อีกทั้งยุคสมัยที่ถอยไปไกลมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความหนืดต่ำลงเท่านั้นแต่เป็ความแตกต่างที่น้อยมากจนแทบจะไม่น่าสนใจ แต่ทว่าความแตกต่างนี้กลับเป็ความแตกต่างที่สำคัญอย่างยิ่ง
ตาทิพย์ถูกเปิดขึ้นเป็ครั้งที่ 5
โครงสร้างเม็ดผลึกเม็ดหนึ่งในผลึกกองที่ 4พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหลินเยว่
ครั้งนี้หลินเยว่จึงััตรงความหนืดโดยตรงและไม่ได้สนใจตรงจุดอื่นๆอีกเลย
ความหนืด......ความหนืด......
หลินเยว่แอบท่องในใจ แต่การกระทำเช่นนี้กลับทำให้เขาััได้ช้ากว่าเดิม
แต่แล้ว หลินเยว่ก็ต้องเกร็งไปทั้งร่างใบหน้าของเขาแสดงความดีใจอย่างชัดเจน
ความหนืดต่ำลงอีกแล้ว!!!
ณ เวลานี้ หลินเยว่กลับไม่สามารถใช้ภาษาใดๆบรรยายความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ เขาจับพลัดจับผลูกลับสามารถหาความแตกต่างระหว่างหินพอร์ซเลนในแต่ละยุคสมัยได้หากมีต้นแบบด้านความหนืดสูงต่ำไว้เป็ตัวเทียบเคียงได้แล้วเขาก็สามารถใช้สิ่งนี้เป็ตัวตัดสินว่าเครื่องเคลือบเ่าั้อยู่ในยุคสมัยไหน
แต่ทว่า ก่อนอื่นเขาต้องสามารถจดจำระดับความสูงต่ำนี้ให้ได้เสียก่อน
ตอนนี้หลินเยว่ไม่ได้คิดอะไรมากมายเขาแค่รู้สึกดีใจที่ตนเองสามารถค้นพบสิ่งนี้ออกมาหากสิ่งที่เขาค้นพบสามารถใช้ในการพิสูจน์เครื่องเคลือบได้จริง เขาก็คงทำให้อาจารย์ของตนเองมีโอกาสขายหน้าได้น้อยลง
เพราะหากนำสิ่งนี้มาผสมผสานกับความรู้เครื่องเคลือบที่เขามีไม่แน่เขาอาจจะพิสูจน์เครื่องเคลือบได้สำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ
สีหน้าของหลินเยว่ดูจริงจังขึ้นทันทีหลังจากนั้นเขาก็ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็วแต่ทว่าหัวใจของเขากลับเต้น “ตึกๆ” รัวๆ เร็วๆ เช่นเดิม
เขาพลันคิดถึงอาจารย์ของเขาอีกท่านทันทีท่านฉางไท่
ฝึกจิตใจ!!!
หลินเยว่ที่เริ่มตั้งสติขึ้นมาได้จึงเริ่มครุ่นคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของเขา...เขาจะใช้ประโยชน์จากความหนืดสูงต่ำมาพิสูจน์ได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าความหนืดสูงต่ำจะสามารถรับรู้ได้แต่การจดจำมันกลับไม่ง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจำเป็ต้องจดจำแยกทีละกองประเทศจีนมีราชวงศ์ตั้งเยอะแยะ มีจักรพรรดิตั้งมากมาย แล้วเขาจะจดจำได้อย่างไร?
ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะจักรพรรดิบางพระองค์ครองราชย์เพียงไม่กี่ปีหรือเพียงไม่กี่วันเท่านั้นความแตกต่างของหินพอร์ซเลนก็อาจจะไม่ชัดเจนก็ได้ ถึงแม้ว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตใน่การครองราชย์ของแต่ละพระองค์ที่มีระยะเวลาสั้นๆนี้จะมีราคาแตกต่างกันไม่มาก แต่ทว่าสำหรับการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วการตัดสินผิดพลาดเื่เวลาเพียงไม่กี่ปีนี้กลับเป็ความผิดพลาดที่ไม่สามารถอภัยได้เลยอีกทั้งหากเป็การพิสูจน์เครื่องเคลือบในการรวมตัวครั้งใหญ่ ก็ย่อมเกิดความขายขี้หน้ายิ่งกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าการทดสอบการพิสูจน์เครื่องเคลือบในครั้งนี้จะทำการทดสอบอย่างไรหากให้ระบุว่าเครื่องเคลือบชิ้นหนึ่งๆ อยู่ในยุคสมัยไหน จะเรียกว่าง่ายก็ง่ายแต่จะเรียกว่ายากก็ได้เช่นกัน
หากให้ระบุ่ปีก็คงจะยากมากแต่หากให้บอกว่าเป็จักรพรรดิพระองค์ไหนก็คงจะง่ายกว่า
แต่การเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นก็น่าจะเป็เื่ที่ดี
แต่ทว่าเขาควรทำอย่างไรจึงจะสามารถจดจำความแตกต่างความหนืดของหินพอร์ซเลนให้ง่ายยิ่งขึ้นล่ะ?แล้วเขายังจำเป็ต้องจดจำให้ครบทั้งหมดอีกด้วย?
คิ้วของหลินเยว่จึงขมวดเป็ร่องลึกอีกครั้งจะเริ่มลงมือแยกความหนืดสูงต่ำได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความมั่นใจแต่เป็เพราะมันไม่รู้จะเริ่มต้นลงมืออย่างไรดี เขาสามารถจดจำปริมาณต่างๆ ได้แต่ความรู้สึกในการััมันจะจดจำอย่างไรล่ะ?
ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ความชำนาญในการฝึกฝนเป็ตัวจดจำแต่ตอนนี้เวลามันไม่คอยใครแล้วนะ! การทดสอบการพิสูจน์เครื่องเคลือบอาจจะถูกจัดขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว
เขาควรทำอย่างไรเพื่อให้จดจำได้ล่ะ?
หลินเยว่พยายามคิดหาวิธีอยู่ขณะที่เขากำลังจะเตรียมใช้สมองท่องจำอย่างเอาเป็เอาตายนั้นพลันมีความคิดอันน่าท้าทายปรากฏขึ้นในสมองของเขา
ใช้สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่ก?
ความคิดนี้ทำให้หลินเยว่เกิดอาการหัวใจเต้นแรงทันที
ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้ว่ามันจะสามารถทำได้หรือเปล่าแต่ทว่าสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กมันมหัศจรรย์มากจริงๆ มันมหัศจรรย์จนถึงขนาดหลินเยว่ไม่รู้ว่าตนเองเข้าสู่สภาวะนี้ได้อย่างไร
สำหรับหลินเยว่แล้ว สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กมันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังพิเศษตาทิพย์เลยหากพูดว่ามันเป็พลังพิเศษอย่างที่สองของเขาก็ได้เหมือนกันที่สำคัญก็คือสภาวะนี้เกิดจากการฝึกฝนด้วยตัวของเขาเอง เขาไม่จำเป็ต้องกังวลถึงผลกระทบภายหลังที่จะเกิดตามมา
คงจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาสามารถทดลองใช้ดู
หลินเยว่ลอบถอนหายใจหลังจากนั้นจึงพยายามปรับสีหน้าอารมณ์ของตนเอง สมาธิของเขาค่อยๆ ถูกรวบรวมเป็หนึ่งเดียวเขาดูมีความเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที และร่างของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใดร่างกายของหลินเยว่กลับสั่นไหวเล็กน้อยจนไม่สามารถสังเกตเห็นกล้ามเนื้อบนใบหน้าและลำตัวพลันผ่อนคลายร้อยเปอร์เซ็นต์
สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กพลันปรากฏขึ้น
ถึงแม้ว่าเขากำลังอยู่ในสภาวะนี้แต่ทว่าเขาก็รู้ดีว่าตนเองกำลัง้าจะทำอะไร และก็เป็ความชัดเจนที่เกิดขึ้นในสมองอย่างที่สุด
หลินเยว่เดินเข้าไปหยุดเบื้องหน้าของหินพอร์ซเลนกองแรกดวงตาทั้งคู่กำลังจดจ่อ ตาทิพย์พลันเปิดออกลักษณะภายในของหินพอร์ซเลนพลันปรากฏขึ้นในสายตาของหลินเยว่อีกทั้งความรู้สึกในการรับรู้ความหนืดก็มีความชัดเจนเป็ที่สุด
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเยว่ใช้สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กร่วมกับพลังพิเศษตาทิพย์เขาคาดไม่ถึงว่าผลของมันจะดีมากเช่นนี้ เขาไม่จำเป็ต้องเตรียมตัวใดๆเพียงแค่เพ่งมองเท่านั้น ก็สามารถใช้พลังพิเศษตาทิพย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมากเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้สภาวะปัจจุบันของหลินเยว่เกิดการเปลี่ยนแปลงเขาได้แต่จดจำความหนืดอย่างเงียบๆ เพราะตอนที่อยู่ในสภาวะเช่นนี้ทุกสรรพสิ่งย่อมมีความชัดเจนเป็ที่สุด
เมื่อจำได้แล้ว หลินเยว่จึงเดินไปยังผลึกหินพอร์ซเลนกองที่สองทันที
เขารู้ดีว่าเวลาของเขาไม่ได้มีเยอะสักเท่าไร เขาจำเป็ต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อพยายามจดจำลักษณะพิเศษของหินพอร์ซเลนให้มากที่สุด
การที่หลินเยว่เลือกหินพอร์ซเลนเขาก็มีเหตุผลของเขาอยู่เนื่องจากดินเกาลินมีจำนวนกองมากกว่าหินพอร์ซเลน เพราะหินพอร์ซเลนเริ่มนำมาใช้ในสมัยห้าราชวงศ์แต่ดินเกาลินนั้นถูกใช้มาั้แ่่เริ่มผลิตเครื่องปั้นดินเผาแล้วถึงแม้ว่าหินพอร์ซเลนจะน้อยกว่าแต่เมื่อเทียบกับเวลาที่เขาสามารถคงสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กได้แล้วก็ยังถือว่ามากอยู่ดี
ยุคห้าราชวงศ์ ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์ซ่งใต้ราชวงศ์หยวน ราชวงศ์ิ ราชวงศ์ชิง ยุคสาธารณรัฐจีน......
เท่านี้ก็มีจักรพรรดิกว่าร้อยพระองค์ ดังนั้นจึงมีหินพอร์ซเลนกว่าร้อยกอง
หากแต่ละกองใช้เวลามอง 1 วินาที ก็ยังจำเป็ต้องใช้เวลาถึง 2 นาที
แต่สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กของเขากลับไม่สามารถคงไว้ได้นานถึงขนาดนั้นเขาเคยลองทดสอบแล้ว มากที่สุดเท่าที่ทำได้คือหนึ่งนาทีครึ่ง
ดังนั้น เขาจำเป็ต้องทำให้เร็วที่สุด
หลินเยว่แทบไม่มีการหยุดพักเขากวาดตามองความหนืดของหินพอร์ซเลนแต่ละกองอย่างรวดเร็ว จนถึง่ท้ายๆหลินเยว่ก็ถึงกับวิ่งเลยทีเดียว นอกจากจะเจอกับกองที่ยากจะแยกถึงความแตกต่าง เขาถึงได้ผ่อนความเร็วลง
ในขณะที่หลินเยว่กำลังจดจำความหนืดนั้นในใจของเขาก็ได้จดจำถึงชื่อราชวงศ์และชื่อรัชศกของแต่ละจักรพรรดิไปด้วย
ขณะที่หลินเยว่กำลังสาวเท้าเร็วๆ นั้นเขากลับหยุดชะงักชั่วครู่แต่วินาทีถัดไปเขาก็รีบวิ่งต่อไปด้วยความเร็วที่มากยิ่งขึ้น
จังหวะที่หยุดชะงักนั้น คือจังหวะที่หลินเยว่รู้ว่าสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กของเขากำลังจะรักษาไว้ไม่ได้แล้วเขาจะคงไว้ได้นานกว่านี้อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
สภาวะจิตสงบนิ่งต้องใช้พลังสมาธิพลังพิเศษตาทิพย์ก็ต้องใช้พลังสมาธิ แต่การใช้ทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการนำเลข1 บวกกับเลข 1 ได้แล้วผลลัพธ์ออกมาเป็เลข 2 แต่กลับต้องใช้พลังสมาธิมากขึ้นเป็เท่าตัว
ณ เวลานี้ หลินเยว่สามารถััได้ถึงพลังสมาธิของตนเองที่ค่อยๆลดลง ราวกับว่าเป็แหล่งน้ำที่มีช่องโหว่ขนาดใหญ่อีกทั้งช่องนี้กลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเกิดน้ำท่วมล้นทะลักได้ตลอดเวลา......
สุดท้ายหลินเยว่ก็หยุดชะงักอย่างรวดเร็วเขาพิงกับผนังแล้วค่อยๆ ทรุดตัวล้มลง
ในที่สุดเขาก็สำรวจครบแล้ว......
มุมปากของหลินเยว่ปรากฏรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความพอใจ
เขามีสีหน้าซีดขาว ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหลังพิงผนัง พร้อมกับหอบหายใจหนักๆ เมื่อเขาเริ่มฟื้นตัวกลับคืนมา เขาจึงค่อยๆคิดทบทวนความรู้สึกที่เขาได้รับจากหินพอร์ซเลนแต่ละก้อนอย่างช้าๆ
เขาคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า......
ครั้งแล้วครั้งเล่า......
ในที่สุด มุมปากของหลินเยว่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างเต็มที่หากไม่ได้เป็เพราะร่างกายของเขาไม่อำนวย อีกทั้งสถานที่ก็ไม่เหมาะสมแล้วเขาก็อยากจะร้องะโเสียงดังสักครั้งจริงๆ
ในที่สุดเขาก็สามารถจดจำความหนืดของหินพอร์ซเลนได้ครบทุกยุคทุกสมัยอย่างชัดเจนแล้วจริงๆ!!!
ดังนั้น เขาจึงเกิดความมั่นใจกับการแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบที่กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ แต่ทว่าก่อนจะไปถึงจุดนั้น เขาจำเป็ต้องไปลองทดสอบกับเครื่องเคลือบต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ในชั้นล่างเสียก่อนว่าเขาจะสามารถแยกออกได้หรือไม่หากสามารถใช้ระดับความหนืดเพื่อเป็การตัดสินว่าเครื่องเคลือบเ่าั้อยู่ในยุคสมัยไหนถึงจะเรียกได้ว่าภารกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้