“ในเมื่อเ้าไม่เป็ไร ก็ไม่ต้องตามข้าแล้ว” เย่เฟิงกล่าวกับจูเชวี่ยเว่ย
สาเหตุที่เย่เฟิงช่วยจูเชวี่ยเว่ยไว้ตอนนั้น นั่นก็เพราะจูเชวี่ยเว่ยเป็คนเดียวในบรรดาสี่มหาองครักษ์แห่งอาณาจักรเว่ยที่ไม่คิดจะฆ่าเขา แต่นางต้องเชื่อฟังคำสั่ง จึงลงมือทำร้ายเย่เฟิง ในความเป็จริงตอนนั้นจูเชวี่ยเว่ยก็ชื่นชมนิสัยและพลังของเย่เฟิงพอสมควร
“คุณชายเย่ช่วยชีวิตข้า ข้าย่อมติดตามข้างกายเพื่อตอบแทนบุญคุณ”
เมื่อจูเชวี่ยเว่ยเห็นเย่เฟิงจะจากไป นางก็รีบพูดขึ้นมาด้วยความร้อนใจ หลังจากได้อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ความสามารถและลักษณะนิสัยของเย่เฟิงก็เอาชนะใจนางได้ นางจึงยินดีติดตามอยู่ข้างกาย
“ไม่จำเป็ ด้วยพร์ของเ้า อนาคตย่อมดีกว่านี้แน่นอน” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มให้จูเชวี่ยเว่ย ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
จูเชวี่ยเว่ยเห็นเย่เฟิงจากไปอย่างไม่ลังเล นางก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอเย่เฟิงอีกเมื่อไร
“ไอ้หนู บิดาว่านางหนูนั่นไม่เลวเลย ทำไมเ้าไม่เก็บนางไว้เล่า?”
หลังจากเย่เฟิงออกมา เสียงของราชันมารชื่อเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ติดตามข้า มีแต่จะปิดกั้นความสามารถของนาง” เย่เฟิงกล่าว เขานั้นชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมานานแล้ว
“บุรุษมักมีกิเลสตัณหามิใช่เด็กไร้เดียงสา! ในอดีตบิดามีภรรยาหลวงและเมียน้อยเป็จำนวนมาก บัดนี้มาติดตามเ้า อย่างน้อยเ้าก็ต้องเอาเยี่ยงเอาอย่างบิดาสิ” ราชันมารชื่อเทียนกล่าว
พลันรอยหยักสองสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของเย่เฟิง แต่เย่เฟิงไม่สนใจราชันมารชื่อเทียน เมื่อลงเขาก็ตรงกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทันที ส่วนพวกตู๋กูหนานไม่ได้ไล่ตามมา เห็นชัดว่าถูกพลังของหอกมารสยบจนไม่กล้าตามมา
เมื่อเย่เฟิงกลับถึงสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็บำเพ็ญตบะทันที เขาเพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 7 ตบะยังไม่เสถียรภาพดี เย่เฟิงจึงใช้เวลาสามวันเต็มจนตบะเสถียรภาพ จากนั้นก็เริ่มฝึกเคล็ดวิชา ซึ่งเคล็ดวิชาที่เย่เฟิงฝึกถึงระดับสูงมี เคล็ดวิชาหอกเงินประกาย ทักษะหอกปลิดชีวี ฝ่ามือภูผาพิฆาต และทักษะหล่อิญญา
ส่วนเคล็ดวิชาที่ยังฝึกไม่สำเร็จมี เคล็ดวิชาหล่อกายาเทพาขั้นที่สาม เก้าวัชรหุนหยวนขั้นที่สาม วิชากลมารขั้นที่สองระดับกลาง ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อขั้นที่สาม
ดังนั้นเย่เฟิงจึงใช้เวลาอีกเจ็ดวันในการฝึกสี่เคล็ดวิชานี้ ซึ่งมันถูกยกระดับขึ้นไม่น้อย และพลังต่อสู้ของเขาก็เสถียรภาพมากขึ้นกว่าเดิม
“พรึ่บ!” พลันผลึกิญญาปรากฏในมือของเขาเย่เฟิง
“ถึงเวลาหลอมเ้าแล้ว!”
เย่เฟิงระบายยิ้มขณะมองผลึกิญญาในมือ ั้แ่ที่เขาชิงผลึกิญญาก้อนนี้มาจากพวกหยวนป้าเทียนที่เทือกเขาเทียนซี เขาก็ยังไม่มีเวลาหลอมมัน
บัดนี้งานชุมนุมหวงปั่งใกล้เข้ามาแล้ว เย่เฟิงจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้หลอมผลึกิญญา เพื่อให้คุณสมบัติร่างเปลี่ยนไปบริสุทธิ์ขึ้น หากหลอมของสิ่งนี้สำเร็จลุล่วง พลังต่อสู้ของเย่เฟิงจะต้องถูกยกระดับไปอีกขั้นอย่างแน่นอน
ขณะนั้นพลังหยวนมารวมตัวที่ฝ่ามือของเย่เฟิง ก่อนจะห่อหุ้มผลึกิญญา ซึ่งในพลังหยวนยังผสานด้วยพลังธาตุไฟ มันค่อย ๆ หลอมละลายผลึกิญญา จนกระทั่งกลายเป็ของเหลวสีใส
จากนั้นเย่เฟิงผสานมือ ทันใดนั้นของเหลวสีใสกลายเป็หยดเล็ก ๆ เหมือนเข็ม ก่อนจะกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกายและค่อย ๆ แทรกซึมเข้าร่างกายผ่านรูขุมขนผ่านชั้นิั มันไหลเวียนไปทั่วเส้นเื พลันพลังธาตุไฟเดือดพล่านในเส้นเืแล้วหลอมละลายของเหลวผลึกิญญาเล็ก ๆ พวกนั้น
เพื่อที่จะทำให้ร่างกายบริสุทธิ์และดีขึ้น กระบวนการหลอมต้องใช้ความระมัดระวังเป็พิเศษ หากประมาทเพียงนิดเดียว ประสิทธิผลของผลึกิญญาก็จะถูกทำลายทันที
เย่เฟิงปลดปล่อยพลังจิตเต็มที่ โดยไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย เป็เช่นนี้สามวันติด จนในที่สุดก็หลอมผลึกิญญาเสร็จสิ้นและยังเป็การหลอมที่สมบูรณ์แบบ
บัดนี้ของเหลวผลึกิญญาผสานเป็หนึ่งกับเส้นเืของเย่เฟิง ต่อไปสิ่งที่เขาต้องทำก็คือโคจรพลังหยวนสนับสนุนในการทำให้ของเหลวผลึกิญญาบริสุทธิ์เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนร่างกายของตน
การทำให้บริสุทธิ์ก็คือการกำจัดสิ่งสกปรกส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
เมื่อร่างกายบริสุทธิ์และผ่านการปรับเปลี่ยน ร่างกายจะเชื่อมกับฟ้าดินได้ดียิ่งขึ้น มันจะเพิ่มความสามารถของร่างกาย ฝึกเคล็ดวิชาต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ลดอุปสรรคในการบำเพ็ญเพียร และเพิ่มพูนพร์
ในขณะที่เย่เฟิงปรับเปลี่ยนร่างกายผ่านของเหลวผลึกิญญา กองกำลังต่าง ๆ ในเมืองหลวงก็เริ่มเคลื่อนไหว
งานชุมนุมหวงปั่งใกล้เข้ามา กองกำลังทั่วทั้งอาณาจักรจ้าวต่างส่งตัวแทนมาที่เมืองหลวง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานชุมนุมหวงปั่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน
อย่างไรก็ตามเื่ที่สามตระกูลปิดล้อมเย่เฟิงที่ยอดเขาัคชสารเมื่อหลายวันก่อน กลับมีน้อยคนที่พูดถึง เห็นชัดว่าสามตระกูลจงใจปิดข่าวนี้ ถึงอย่างไรหากเื่ที่ผู้นำสามตระกูลถูกเย่เฟิงทำร้ายแพร่งพรายคงอับอายขายหน้ามากเป็แน่
ขณะเดียวกันมีข่าวหนึ่งแพร่มาจากวังหลวงว่าเมื่อสามวันก่อนองค์ชายเว่ยฉีเทียนกลับไปที่อาณาจักรเว่ย ภายในวันเดียวกันนั้นทางราชวงศ์จ้าวก็ได้จดหมายสู่ขอมาจากราชวงศ์เว่ยทันที
ผู้ที่ถูกสู่ขอก็คือองค์หญิงจ้าวซินอี๋ ส่วนฝ่ายชายคือเว่ยฉีเทียน
ข่าวนี้ทำวังหลวงเกิดความผันผวนไม่น้อย แม้แต่องค์าาแห่งอาณาจักรจ้าวยังให้ความสำคัญ
อย่างไรก็ตามการสู่ขอครั้งนี้มีความหมายแอบแฝงอย่างแน่นอน ทุกคนต่างทราบกันดีว่าเว่ยฉีเทียนเป็บุตรคนเล็กขององค์าาแห่งอาณาจักรเว่ย มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ส่วนจ้าวซินอี๋คือสาวงามแห่งอาณาจักรจ้าว ไม่เพียงแต่มีสวยงดงาม แต่ยังมีพร์ที่ร้ายกาจ
ดังนั้นการที่อาณาจักรเว่ยให้องค์ชายผู้ฉาวโฉ่มาสู่ขอสาวงามแห่งอาณาจักรจ้าว ถือว่าเป็การดูิ่อาณาจักรจ้าว แต่ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรเว่ยมิใช่สิ่งที่อาณาจักรจ้าวจะทัดเทียมได้ หากปฏิเสธไปตรง ๆ เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรจะแย่ลง
เมื่อพิจารณาถึงแรงกดดันจากหลาย ๆ ด้าน องค์าาแห่งอาณาจักรจ้าวจึงตัดสินใจให้จ้าวซินอี๋แต่งเข้าอาณาจักรเว่ย เช่นนี้แล้วทั้งสองอาณาจักรก็จะปรองดองกัน ถือว่าเป็ประโยชน์ต่ออาณาจักรจ้าวในอนาคต
หลาย ๆ คนได้ยินข่าวนี้พากันถอนใจ แม้องค์หญิงจะสวยและโดดเด่น แต่อนาคตก็ทำได้เพียงเป็เครื่องมือความสัมพันธ์ทางการเมือง นี่ก็เป็ความโศกเศร้าของหญิงสาวหลายคนที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ พวกนางมักจะตัดสินด้วยตัวเองไม่ได้
แต่ครั้งนี้เป็ตาขององค์หญิงจ้าวซินอี๋ผู้เป็ขวัญใจของชาวอาณาจักรจ้าว ทำให้หลาย ๆ คนอดเสียใจไม่ได้
“สำเร็จแล้ว!”
ภายในห้องของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เย่เฟิงถอนใจยาว หลังจากพยายามมาหลายวัน ในที่สุดเขาใช้พลังสุดท้ายของผลึกิญญาปรับเปลี่ยนร่างกาย และทำให้ร่างกายบริสุทธิ์เสร็จสมบูรณ์
ตอนนี้มีของเหนียวสีดำติดตามร่างกายของเย่เฟิง ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นออกมา
“สิ่งนี้น่าจะเป็สิ่งสกปรกในร่างกายข้า!” เย่เฟิงพึมพำ จากนั้นอาบน้ำชำระล้างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดใหม่ ทำให้เย่เฟิงรู้สึกสดชื่นมากราวกับทุกรูขุมขนกำลังหายใจ
หลังจากร่างกายบริสุทธิ์ขึ้น ความสามารถทุกด้านของเย่เฟิงก็ก้าวหน้าอีกครั้ง จนตอนนี้เขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ได้อย่างง่ายดาย แม้จะเจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 บางทีเขาอาจจะเอาชนะก็เป็ได้
“เหลืออีกสามวันก็จะถึงวันงานชุมนุมหวงปั่ง ไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นจะเป็อย่างไรบ้าง?”
จู่ ๆ ภาพฉินเยียนหรานปรากฏขึ้นในหัวของเย่เฟิง พอไม่ได้เจอกันนาน มันก็ทำให้เขาคิดถึงหญิงผู้นั้นอยู่หน่อย ๆ
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้เขาก็เดินออกจากห้อง มุ่งไปยังที่พักของฉินเยียนหรานทันที แต่กลับพบว่าฉินเยียนหรานไม่อยู่
แต่เมื่อเขาจะหมุนตัวเดินออกไป จู่ ๆ เงาร่างงดงามก็ปรากฏตัวต่อสายตาของเย่เฟิงทันที
วันนี้ฉินเยียนหรานสวมอาภรณ์สีแดงเพลิงโดยสลักลวดลายหงส์แดงไว้ ด้วยเหตุนี้เรือนร่างและผิวพรรณของนางจึงถูกขับให้เด่นขึ้นกว่าปกติ
ริมฝีปากแดงระเรื่อ คอยาวระหง เนินอกอวบอิ่ม เอวคอด ขาเรียวยาว ทุกส่วนของร่างกายนางเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
เมื่อฉินเยียนหรานเห็นเย่เฟิงอยู่ในลานที่พักของตน รอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้านางทันที แต่จากนั้นท่าทีนางเปลี่ยนไปเป็ขุ่นเคือง
“เ้ารู้จักมาหาข้าด้วยหรือ?” ฉินเยียนหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ประหนึ่งนางเป็ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เจอคนรักมาหลายวัน
“่นี้มีหลายเื่เกิดขึ้น เยียนหราน เ้าสบายดีไหม?” เย่เฟิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นท่าทีของฉินเยียนหราน
“ข้าสบายดี มีเสี่ยวไป๋อยู่เป็เพื่อน ก็เลยผ่านมาได้ด้วยดี”
ฉินเยียนหรานทำทีกลอกตามองบน แต่มือพลางลูบขนปีศาจน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“ไม่คิดว่าเ้าตัวเล็กจะหนีไปอยู่กับเ้า มันคงไม่ได้สร้างปัญหาให้เ้าใช่ไหม!”
เย่เฟิงเห็นปีศาจน้อยในอ้อมกอดของฉินเยียนหรานก็อดเกาศีรษะไม่ได้ ระยะนี้เขายุ่งมาก จึงไม่มีเวลาสนใจเ้าตัวเล็ก กระทั่งลืมการมีอยู่ของเ้าตัวเล็ก ถือว่าเ้าตัวเล็กโชคร้ายมากที่ติดตามเ้านายอย่างเขา
“หึ!”
ฉินเยียนหรานได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงเ็า แล้วพูดขึ้นว่า “เ้าพาเสี่ยวไป๋มาจากเขาเทียนเสวียน แต่กลับไม่สนใจมัน เ้าคนไร้ความรับผิดชอบ!”
