บทที่ 3 ครอบครัวที่ล่มสลาย
ภาพใบหน้าของหลินเจิ้งซ้อนทับกับใบหน้าของมู่เฉิงเฟิงอย่างสมบูรณ์ในมโนสำนึกของมู่ชิงเหยียน น้ำตาที่ไหลรินมิใช่เพียงหยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอของร่างใหม่ แต่คือธารน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดบาปและความสูญเสียที่กัดกินจิติญญาของศัลยแพทย์หลินเยว่จนแหลกลาญ มือที่สั่นเทาของเธอยังคงยื่นค้างกลางอากาศ ราวกับพยายามจะไขว่คว้าเงาอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน
มู่เฉิงเฟิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาว เขาหลบสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนคู่นั้น ความละอายใจดั่งหนามแหลมทิ่มแทงใจจนต้องยกไหสุราขึ้นกรอกเข้าปากอีกครั้งเพื่อหลีกหนีความจริง
“เหยียนเออร์ เ้าเพิ่งฟื้น อย่าเพิ่งขยับตัวมากเลย”
ท่านย่าหลิวซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย พลางประคองหลานสาวให้นอนลงดังเดิม
ในวินาทีที่ศีรษะของเธอกระทบกับหมอนแข็งที่ยัดไส้ด้วยแกลบ ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้มันรุนแรงและชัดเจนราวกับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสมอง...
ภาพแรกคือความรุ่งโรจน์ของตระกูลมู่ในเมืองหลวงจินหลิง จวนสกุลมู่แม้ไม่ใหญ่โตเท่าจวนท่านโหว แต่ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องยาชั้นสูงและเสียงสรรเสริญของผู้คนที่มารอรับการรักษาไม่ขาดสาย มู่เฉิงเฟิง ในวัยหนุ่มผู้หล่อเหลาและสง่างามคือจุดศูนย์กลางของภาพนั้น เขาอยู่ในชุดหมอหลวงสีขาวสะอาด ใบหน้าคมคาย ดวงตาฉายแววอบอุ่นแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนราวกับสายลมแห่งวสันตฤดู แต่แววตากลับคมกริบและเปี่ยมด้วยสติปัญญา
เขาคือหมอหลวงมือฉกาจที่ได้รับการยกย่องจากทั่วทั้งแคว้นต้าเหวิน มีฝีมือการรักษาที่แม้แต่หมอหลวงาุโยังต้องคารวะ ชื่อของเขาเป็ที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ และผู้คนต่างยกย่องเขาว่าเป็ หมอเทวดา ผู้สามารถชุบชีวิตคนจากเงื้อมมือพญามัจจุราชได้นับครั้งไม่ถ้วน
ชีวิตในตอนนั้นช่างงดงามและเปี่ยมด้วยเกียรติยศ ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและคำชื่นชมของผู้คน... ช่างแตกต่างจากภาพที่เธอเห็นในตอนนี้ราวฟ้ากับเหว! ความรุ่งโรจน์ที่เคยมีบัดนี้กลับกลายเป็ความสิ้นหวังและความอัปยศที่กัดกินจิตใจของผู้ชายที่เธอรักเหมือนพ่อในโลกเดิม...
ภาพอดีตอันรุ่งโรจน์ของตระกูลมู่ที่เคยยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงจินหลิงเหมือนหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงความคิดของหลินเยว่
แต่แล้ว...ภาพนั้นก็ดับลงอย่างฉับพลัน
ภาพใหม่ปรากฏขึ้น...มันคือจุดเริ่มต้นของหายนะที่ทำให้ตระกูลมู่ต้องเผชิญหน้ากับความตกต่ำและอับอาย เซียวจิ่งเฉิน บุตรชายคนเล็กของ ท่านโหวจิ่งฮ่าว ล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ร่างกายของเขาอ่อนแอลงทุกวัน หมอหลวงหลายคนจนปัญญา มู่เฉิงเฟิง ถูกเรียกตัวเข้าไปรักษา เขาใช้ทุกวิถีทาง ทุกตำรับยาที่เขาร่ำเรียนมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายอาการของเซียวจิ่งเฉินกลับทรุดหนักลงจนขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึกและไม่อาจเดินได้อีกต่อไป
"หมอเทวดาหรือ? ก็แค่หมอกำมะลอ! เ้ารักษาลูกข้าจนพิการ! ตระกูลมู่ของเ้าต้องชดใช้!"
เสียงกัมปนาทแห่งความโกรธเกรี้ยวของ ท่านโหวเซียวหยวนโหว ยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำ ราวกับฟ้าร้องที่ผ่าลงกลางศีรษะ ภาพของบิดาที่คุกเข่าอ้อนวอน แววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเ็ปจากการถูกใส่ร้าย ความไร้เดียงสาของท่านฮ่องเต้ที่ถูกบีบคั้นจากอำนาจของจวนโหวที่ยิ่งใหญ่
ภาพแห่งการล่มสลาย... ราชโองการที่ถูกประกาศหน้าจวน ปลดมู่เฉิงเฟิงจากตำแหน่งแพทย์หลวง ริบทรัพย์สินทั้งหมด และเนรเทศตระกูลมู่ทั้งสายออกจากเมืองหลวงจินหลิงไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยอันห่างไกลและทุรกันดาร สายตาดูแคลนและคำซุบซิบนินทาของชาวเมืองที่เคยยกย่องสรรเสริญทิ่มแทงราวกับหอกดาบ
ความทรงจำของมู่ชิงเหยียนตัวจริงเต็มไปด้วยความเ็ป พ่อผู้เป็ดั่งดวงตะวันของนางดับแสงลง เขาทิ้งตำราแพทย์ ทิ้งเข็มเงิน โยนกล่องยาไม้จันทน์หอมที่เคยทะนุถนอมทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วหันไปหาเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า สุรา เขากลายเป็ชายขี้เมาที่สิ้นหวัง ปล่อยให้ภาระทั้งหมดตกอยู่บนบ่าของภรรยาและน้องสาวทั้งสาม
เมื่อความทรงจำจบลง มู่ชิงเหยียนก็รู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัวอย่างแรง ความเ็ปและความแค้นแล่นไปทั่วทั้งร่าง เธอเข้าใจแล้ว...เข้าใจแล้วว่าทำไมบิดาของร่างเดิมถึงได้หมดอาลัยตายอยากถึงเพียงนี้ และทำไมครอบครัวนี้ถึงได้ยากจนข้นแค้นอย่างถึงที่สุด...
แต่หลินเยว่จะยอมให้มันเป็แบบนี้ไม่ได้! เธอจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับบิดาของร่างนี้! เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำลายครอบครัวของเธอได้อีกแล้ว!
ภาพการเดินทางที่แสนลำเค็ญฉายชัดขึ้น สายตาเหยียดหยามของผู้คน เสียงก่นด่าสาปแช่ง ความอดอยาก และความสิ้นหวังที่ค่อยๆ กัดกินจิตใจของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะมู่เฉิงเฟิง ชายผู้เคยเป็ความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล บัดนี้กลายเป็คนขี้ขลาดที่หลบซ่อนตัวเองอยู่หลังไหสุรา เขาสูญสิ้นศรัทธาในวิชาแพทย์ สูญสิ้นความหวังในชีวิต
และแล้ว ความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ราวกับภาพวาดที่ค่อย ๆ ปรากฏบนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า นั่นคือเื่ราวของมารดา... ซูิเสวี่ย สตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาจากสรวง์ ความทรงจำของร่างเดิมเกี่ยวกับนางช่างเลือนราง ว่าท่านน้าเคยเล่าให้ฟังว่า บิดาพบท่านแม่ที่าเ็สาหัสอยู่ริมลำธาร ร่างกายเต็มไปด้วยาแ ศีรษะมีรอยถูกกระแทกอย่างรุนแรง และถูกพิษร้ายที่เกือบคร่าชีวิต บิดาในยามนั้นแม้จะสิ้นหวังแต่ก็ยังคงมีจิตใจของหมออยู่ เขาช่วยเหลือนางอย่างสุดความสามารถ จนนางรอดชีวิตมาได้ แต่ความทรงจำทั้งหมดกลับเลือนหายไป นางจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของตนเอง
ในคืนจันทร์เต็มดวงคืนหนึ่ง ท่ามกลางความสิ้นไร้ไม้ตอกและความเมามาย มู่เฉิงเฟิงได้ทำลายความบริสุทธิ์ของสตรีที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ ท่านน้าบอกว่า จำเสียงสะอื้นไห้แ่เบาของมารดาในคืนนั้นได้ติดหู หลังจากนั้นไม่นานผลลัพธ์ของคืนนั้นคือการถือกำเนิดของ มู่ชิงเหยียน และสายสัมพันธ์ที่ไม่สามารถตัดขาดได้ มู่เฉิงเฟิงสำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป เขาขอให้นางให้อภัยและรับนางเป็ภรรยาอย่างถูกต้อง นางรับปากด้วยความอ่อนโยน ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดมหันต์ เขาได้ความรักกลับมา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการทำให้สตรีที่บริสุทธิ์ต้องตกอยู่ในสถานะที่น่าละอาย นี่คือความลับที่ถูกซ่อนไว้ในความทรงจำของบิดา ผู้ที่รักมารดาอย่างสุดหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดในบาปที่ได้กระทำลงไป...แต่แล้วไม่นานท่านแม่ก็คลอดน้องชายและน้องสาวตามมา นางกลายเป็หญิงสาวธรรมดาที่อ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย แต่ดวงตากลับว่างเปล่าราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ไร้ิญญา
ความทรงจำทั้งหมดไหลบ่าเข้ามาและหยุดลง มู่ชิงเหยียนหอบหายใจหนักหน่วง เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว... เข้าใจความเ็ปและความสิ้นหวังของครอบครัวนี้อย่างถ่องแท้ พวกเขาไม่ได้ยากจนมาแต่กำเนิด แต่ถูกโชคชะตาและอำนาจที่มองไม่เห็นผลักไสให้ตกลงสู่หุบเหวที่ลึกที่สุด
เมื่อภาพความทรงจำทั้งหมดจางลง มู่ชิงเหยียน (หลินเยว่) ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทว่าแววตาของเธอมิได้สับสนอีกต่อไป มันกลับนิ่งสงบและเยือกเย็นดุจน้ำในบ่อลึก บัดนี้เธอเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง ทั้งความรุ่งโรจน์ ความตกต่ำ ความเ็ป และที่มาของครอบครัวที่แหลกสลายนี้
สัญชาตญาณของแพทย์ผู้ช่ำชองเริ่มทำงาน เธอกวาดสายตามองทุกคนในกระท่อมอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็การวินิจฉัย
มู่เฉิงเฟิง (บิดา) ไม่ใช่แค่คนติดสุราเรื้อรัง แต่ป่วยเป็โรคซึมเศร้ารุนแรง (Major Depressive Disorder) และมีความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่ะเืใจ (PTSD) ตับของเขาคงถูกทำลายไปมากจากพิษสุราที่ดื่มไม่ขาดสาย ร่างกายขาดสารอาหารอย่างหนักจนผ่ายผอม แต่าแที่ร้ายแรงที่สุดคือาแในใจที่กัดกินเขาจนหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงและความหวัง
ซูิเสวี่ย (มารดา) อาการความจำเสื่อมจากการาเ็ที่สมอง (Traumatic Brain Injury) มีอาการาเ็ที่สมองอย่างรุนแรงร่วมกับผลข้างเคียงของพิษที่ไม่รู้จัก ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบประสาทจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายของนางอ่อนแอและซีดเซียว บ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางและขาดสารอาหารเรื้อรัง ดวงตาที่ว่างเปล่าของนางไม่ใช่แค่อาการทางจิต แต่เป็สัญญาณของสมองส่วนความทรงจำที่ถูกตัดขาดการเชื่อมต่ออย่างสิ้นเชิง
มู่ชิงเหยียนหันไปมองสองชีวิตน้อยๆ ที่นอนหลับใหลอยู่ข้างกัน มู่เจ๋ออวี่ น้องชายวัย 8 ขวบ ร่างกายของเขาผอมเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ใบหน้าซูบตอบ แต่ดวงตายังคงมีประกายแห่งความอยากรู้อยากเห็นและความฉลาดเฉลียวที่ฉายออกมาอย่างเด่นชัด เขาคือความหวังเล็กๆ ที่ยังไม่มอดดับของครอบครัว
มู่หร่วนชิง: เด็กหญิงวัย 5 ขวบที่นอนหลับอยู่ข้างน้องชาย ร่างเล็กจ้อยแต่กลับมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงกว่าที่ควรจะเป็ นี่อาจเป็ลักษณะพิเศษบางอย่างที่ต้องจับตาดู
ท่านปู่ ท่านย่า และเหล่าอาสาว: ทุกคนมีอาการของภาวะขาดสารอาหารเรื้อรัง ความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานหนัก และความเครียดที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจอย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่แค่ครอบครัวที่ยากจน แต่เป็กลุ่มผู้ป่วยที่้าการรักษาอย่างเร่งด่วน!
***ไรท์เปิดเื่ใหม่ กดหัวใจ คอมเมนต์ เพิ่มเข้าชั้น เป็กำลังให้ไรท์ลุยด้วยนะเ้าคะ *****