จากดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ย นางเห็นการยั่วยุ การประชดประชันและความมุ่งมั่น
นางจะสื่อถึงอะไร?
จ้าวอิ้งเสวี่ยกำลังหัวเราะเยาะเย้ยนาง หัวเราะเยาะเย้ยตระกูลหนานกงงั้นหรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรีบเก็บความทุกข์ในใจนาง
และนางเพิ่งประกาศว่า...
ชาตินี้ทั้งชาติจะครองคู่เป็สามีภรรยาตลอดไป ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้?
จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นี้...
เหนียนเฉิงเอ๋ยเหนียนเฉิง เขาไปยั่วโทสะคนที่ไม่ควรอย่างแท้จริง!
ทุกคนล้วนได้ยินคำประกาศของจ้าวอิ้งเสวี่ย สีหน้าฉายอารมณ์ต่างกันไป และทุกคนต่างรู้ดีว่าการขัดแย้งกันของจวนเหนียน ไม่มีทางสงบได้ตลอดกาล
ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอมาพบจิ้นหวางเฟย แต่เมื่อทุกอย่างจบลง พวกนางเรียกจ้าวอิ้งเสวี่ยและจิ้นหวางเฟยกลับไปที่เรือนหรูอี้
ฉางไทเฮาไม่ได้ตามไป ทุกคนรู้ว่านางมาที่นี่เพื่อดื่มชากับฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนในวันนี้ หลังจากที่ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอจากไป นางจึงเดินตามฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกลับไปที่หอหย่างซิน
เื่ที่หนานกงเยวี่ยต้องประสบเมื่อครู่นี้ ทำให้ในใจนางรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออก นางไม่ได้กลับหอหล่านเยวี่ย ทว่าเลือกที่จะไปหออี๋ชุนของเหนียนเฉิง
บรรดาเหล่าฮูหยินที่ได้รับเชิญมาที่นี่ ต่างยืนกระจัดกระจายอยู่ในสวน ไม่มีผู้ใดออกมาต้อนรับ ทว่ายังไม่มีผู้ใดรีบร้อนจากไป เหนียนเย่าเฝ้ามอง ทว่ามิอาจขับไล่แขกออกไปอย่างโจ่งแจ้งได้ เขาจึงทำได้เพียงสั่งให้อนุทั้งสามไปทักทายแทน
จวนเหนียนวันนี้ไม่ได้มีเื่คึกคักเช่นนี้มานานแล้ว เพิ่งจะได้เห็นงิ้วสนุกๆ สวีหว่านเอ๋อร์และลู่ซิวหรงจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ซิวหรง ตอนนี้นางได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย
หึ เพียงแต่วิธีนี้...เมื่อนึกถึงจ้าวอิ้งเสวี่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ซิวหรงพลันกดลึกขึ้นเล็กน้อย
จ้าวอิ้งเสวี่ยร้ายกว่าที่นางคิด และท่าทีของฮองเฮาอวี่เหวินกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอในวันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าปกป้องท่านหญิงอิ้งเสวี่ย สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร
ลู่ซิวหรงไม่ได้โง่ นางรู้ว่าการเลือกพึ่งต้นไม้ต้นนี้ของตนในวันนี้ไม่ได้เลือกผิด!
สวีหว่านเอ๋อร์ใบหน้าแย้มยิ้มมีความสุข ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ
ไม่กี่วันก่อน หนานกงเยวี่ยขอให้นางไปที่เรือนหรูอี้เพื่อขอร้องท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ในสายตาของท่านหญิงอิ้งเสวี่ย นางจะเห็นว่าตัวเองเป็คนของหนานกงเยวี่ยหรือไม่?
ความคิดนั้นไหลเวียนอยู่ในใจของนาง และนางก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เื่ราวในวันนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจว่า ความสัมพันธ์เฉกเช่นศัตรูระหว่างจ้าวอิ้งเสวี่ยและหนานกงเยวี่ย เกรงว่ามันคงจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด และนาง...
ไม่...ไม่ได้ นางต้องหาทางไม่ให้ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเข้าใจนางผิด แม้นางจะมิได้นับให้ตนกลายเป็คนของนาง ทว่าก็ไม่มองนางเป็พวกของหนานกงเยวี่ย มิเช่นนั้นตัวนางที่อยู่ตรงกลาง ยากจะหลีกเลี่ยงประหนึ่งปลาในบ่อ
และคุณหนูรอง...
ดูเหมือนว่านางเองก็ต้องทำงานหนักขึ้นเช่นกัน
ในใจเหล่าอนุมีความคิดต่างๆ มากมายแตกต่างกันไป มีเพียงอนุเซวียอวี่โหรวที่จิบชาอย่างเงียบๆ มิอาจอ่านอารมณ์ในดวงตาคู่นั้นออกได้แม้สักนิด
หออี๋ชุน
หนานกงเยวี่ยเข้าไปในห้องของเหนียนเฉิง บางทีอาจเพราะต้องทนทุกข์จากความเ็ปมากเกินไป ยามนี้เหนียนเฉิงจึงได้สลบไสลหมดสติประหนึ่งไร้ชีวิต มาตรว่าจะไร้ซึ่งสติ ทว่าคิ้วคู่นั้นยังคงขมวดแน่น จมูกบิดเบี้ยว ใบหน้ายับย่น มีอาการกระตุกบ้างเป็บางครั้ง
“จ้าวอิ้งเสวี่ย...” หนานกงเยวี่ยกัดฟัน สีหน้าแววตาประหนึ่งคิดอยากเข่นฆ่าคน “เป็เพราะหญิงสารเลวโเี้นางนั้น ปริมาณยาที่ข้าให้ เห็นได้ชัดว่าไม่ถึงกับทำให้เฉิงเอ๋อร์ต้องทรมานเ็ปเช่นนี้ ต้องเป็เพราะนางยื่นมือยื่นเท้าเข้ามายุ่ง นางคิดจะฆ่าเฉิงเอ๋อร์ ช่างโเี้...ช่างโเี้เสียจริง!”
แววตาของหนานกงเยวี่ยลุกวาวอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือตบลงบนขอบเตียงอย่างรุนแรง ความเกลียดชังสะสมอยู่ในใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
“หุบปาก” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงถือไม้เท้าเดินเข้ามา ไล่คนรับใช้ในห้องที่คอยปรนนิบัติออกไปทันที นางปรายสายตามองหนานกงเยวี่ยอย่างดุร้าย ครั้นทุกคนออกไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจึงกล่าวต่อ ทว่ากลับกดน้ำเสียงให้ต่ำลง “เ้าคิดว่าปัญหายังไม่ใหญ่พออีกหรือ ตอนนี้ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหออยู่ในเรือนหรูอี้ด้านข้าง”
ร่างกายของหนานกงเยวี่ยชะงักไปทันที ดวงตาลุกวาวอย่างใ นางเกือบจะสูญเสียความรู้สึกเมื่อเห็นเฉิงเอ๋อร์ในสภาพเช่นนี้
เรือนหรูอี้และหออี๋ชุนถูกกั้นด้วยกำแพง หากเสียงดัง อย่างไรก็ย่อมต้องได้ยินอย่างชัดเจน
เพียงแต่…
“ท่านแม่ ข้าไม่ยอม วันนี้ข้าวางแผนอย่างดีแล้ว อีกนิดเดียวก็จะทำให้การหย่าของเฉิงเอ๋อร์กับจ้าวอิ้งเสวี่ย นางคนสารเลวนั่นสมเหตุสมผลขึ้นมาได้แล้ว ทว่าตอนนี้…” หนานกงเยวี่ยจงใจกดเสียงของนาง ทว่าความขุ่นเคืองและไม่พอใจบนใบหน้านั้น กลับไม่ได้ลดต่ำลงตามเสียงเลยสักนิด
"เ้านี่ช่างเลอะเลือน!" ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก พลางหาเก้าอี้นั่ง "เ้าเอาเฉิงเอ๋อร์เข้าไปเสี่ยงได้อย่างไร? ถ้าหาก..."
ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกำลังกล่าว ดวงตาของนางเริ่มดำมืดขึ้นเรื่อยๆ หากปริมาณยาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในวันนี้ เกรงว่าชีวิตของเหนียนเฉิงคงจะได้แตกดับไปด้วย
ดูเหมือนว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยไม่ได้วางแผนหมายเอาชีวิตเหนียนเฉิง!
มาตรว่านางจะไม่ได้หมายเอาชีวิตของเหนียนเฉิง ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่านางเป็คนใจอ่อน
เมื่อนึกถึงสายตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อครู่นี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงหรี่ตาลงเล็กน้อย “เยวี่ยเอ๋อร์เอ๋ยเยวี่ยเอ๋อร์ เ้าฉลาดและสุขุมอยู่เสมอ ทว่าคราวนี้พลาดแล้วจริงๆ เ้าไม่ควรประมาทจ้าวอิ้งเสวี่ย!”
ในใจหนานกงเยวี่ยสั่นไหว นางเข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง
“ใช่ ข้าประเมินนางต่ำไป ข้าประเมินนางต่ำไปจริงๆ” หนานกงเยวี่ยพึมพำ นางคิดไม่ถึงว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยจะมีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น “โชคดี...โชคดีที่ข้าออกตัวยอมรับ มิเช่นนั้นชื่อเสียงของอีหลานคงย่อยยับแน่แล้ว”
หนานกงเยวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลับกันฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก
"เ้าคิดว่าฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเชื่อข้อแก้ต่างของเ้าจริงหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเหลือบมองหนานกงเยวี่ย คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
หนานกงเยวี่ยใ หันมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงโดยไม่รู้ตัว "เหตุใด...เหตุใดจะไม่เชื่อเล่า"
“หึ สตรีผู้สูงศักดิ์ทั้งสามที่มาเยือนที่นี่ในวันนี้ พวกนางไม่ได้โง่เขลา ในวังหลวงมีบรรดาสนมชายามากมาย เ้าเคยได้ยินเื่ที่เอ่ยว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงโปรดปรานพระชายาคนใดเป็พิเศษหรือไม่ หึ มิใช่เพราะฮ่องเต้และฮองเฮามีสัมพันธ์รักที่ลึกซึ้ง ทว่าเป็เพราะเล่ห์เหลี่ยมของฮองเฮาผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด ฉางไทเฮาอีกคน นางออกบวชครึ่งปี ท่าทีสงบนิ่งไม่ใคร่สนชื่อเสียงเงินทองหรือแก่งแย่งชิงอำนาจ หากนางเป็เช่นนั้นจริง วันนี้ก็คงไม่ตามข้ามายังจวนเหนียนลุยน้ำลุยโคลนพวกนี้หรอก ส่วนองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นางเป็คนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือฮ่องเต้รัชสมัยปัจจุบัน พวกเขาต่างก็รักใคร่เอ็นดูน้องสาวคนนี้มาก พวกนางล้วนหาเื่วุ่นวายตลอด แม้ว่าจะเชื่อข้ออ้างของเ้า ทว่าในสายตาของฮองเฮาอวี่เหวิน รอยด่างพร้อยที่ว่าอีหลานวางยาพิษพี่ชายตนเอง เกรงว่าจะไม่ได้ลบเลือนหายไปด้วย”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของหนานกงเยวี่ยยิ่งเปลี่ยนแปลง สีหน้าตื่นตระหนกในทันที “ท่านแม่ ท่านว่าควรทำอย่างไรดี? อีหลานของพวกเราจะต้องได้เป็มู่หวางเฟย หากไม่ผ่านบรรทัดฐานของฮองเฮาอวี่เหวิน เช่นนั้น...”
"มู่หวางเฟย..." ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขบเคี้ยวคำนี้ แฝงนัยไม่ชัดเจน
การกระทำของฉางไทเฮาในวันนี้ ยิ่งทำให้นางรู้สึกระแวดระวังขึ้นมา สตรีผู้ไม่ใคร่สนใจเงินทองหรือแก่งแย่งชิงอำนาจผู้นั้น นางจะเต็มใจยอมรับเื่ที่บุตรชายของตนจะเป็เพียงองค์ชายไร้แก่นสารไร้อำนาจใดๆ ไปตลอดชีวิตได้งั้นหรือ?
เกรงว่า...คงจะไม่มีผู้ใดยอมสละตำแหน่งนั้นอย่างเต็มใจแน่
ครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงสูดหายใจลึก ครั้นนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นว่า "อีหลานเล่า?"