“โอ๊ะ พละกำลังเข้มข้นยิ่งนัก!”
จากอวี๋ถงมาได้ไม่นาน เนี่ยเทียนก็ััได้ถึงกระแสอบอุ่นระลอกแล้วระลอกเล่าที่ก่อกำเนิดขึ้นมาในลำไส้และกระเพาะอาหาร
และเขาก็เพิ่งกินเนื้อแห้งในถุงหนังของอวี๋ถงไปเพียงแค่ไม่กี่จินเท่านั้น!
“น่าจะเป็เนื้อสัตว์วิเศษระดับสอง! มีเพียงเนื้อสัตว์วิเศษระดับสองเท่านั้นถึงจะเกิดพลังงานเปี่ยมล้นได้เช่นนี้! บางทีนี่อาจจะเป็สัตว์วิเศษระดับที่ร้ายกาจยิ่งกว่ากิ้งก่าดินก็ได้!”
เขาพลันตระหนักขึ้นมาได้ว่า
ในโลกมายามรกตมีสัตว์วิเศษระดับสองทั้งหมดสี่ตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่างูเหลือมน้ำแข็งั์นั้นแข็งแกร่งมากที่สุด ก่อนหน้าที่งูเหลือมน้ำแข็งั์จะจากไป มันก็ได้แปรสภาพมาเป็ระดับสามแล้ว
สัตว์วิเศษระดับที่สองที่เหลืออยู่ กิ้งก่าดินถูกพวกเจียงหลิงจูสังหารไปแล้ว อีกตัวหนึ่งอาจจะถูกเจิ้งปินกำจัดที่เขตูเาไฟ
เนื้อแห้งในถุงหนังของอวี๋ถง หากไม่พลาดจากที่คาดการณ์ น่าจะมาจากสัตว์วิเศษระดับสองตัวสุดท้าย
กระแสอบอุ่นเส้นแล้วเส้นเล่าแผ่ไปทั่วร่างของเนี่ยเทียน เรือนกายที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุดของเขา เมื่อได้ความอบอุ่นของพลังงานเ่าั้ช่วยบำรุงจึงฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
เขาที่เร่งรุดเดินทางอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถนั่งนิ่งเพื่อเอาพลังงานเ่าั้หลอมรวมเข้าไปในมหาสมุทริญญาได้
ทว่าพลังงานที่กระจายไปทั่วเืเนื้อกลับทำให้พลังกายของเขาเต็มเปี่ยม ไม่มีความรู้สึกหนักอึ้งเวลาก้าวเท้าอีกแล้ว
เขารู้ดีว่าขอแค่อวี๋ถงสามารถเคลื่อนไหวได้ นางย่อมตามมาไล่ฆ่าเขาอย่างไม่สนใจสิ่งใดแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหยุดลงเพื่อใช้หินวิเศษมาฟื้นฟูมหาสมุทริญญาที่แห้งขอด
เขาคอยหยิบเอาแผนที่ที่ได้มาจากหยวนเฟิงขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อแยกแยะทิศทางได้ก็ก้มหน้าก้มตาห้อตะบึงไป
เขาล้มเลิกการเดินทางไปยังจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลทรายร้างและเขตูเาไฟแล้ว ล้มเลิกการตามหาพวกอันอิ่งและเจียงหลิงจู ตอนนี้เขาแค่คิดอยากจะกลับไปยังทางเข้าของโลกมายามรกตเท่านั้น
เพราะเขารู้ว่าเป็ไปได้มากที่คนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตจะยังคงอยู่ในส่วนลึกของทะเลทราย ไล่ฆ่าผู้รอดชีวิตของสำนักหลิงอวิ๋นและหอหลิงเป่าอย่างบ้าคลั่ง
หากเขาเดินทางเข้าไปในจุดลึกของทะเลทราย เป็ไปได้มากว่าระหว่างทางจะเจอกับลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต
เขาที่ฝืนกระตุ้นหมัดพิโรธอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด ตอนนี้มหาสมุทริญญาของเขากลวงโบ๋ หากเจอกับคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตเข้าจริงๆ เกรงว่าคงถูกฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่มีทางรนหาที่ตายเป็แน่
เขาที่อาศัยเนื้อแห้งในถุงหนังที่แย่งมาจากอวี๋ถงค่อยๆ ฟื้นฟูพละกำลังทีละนิดไม่กล้าเดินเตร็ดเตร่ ได้แต่เร่งเดินทางอย่างต่อเนื่อง
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เขามองไกลออกไปเห็นเกาะน้ำแข็งมากมายหลายเกาะ จึงรู้ว่าใกล้จะผ่านทะเลทรายร้างไปได้แล้ว
ในความรู้สึกของเขา เวลาผ่านไปเป็เวลานาน เขารู้สึกว่าอวี๋ถงน่าจะยังตามมาไม่ทัน
“ออกแรงสู้อีกหน่อย รอกลับเข้าไปในเขตเกาะน้ำแข็งอีกครั้งค่อยเริ่มใช้หินวิเศษฟื้นคืนพละกำลัง!” เขาพูดกับตัวเองอย่างเงียบๆ
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
เขาลากเรือนกายที่อ่อนล้าผ่านทะเลทรายร้างมาปรากฏอยู่ในเขตเกาะน้ำแข็งเยือกเย็นได้ในที่สุด
เขาหาหุบเขาที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่งในเกาะน้ำแข็งเกาะแรก ฝังร่างตัวเองไว้ในกองหิมะ หยิบเอาหินวิเศษออกมาฟื้นฟูพละกำลัง
หากไม่มีหินวิเศษ อาศัยเพียงแค่ปราณิญญาฟ้าดินบางเบาในโลกมายามรกตมาบำเพ็ญตบะ หากเขาคิดจะเติมเต็มพลังิญญาที่สูญเสียไป อาจจำเป็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
หินวิเศษ ต่อให้เป็หินวิเศษระดับต่ำก็ยังแฝงเร้นไว้ด้วยพลังิญญาที่บริสุทธิ์
ใช้หินวิเศษมาบำเพ็ญตบะสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้รวดเร็วยิ่งกว่ายืมใช้ปราณิญญาฟ้าดินในโลกมายามรกตหลายเท่านัก!
พลังิญญาบริสุทธิ์มากมายหลายเส้นที่ถูกดึงออกมาจากหินวิเศษค่อยๆ ทยอยเข้าไปในมหาสมุทริญญาทีละเส้น ความรู้สึกโปร่งสบายเช่นนั้นทำให้เนี่ยเทียนอยากจะไชโยโห่ร้องออกมา
“มิน่าก่อนหน้าที่คนพวกนั้นจะเข้ามา ถึงได้พกเอาหินวิเศษมาด้วย ใช้หินวิเศษมาบำเพ็ญตบะ สบายกว่ากันเยอะเลย!”
หินวิเศษหนึ่งก้อน ในระยะเวลาแสนสั้น ถูกเขาดึงเอาพลังิญญาออกไปจนเกลี้ยง มันจึงปริแตกกลายมาเป็หินธรรมดาก้อนหนึ่ง
เขาหยิบเอาก้อนที่สองออกมาอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเขาก็ใช้หินวิเศษหมดไปแล้วถึงเจ็ดก้อน มหาสมุทริญญาที่แห้งขอดของเขาก็ถูกบรรจุด้วยพลังิญญาเต็มเปี่ยมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เมื่อพลังิญญาฟื้นคืน เขาก็กลับมามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ รู้ว่าเขาจะไม่ใช่เป้าหมายที่ใครก็กำจัดได้อย่างง่ายดายอีกแล้ว
ทว่าต่อให้เป็เช่นนี้ เขาก็ยังไม่กล้าเดินย้อนกลับไป ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับอวี๋ถงอีกครั้ง
หลังจากจัดระเบียบตัวเองเล็กน้อย เขาจึงมุดออกมาจากกองหิมะแล้วเดินทางต่อ
ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไปที่ประตูมิติของโลกมายามรกต รอคอยการมาถึงของผู้ที่โชคดีรอดชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ
งูเหลือมน้ำแข็งั์จากไปแล้ว เกาะน้ำแข็งจึงไม่ใช่สถานที่ที่อันตรายอีก สัตว์วิเศษระดับหนึ่งที่อยู่กระจัดกระจายตามมุมต่างๆ ก็ถูกคนของหอหลิงเป่าและหุบเขาเทาสังหารไปแล้วก่อนหน้านี้
เดิมที เขายังคิดจะจับสัตว์วิเศษระดับหนึ่งมาอีกสักสองสามตัวเพื่อขยายมหาสมุทริญญา น่าเสียดายที่ระหว่างทางที่เดินกลับมา เขาไม่เจอสัตว์วิเศษระดับหนึ่งแม้แต่ตัวเดียว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้แผนที่ผืนนั้นของหยวนเฟิงลอดทะลุเกาะน้ำแข็ง ในที่สุดก็กลับมาถึงจุดตั้งต้น
ตรงตีนเขาที่ไม่รู้นาม ในกองหินกระจัดกระจายแทรกซ้อนไปด้วยกระดูกสัตว์สีขาวซีด
ตรงจุดผนังหินเรียบลื่นแห่งหนึ่ง ชายหญิงสวมชุดสีขาวเก้าคนล้อมวงกันอยู่ กัดกินเนื้อสัตว์วิเศษพลางหัวเราะด้วยความสนุกสนานไปด้วย
“ชุดขาว อารามเสวียนอู้...”
เมื่อเนี่ยเทียนมาถึง แค่มองไกลๆ ปราดเดียวก็พบทันทีว่าเก้าคนนั้นล้วนเป็ผู้ประลองของอารามเสวียนอู้
มองเห็นผู้ประลองเก้าคนของอารามเสวียนอู้มาถึงก่อนกำหนด เขาก็ทั้งตะลึงและทั้งดีใจ
ที่ดีใจก็คือ มีเก้าคนนี้อยู่ที่นี่ ต่อให้อวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตไล่กวดมา เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกแล้ว
เก้าคนของอารามเสวียนอู้มีเจิ้งปินผู้เป็หัวหน้าอยู่ในนั้นด้วย หากอวี๋ถงเดินทางมาเพียงลำพัง เขาที่ฟื้นตัวได้แล้วจะต้องทำให้อวี๋ถงเสียใจอย่างสุดซึ้งอย่างแน่นอน
มีคนเก้าคนของอารามเสวียนอู้อยู่ด้วย เขาย่อมปลอดภัย ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกแล้ว
ทว่าการปรากฏตัวของคนทั้งเก้านี้ก็หมายความว่าพวกอันอิ่ง เจียงหลิงจูไม่ได้ไปรวมตัวกับเจิ้งปินที่พรมแดนระหว่างทะเลทรายร้างและเขตูเาไฟ
ลำพังเพียงแค่ฝีมือของอันอิ่งและเจียงหลิงจู เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต แล้วก็ไม่รู้ว่ามีคนถูกฆ่าไปแล้วกี่คน
“เอ๊ะ!”
ขณะที่เขากำลังเหม่อลอยครุ่นคิดอยู่นั้นเอง หญิงสาวหน้าตางามแฉล้มคนหนึ่งของอารามเสวียนอู้ที่อยู่ด้านข้างผนังหินพลันสังเกตเห็นเขา
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเปลือยกายท่อนบน แถมบนร่างยังมีรอยแผลเป็เล็กๆ ที่เริ่มตกสะเก็ดหลงเหลืออยู่
รอยแผลเ่าั้ตัดสลับกันแน่นขนัด เขาที่เอาแต่เร่งเดินทาง ไม่มีอารมณ์ให้ความสนใจภาพลักษณ์ภายนอก หน้าตาสกปรกมอมแมม สภาพกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ บวกกับาแมากมายที่ตกสะเก็ดราวกับงูตัวเล็กๆ ขับให้ยามนี้เขายิ่งดูดุร้ายมากขึ้น
“นั่นใครน่ะ?”
เจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้ลุกพรวดขึ้นยืน จ้องมองเขาด้วยความเ็า
เจิ้งปินที่สวมอาภรณ์ขาวสะอาดสะอ้าน สง่าผ่าเผย เดิมทีก็รูปงามหล่อเหลาอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับเนี่ยเทียนที่ยามนี้สกปรกเลอะเทอะ ก็ดุจดั่งบุคคลสง่างามที่ปลดปล่อยแสงอาทิตย์สว่างจ้า
ตอนที่เจิ้งปินพูด ดวงตาคู่งามของเด็กสาวสามคนแห่งอารามเสวียนอู้พลันหันมามองที่ร่างของเขา ั์ตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสชื่นชม
ทว่าตอนที่พวกนางหันมามองเนี่ยเทียน สีหน้ากลับเปลี่ยนมาเป็เ็า ความเลื่อมใสชื่นชมในดวงตาพลันกลายมาเป็ความรังเกียจ
“ข้าก็คือผู้ประลองของโลกมายามรกตเหมือนกัน เข้ามาพร้อมกับพี่หญิงอันอิ่ง” เนี่ยเทียนตอบกลับ พลางเดินเข้าไปใกล้พวกนางอย่างเป็ธรรมชาติไปด้วย
“คนของหอหลิงเป่ารึ?” เด็กสาวใบหน้ารูปไข่คนหนึ่งสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย กล่าว “พวกเ้าได้สังหารงูเหลือมน้ำแข็งั์ในเขตเกาะน้ำแข็งหรือไม่?”
ผู้ประลองทุกคนของอารามเสวียนอู้ที่ได้ยินนางพูดอย่างนี้ก็พากันสนใจขึ้นมา
เขตน้ำแข็ง ทะเลทรายร้าง เขตูเาไฟของโลกมายามรกต ล้วนไม่ได้อยู่ในแนวเส้นเดียวกัน
และก็ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่อารามเสวียนอู้สังหารสัตว์วิเศษตามเป้าหมายของพวกเขาได้สำเร็จแล้วจึงไม่ได้กลับมาทางทะเลทรายร้างและเกาะน้ำแข็ง
พวกเขากลับมาจากทิศทางอื่น
เวลาผ่านไปนานมากแล้ว พวกเขารู้ว่าเวลานี้ต่อให้ไปที่เกาะน้ำแข็งและทะเลทรายร้างอีกก็ยากที่จะสังหารงูเหลือมน้ำแข็งั์และกิ้งก่าดินได้ ดังนั้นจึงถอดใจไปนานแล้ว
กฎของโลกมายามรกตแค่ห้ามไม่ให้เข่นฆ่ากันเองเท่านั้น ไม่ได้ห้ามเื่ต่อสู้แย่งชิง
ที่พวกเขามาถึงที่นี่ั้แ่เนิ่นๆ บำรุงสุขภาพและสะสมกำลังรอคอยอยู่อย่างเงียบๆ ก็เพื่อคอย่ชิงเอาหัวของสัตว์วิเศษมาจากอีกสามฝ่าย
เนี่ยเทียนที่เดินทางมาเพียงลำพัง ในเมื่อเป็คนของหอหลิงเป่า ในสายตาของพวกเขาก็ถือเป็ลูกแกะที่รอวันถูกเชือด
“ไม่หรอก พวกเราไม่เจองูเหลือมน้ำแข็งั์” เนี่ยเทียนขมวดคิ้ว
ขณะที่เขาเพิ่งจะคิดอธิบายเื่การปรากฏตัวของลูกศิษย์สำนักภูตผีและสำนักโลหิต ก็เห็นเจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้แค่นเสียงหนึ่งครั้ง เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นเยียบ “ค้นให้ทั่วตัวเขา จากนั้นจับเขามัดเอาไว้ เวลาที่พวกคนของหอหลิงเป่ากลับมา เขาจะได้ไม่กลายมาเป็กำลังเสริมของหอหลิงเป่าแล้วหันมาเล่นงานพวกเรา”
“อืม ทำตามที่พวกเราวางแผนกันไว้” ดรุณีใบหน้ารูปไข่กล่าวสนับสนุน
จากนั้นเด็กหนุ่มชุดขาวสองคนของอารามเสวียนอู้ก็ลุกผลุงขึ้นมาอย่างคึกคัก ไม่แม้แต่จะทักทายก็พุ่งเข้าใส่หมายจับตัวเนี่ยเทียนเอาไว้ก่อน
คนของอารามเสวียนอู้คิดว่าในเมื่อเนี่ยเทียนปรากฏตัวแล้ว พวกอันอิ่งจากหอหลิงเป่าย่อมตามมาด้านหลังแน่นอน
พวกเขา้าจับตัวเนี่ยเทียนเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เนี่ยเทียนกลายเป็กำลังเสริมของพวกอันอิ่ง
-----