้มของหยางเฉิน หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าหลินรั่วจะต้องตบหน้าเขาชายหนุ่มจึงไม่คิดจะหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด ั์ตาของหลินรั่วซีเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายอันซับซ้อน ก่อนที่จะเผยสีหน้าเ็าออกมา “นายคิดว่าแกล้งฉันคนนี้มันน่าสนุกมากนักใช่มั้ย?
มันสนุกมากหรือไง?!”
“มันไม่ใช่แบบนั้น...” หยางเฉินฝืนยิ้มอย่างขมขื่น
“ฉันไม่อยากฟังแล้ว!” หลินรั่วซีพยายามสะบัดตัวออกจากหยางเฉิน
เธอหันไปที่ทางออกแล้ววิ่งหนีออกไปที่ประตูทางเข้าด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้หยางเฉินยืนอยู่ตามลำพัง
เมื่อหยางเฉินได้ยินหลินรั่วซีพูดออกมาดังนั้น เขาก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“สามีจูบภรรยาเป็เื่ผิดตรงไหนกัน? ดูสิอายถึงขนาดไม่มีแรงตบเลย...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้