“โอ้โฮ น้องสะใภ้ บ้านเธอเนี่ยต้มโจ๊กข้นเสียจริง บ้านฉัน่นี้กำลังขาดแคลนเสบียงอยู่พอดี ฉันขอยืมหน่อยสิ อีกสองวันแบ่งจ่ายผลิตผลแล้วจะเอามาคืน!” ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งตาแหลม เมื่อมองเห็นชามโจ๊กแป้งข้าวโพดที่เจิ้งหยวนเพิ่งดื่มในพริบตา ก็หมุนตัวมาขอยืมเสบียงทันที
คุณแม่เธอเป็คนที่คุยง่าย หลายครั้งหลายคราที่ทนป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งรบเร้าขอยืมไม่ไหว แต่เจิ้งหยวนไม่ได้ใจดีขนาดนั้น เธอยิ้มเยาะก่อนพูด “ป้าสะใภ้ เสบียงที่บ้านคุณยืมไปเมื่อปีก่อนคืนเมื่อไรเหรอคะ? ก่อนหน้านี้คุณก็บอกว่าแบ่งธัญพืชแล้วจะคืนให้ ธัญพืชแบ่งกันมาตั้งนานนมแล้ว ยังไม่เห็นคุณคืนข้าวมาเลยสักเม็ดเดียว”
หากแต่ว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งเองก็เป็คนหน้าหนาเหมือนกัน “นี่ ทำไมลูกสาวเธอพูดจาแบบนี้ล่ะ? ญาติกันมีใครลำบากแล้วไม่ยอมช่วยบ้าง? เธอจำแต่บ้านฉันยืมเสบียงได้ยังไง? ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะมายืมเสบียงบ้านเธอเหรอ? ดูสิ โจ๊กบดที่เธอดื่มข้นเสียขนาดนั้น! เธอปล่อยลุงใหญ่ ปล่อยลูกพี่ลูกน้องหิวแฟล้วตัวเองอยู่ดีกินดีเหรอ?”
เจิ้งหยวนยิ้มแต่กลับฉายความขุ่นเคืองอย่างชัดเจน “ป้าสะใภ้ ญาติผู้พี่กับพี่ชายฉันอายุเท่ากันนี่? ทำไมไม่เห็นเขาลงทำนาแลกแต้มบ้างเลยล่ะ? ี้เีเองก็อย่ามาโวยวายว่าไม่มีอันจะกินสิ แล้วยังจะจ้องตีเนียนขอชาวบ้านชาวช่องเขากินฟรีอีก? มิน่าล่ะถึงสู่ขอสะใภ้ไม่ได้สักที!” ญาติผู้พี่เธอคนนี้ถูกป้าสะใภ้ใหญ่ตามใจจนเสียคน ไม่เอาการเอางานั้แ่เล็ก ทำงานทีก็ได้แต้มน้อยที่สุดตลอด ทั้งยังไม่เสมอต้นเสมอปลาย เป็คนี้เีสันหลังยาวเลื่องชื่อของกองหยางหลิวเลยก็ว่าได้
ด้วยเพราะป้าสะใภ้ใหญ่เกลียดคนว่าลูกชายคนโตสู่ขอสะใภ้ไม่รอดที่สุด เพราะความอับอายเลยพยายามจะเข้ามาตีเธอให้ได้ แต่โดนคุณแม่ดึงไว้ ป้าสะใภ้ใหญ่จึงโต้กลับ “นั่นเพราะญาติผู้พี่แกสุขภาพอ่อนแอต่างหาก? เขาแต่งเมียไม่ได้แกก็ยังหน้าชื่นตาบาน ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ต้องพูดจาร้ายกาจขนาดนี้ด้วยเหรอ!”
เจิ้งหยวนยังคงไม่ยอมแพ้ “อะไรกัน ยังไม่ยอมรับความจริงอีก? ทุกวันญาติผู้พี่เขา…”
“พอแล้ว สงบปากหน่อย!” เฉินชุ่ยอวิ๋นตวาดขัดคำพูดของเจิ้งหยวน และเคาะโต๊ะ “รีบดื่มซะ ขนาดกินอยู่ก็ยังปิดปากแกไม่ได้เลย!”
เจิ้งหยวนเบะปากแล้วหยุดพูด ก้มหน้าก้มตาดื่มโจ๊กของตนเอง แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตายั่วยุให้ป้าสะใภ้ใหญ่เป็พักๆ ทำป้าสะใภ้ใหญ่โกรธจัด จะไม่โกรธได้หรือ? นับั้แ่เจิ้งหยวนรู้ความ เธอก็ยืมเสบียงจากบ้านรองเจิ้งไม่ได้อีก หรือต่อให้ยืมได้ ก็โดนเจิ้งหยวนเอะอะจนทั้งในกองรู้กันทั่ว เมื่อถึงเวลาแบ่งผลิตผล เจิ้งหยวนก็ยังมาทวงเสบียงถึงบ้านทันทีอีก! เด็กสาวนิสัยอย่างนี้ หากไม่หมั้นหมายล่วงหน้า ใครจะกล้าตบแต่งกัน!
เมื่อนึกถึงการหมั้น ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งระงับเพลิงโทสะในอกชั่วคราว เธอกลอกตามองผ่านรอยแดงบนข้อมือที่เผยออกมานอกร่มผ้าของเจิ้งหยวนแล้วเอ่ยขึ้น “หลานสาวฉัน วันนี้เธอมีปากเสียงกับพ่ออีกแล้วใช่ไหม?”
เจิ้งหยวนดื่มโจ๊กบดอึกหนึ่ง พลางตอบรับด้วยเสียงในลำคอ ก่อนสบตาป้าสะใภ้ใหญ่ “ทำไมคะ ฉันโดนพ่อสั่งสอนประจำอยู่แล้วนี่คะ?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งสีหน้าระรื่น “เกี่ยวกับสัญญาหมั้นของสกุลเฝิงนั่นหรือเปล่า?” เธอรู้ดีว่าเจิ้งหยวนไม่เต็มใจแต่งเข้าสกุลเฝิงั้แ่เด็ก! มักทำหน้าถมึงทึงใส่ทุกคนที่พูดถึงสกุลเฝิง วันนี้น้องชายสามีลงไม้ลงมือ ต้องมีบางอย่างที่ทำให้เขาโกรธเกิดขึ้นแน่!
เจิ้งหยวนไม่ตอบ อยากฟังว่าเธอจะพูดอะไร
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งปรบมือแล้วเอ่ยขึ้น “หากเธอไม่อยากแต่งไปสกุลเฝิง ป้าสะใภ้มีวิธีนะ!”
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่หมายความว่ายังไง!” เฉินชุ่ยอวิ๋นร้อนรน กว่าลูกสาวจะเปลี่ยนใจได้นั้นไม่ง่ายสักนิด เธอยังจะมายุยงอีก! เฉินชุ่ยอวิ๋นขวางข้างหน้าเจิ้งหยวน ก่อนดึงเสื้อป้าสะใภ้ใหญ่แล้วเอ่ย
“ไปๆๆ พี่ไม่ได้มายืมเสบียงหรอกเหรอ ไปห้องครัวกับฉัน…”
“แม่!” เจิ้งหยวนเริ่มกระวนกระวายบ้างแล้ว ใกล้ถึง่เก็บเกี่ยวในฤดูร้อนแล้ว ตอนนี้ทุกครัวเรือนต่างขาดเสบียง ให้ป้าสะใภ้ใหญ่ไปบ้านเธอจะเอาอะไรกิน? อาหารในมิติเธอก็หยิบมาใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้!
ไม่คาดคิดว่าคราวนี้ป้าสะใภ้ใหญ่จะไม่รีบแจ้นไปหยิบเสบียง เธอกลับสลัดเฉินชุ่ยอวิ๋นออก ก่อนพูดว่า “เด็กหนุ่มสกุลเฝิงคนนั้นใกล้สามสิบแล้ว แต่งกับใครล้วนเหมือนกัน ฉันว่าหากเธอไม่อยากแต่ง ก็ยกการแต่งงานนี้ให้เสี่ยวสยาสิ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้