‘ห้องนี้พักกันสามคนงั้นเหรอ’ นางขมวดคิ้ว แล้วเลื่อนสายตามองไปรอบ ๆ สังเกตเห็นห่อผ้าที่เปาอินเพิ่งเอามาให้ หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย พลันก้าวเท้าเดินเข้าไปรื้อของในห่อผ้า กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ก่อนที่นางจะถอดใจ จึงหันไปเปิดใต้หมอนดู พบเป็ขวดยาขนาดเล็กวางอยู่
‘ขวดยาลักษณะนี้ ที่จวนสกุลจิวมีอยู่มากมาย’ หญิงสาวไม่ยอมเสียเวลา รีบจัดการถ่ายยาส่วนหนึ่งเก็บไว้ แล้วเดินออกจากห้องพักไปในทันที
หวางฟางเฟยเดินเข้ามาหาอาจารย์กั๋วเจี้ยน พลันน้อมกายลงเล็กน้อย ด้วยกิริยาอ่อนน้อม พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“มาหาข้า มีอะไรงั้นเหรอ” ชายกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเมตตา ในมือกำลังจัดกระดาษสอบช้า ๆ
“วันนี้เป็วันสอบวิชาการ ไม่ทราบว่าท่านมือปราบ จะมาดูการสอบหรือไม่เ้าคะ” อาจารย์กั๋วเจี้ยนหยุดนิ่งครู่หนึ่ง แล้วตอบคำถาม
“ข้าได้ข่าวว่าพระสนมเถียนหลันจะมาดูการสอบ พร้อมกับท่านมือปราบ แต่เ้าไม่ต้องห่วง คะแนนสอบวิชาการตรงไปตรงมา ทั้งสองท่านไม่มีส่วนในการตัดสินคะแนนเหมือนที่ผ่านมา” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงชะงักนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะน้อมกายลาอาจารย์ แล้วมานั่งขบคิดเงียบ ๆ ตามลำพัง
‘นึกไม่ถึงว่าพระสนมเถียนหลัน จะมาดูการสอบครั้งนี้ด้วย หวังว่า คงไม่ใช่เพราะข้า แย่งที่หนึ่งไปจากน้องสาวของนางหรอกนะ!’ นางขบคิดเงียบ ๆ ก่อนเสียงของเพื่อนร่วมชั้นจะวิ่งมาหาแล้วเอ่ยขึ้น
“ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน” หวางฟางเฟยพยักหน้า แล้วตัดสินใจเดินไปยังโรงครัว ที่เหล่าบัณฑิตมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง สายตากลมเลื่อนมองไปยังเยว่หลิว ลักษณะของนางยังคงเป็ปกติไม่มีท่าทีน่าสงสัย ทำให้หวางฟางเฟยเดินไปตักข้าวมานั่งกินอย่างเงียบ ๆ ก่อนร่างของเยี่ยนหวางจะเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารกับนางด้วย
“เป็เพราะเ้า เมื่อวานจึงทำให้ข้าพลาดอันดับหนึ่ง” น้ำเสียงเย็นเยียบของเยี่ยนหวาง ทำให้หวางฟางเฟยยิ้มเล็กน้อย พลันตักอาหารเข้าปากช้า ๆ
“เ้าจะโทษข้าก็ไม่ถูกนัก ต้นเหตุเพราะเ้าทำพู่กันหายมิใช่รึ” นางย้อน ก่อนอีกฝ่ายจะกัดฟันแน่น เพราะถูกพระสนมพี่สาว ตำหนิต่อว่าต่าง ๆ นานา
“ที่ผ่านมา ข้ามองเ้าผิดไป”
“เช่นนั้นก็จงมองข้าใหม่ เพราะข้าพึ่งคิดได้ไม่นานว่า การถูกรังแกไม่ใช่เื่สนุก คุณหนูเยี่ยนหวางในสถานศึกษาแห่งนี้ อาจารย์ย้ำเสมอว่าให้วางหัวโขนลง ไม่ว่าจะเป็ลูกขุนนางท่านใดยิ่งใหญ่เพียงไหน เมื่ออยู่ในสถานศึกษา ทุกคนล้วนเป็เพื่อนร่วมชั้นเรียน หากท่านจะคิดเอาคืนข้า วันนี้ก็สอบให้คะแนนมากกว่าข้าก็แล้วกัน” คำท้าทายของหวางฟางเฟยทำให้เยี่ยนหวาง รู้สึกถึงการถูกลบศักดิ์ศรี จึงฝืนยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อเ้ามั่นใจมากเช่นนี้ งั้นก็มาเดิมพันกันดูสักตั้ง” หวางฟางเฟยชะงักนิ่ง พลันยิ้มตอบ
“ต่อให้สกุลหวังยิ่งใหญ่เพียงใด การกลับคำพูดย่อมมีได้เสมอ ข้ายอมรับข้อเสนอ แต่ต้องมีพยานรู้เห็น” นางกล่าวพร้อมยกชาขึ้นดื่ม
“เช่นนั้นพวกเ้าสองคน จงเป็พยาน” เยี่ยนหวางหันไปหาเพื่อนร่วมห้อง ที่กำลังเดินผ่านไป พวกนางเงอะงะครู่หนึ่ง ทว่าสายตาบังคับของเยี่ยนหวาง ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
“ก็ได้ พวกเราสองคนจะเป็พยาน” พวกนางย่อตัวลงนั่งร่วมโต๊ะ ก่อนเยี่ยนหวางจะกล่าวขึ้น
“ในการสอบครั้งนี้ หากผู้ใดแพ้ คนผู้นั้นจะต้องออกจากสถานศึกษา!”
“ออกจากสถานศึกษา!” พยานสองคนผสานเสียงกันด้วยความใ ทำให้เยว่หลิวที่นั่งฟังอยู่ห่าง ๆ ยิ้มปริ่มออกมาอย่างเงียบ ๆ พลันขบคิดในใจ
‘ไม่คิดว่าจะมีคนช่วยสงเคราะห์นางด้วยอีกคน’
“ตกลง! ข้ารับคำท้า” หวางฟางเฟยตอบรับในทันที นั่นทำให้เยี่ยนหวางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางไม่เคยเห็นสายตาผู้ใดมั่นใจเท่านี้มาก่อน
“เ้าตอบตกลงอย่างไม่คิดงั้นเหรอ” นางถามด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง ก่อนหญิงสาวจะคีบอาหารเข้าปาก แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"มีสิ่งใดต้องคิด ความสำเร็จของข้า นอกจากท่านพ่อแล้ว ไม่มีผู้ใดคิดยินดี ผิดกับเ้าที่มีความหมายต่อคนทั้งตระกูล ทำให้ข้าคิดว่า เดิมพันนี้คนที่เสียเปรียบหาใช่ข้า แต่เป็เ้าเองต่างหาก” คำกล่าวของหวางฟางเฟย ทำให้เยี่ยนหวางโกรธจนมือสั่น
“เช่นนั้นเดิมพันนี้ ใครแพ้ก็ขอให้ออกจากสถานศึกษา อย่างไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น” หวางฟางเฟยพยักหน้ารับ อย่างไม่สะท้าน
ก่อนร่างของเยว่หลิวจะเดินเข้ามา แล้ววางผลไม้ลงกับโต๊ะช้า ๆ พลันเลื่อนให้กับหวางฟางเฟย พร้อมรอยยิ้ม
“ลูกพลัมที่เ้าชอบ ข้าเห็นในครัวเหลืออยู่ห้าชิ้น เป็ห่วงว่าจะไม่ได้กิน ก็เลยหยิบมาให้” หวางฟางเฟยมองลูกพลัมที่อยู่บนจาน ทำให้หวนนึกถึงขวดยาปริศนา ที่อยู่ใต้หมอนใบนั้น
“น้ำใจของพี่รองข้าซาบซึ้งยิ่งนัก” เยว่หลิวเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินจากไป
หวางฟางเฟยมองลูกพลัมบนจาน แล้วเลื่อนสายตาไปยังเยี่ยนหวางอย่างมีแผนการ ก่อนนางจะยกมือขึ้นเท้าคาง
“พี่รองช่างรู้ใจข้านัก ลูกพลัมเป็ผลไม้ที่ข้าชอบมากที่สุด แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้กิน เช่นนั้นข้าต้องกินเยอะ ๆ” พูดจบนางก็เอื้อมไปหยิบลูกพลันในจาน ทว่าเยี่ยนหวางรีบดึงออกไปในทันที
“เมื่อครู่เยว่หลิวบอกเองว่า ลูกพลัมในครัวหมดแล้ว ข้าเองก็ชอบลูกพลัมเป็อย่างมาก เ้าจะกินเองทั้งหมดก็คงไม่ถูกต้องนัก” ก่อนพยานทั้งสองจะรีบพูดขึ้น