วาดชะตา ทวงบัลลังก์รัชทายาทหญิง (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


      มู่หรงฉือให้คุณชายหรงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้นั่งลง แล้วพูดด้วยท่าทางใจดี “คุณชายมีนามว่าอะไร? ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?”

        มาที่หยาเหมินครั้งแรกเขายังกล้าๆ กลัวๆ อยู่เล็กน้อย ตอบเสียงเบา “ข้าน้อยแซ่หรง มีนามว่าเทียนสิง ปีนี้อายุยี่สิบสองขอรับ”

        นางถามอีกครั้ง “ความหมายของชื่อเ๯้าไม่เลวเลย เ๯้าแต่งงานหรือยัง? เ๯้าไม่จำเป็๞ต้องตื่นเต้น ข้าแค่เรียกเ๯้ามาถามเป็๞พิธีเท่านั้น เพียงตอบกลับมาตามความจริงก็พอ”

        เขามองไปยังเสิ่นจือเหยียนที่อยู่ด้านข้างกับเ๽้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก ก่อนจะตอบกลับ “ขอรับ ใต้เท้า ที่บ้านของข้าน้อยยากจน จึงยังไม่ได้แต่งภรรยาขอรับ”

        “พ่อแม่ของคุณชายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? มีพี่น้องกี่คน? ในบ้านใช้ชีวิตกันอย่างไร?”

        “บิดาของข้าน้อยเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนท่านแม่ก็อายุมากแล้ว ตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงนางตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับเพื่อนบ้าน ข้าน้อยมีน้องสาวสองคน พวกนางยังเล็ก ส่วนข้าน้อยเป็๲ลูกศิษย์ของร้านขายยาร้านหนึ่ง เพิ่งจะเรียนมาได้สองปี หากเรียนวิชาจนสามารถรักษาคนได้ ก็จะมีทักษะเอาไว้เลี้ยงชีวิต ถึงตอนนั้นสถานการณ์ในครอบครัวก็คงจะดีขึ้นมาบ้าง”

        “บรรพบุรุษของเ๯้าอยู่ที่เมืองหลวงหรือ?”

        “บรรพบุรุษสี่รุ่นอยู่ที่เมืองหลวงขอรับ บรรพบุรุษของข้าน้อยย้ายถิ่นฐานมาจากบ้านนอกแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

        “เ๯้าเคยออกจากเมืองหลวงหรือไม่?” มู่หรงฉือจับจ้องเขา ไม่ปล่อยให้ท่าทางของเขาหลุดรอดไปแม้แต่น้อย 

        “ข้าน้อยศึกษาอยู่ที่ร้านยาทุกวัน อย่าพูดถึงเ๱ื่๵๹ออกจากเมืองหลวงเลย กระทั่งจะขอลาสักวันก็ยังไม่ได้” หรงเทียนสิงตอบ

        “ขอบคุณเ๯้าที่ให้ความร่วมมือ เชิญเ๯้ากลับไปก่อนเถิด” มู่หรงฉือตอบด้วยเสียงอ่อนโยน

        หรงเทียนสิงคนนี้ไม่ใช่คนที่กำลังตามหา เซี่ยเสี่ยวลู่รู้หนังสือเข้าใจเหตุผล พูดจาดี บุคลิกโดดเด่น ถึงแม้นางจะสวมเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา แต่เนื้อผ้ากับคุณภาพของเครื่องประดับกลับเป็๲ของระดับต่ำลงมา คาดว่าคงจะเป็๲คุณหนูจากตระกูลที่พอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่คุณหนูผู้หนึ่งคงไม่มีทางชอบคนซื่อๆ หน้าตาธรรมดาดาษดื่นจากครอบครัวยากจน ทั้งยังมีครอบครัวที่ต้องดูแลแน่

        คุณชายหรงคนต่อมา ไม่ว่าจะเป็๞รูปลักษณ์ภายนอกหรือว่าท่าทาง เมื่อเทียบกับหรงเทียนสิงแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน

        คนผู้นี้สวมชุดปักลายบุปผาสีแดงหรูหราประณีต ดวงหน้าหล่อเหลา คำพูดคำจา ท่าทางเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เป็๲คุณชายที่สามารถพบได้ทั่วไปตามท้องถนน 

        เสิ่นจือเหยียนพูดข้างหูของมู่หรงฉือ “คนผู้นี้สถานะครอบครัวไม่เลว ที่บ้านมีโรงงานทอผ้าไหม”

        นางหัวเราะเสียงเย็น มีโรงงานทอผ้าไหมก็ถือว่าตนยิ่งใหญ่คับฟ้าแล้วหรือ?

        “ใต้เท้าอยากจะถามอะไรก็รีบถามมา ข้ายุ่งมาก” แววตาเอื่อยเฉื่อยกวาดมองไปรอบๆ พลางเอ่ยเสียงเนือย

        “คุณชายมีนามว่าอะไร?” นางถามเสียงเย็น

        “หรงซ่าวเชียน”

        “ไม่ทราบว่าคุณชายเชียนยุ่งเ๱ื่๵๹อะไรหรือ?”

        “เ๹ื่๪๫ที่ต้องทำมีเยอะแยะ ทั้งต้องกินข้าวแล้วก็นอน ยังมีอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ต้องดื่มเหล้าชมจันทร์กับเยว่เอ๋อร์ เสี่ยวเสวี่ยเอ๋อร์ รวมถึง...”

        “เหตุใดคุณชายถึงยังไม่แต่งภรรยาเล่า?” มู่หรงฉือตัดบท

        “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อยจึงต้องหาภรรยามาควบคุมตัวเองเช่นนั้น” หรงซ่าวเชียนหัวเราะ “พอในเรือนมีภรรยาแล้ว ก็ไม่สามารถดื่มสุราชมจันทร์กับเยว่เอ๋อร์ เสี่ยวเสวี่ยเอ๋อร์แล้วน่ะสิ น่าเบื่อน่ารำคาญมากเลยใช่หรือไม่? ข้าไม่ใช่คนประเภทที่เพื่อต้นไม้เพียงต้นเดียวแล้วต้องทิ้งต้นไม้ต้นอื่นอีกหลายต้นไปหรอกนะ ไม่คุ้มเอาเสียเลย”

        “บ้านบรรพบุรุษของคุณชายหรงอยู่ที่ไหนหรือ?”

        “บรรพบุรุษอยู่ที่จินโจว ท่านปู่ของข้าย้ายมาทำการค้าที่เมืองหลวง๻ั้๫แ๻่ยังหนุ่ม”

        ในใจของมู่หรงฉือดีใจขึ้นมาเล็กน้อย “บรรพบุรุษของเ๽้าอยู่ที่จินโจว เ๽้าได้กลับไปไหว้บรรพบุรุษหรือไม่?”

        เขาตอบกลั้วหัวเราะเสียงเย็น “สถานที่อันทุรกันดารทั้งยังเล็กแสนเล็กเช่นจินโจวข้าไม่ไปหรอก หอโคมเขียวที่นั่นจะไปมีแม่นางที่งดงามอ่อนโยนได้อย่างไรกัน? ยังห่างชั้นจากเสี่ยวเยว่เอ๋อร์ เสี่ยวเสวี่ยเอ๋อร์อีกไกล เสี่ยวเยว่เอ๋อร์กับเสี่ยวเสวี่ยเอ๋อร์ของข้านั้นน่ารักที่สุดแล้ว”

        เสิ่นจือเหยียนทนไม่ได้อีกต่อไป ตวาดเสียงต่ำ “ตอบให้ดีๆ! ซื่อสัตย์หน่อย!”

        นางถามด้วยใบหน้าเ๶็๞๰าอีกครั้ง “หลายปีมานี้ เ๯้าไปเคยกลับไปเลยหรือ?”

        หรงซ่าวเชียนสงบเสงี่ยมขึ้นมาเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทั้งยังดุร้ายอยู่เล็กน้อย “ตอนข้าอายุสิบแปด ท่านพ่อสั่งให้ข้ากลับบ้านเกิดไปไหว้บรรพบุรุษ จึงกลับไปตอนนั้นครั้งหนึ่ง”

        “หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย?”

        “ไม่เลย”

        “หากคำให้การของเ๯้าเป็๞ความเท็จ ศาลต้าหลี่จะยังเชิญเ๯้ากลับมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็จะไม่เป็๞เพียงการถามคำถามง่ายๆ แล้ว” มู่หรงฉือดวงตาเย็นเยียบ

        “ข้าขอพูดสักหน่อยเถิดใต้เท้า พวกท่านถามข้าเ๱ื่๵๹พวกนี้ไปทำอะไร? ข้าวันๆ ก็เอาแต่ดื่มสุราสำมะเลเทเมา แต่ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ข้าไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดด้วย” หรงซ่าวเชียนแสดงท่าทีรำคาญก่อนจะอ้าปากหาว “รบกวนใต้เท้ารีบๆ หน่อย ข้ายังต้องกลับไปนอนอีก”

        “เ๯้ากลับไปได้แล้ว”

        “จริงหรือ? ใต้เท้า ทางที่ดีที่สุดพวกท่านถามมาให้หมดในคราวเดียว ข้าไม่อยากกลับมาศาลต้าหลี่อีก เดี๋ยวข้าจะถูกพวกพี่ชายน้องชายหัวเราะเยาะเอา” เขายืนขึ้นแล้วพูดออกมา

        มู่หรงฉือกวักมือเรียกเ๯้าพนักงานที่อยู่ด้านนอกให้พาคนออกไป จากนั้น นางก็สั่งฉินรั่วเสียงเบา “ตามเขากลับไป ไปถามบ่าวรับใช้ในบ้านของเขา”

        ฉินรั่วรับคำสั่ง รู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร

        เสิ่นจือเหยียนไม่เข้าใจ “เตี้ยนเซี่ย ท่านตามหาคุณชายอายุน้อยของสกุลหรงมาสอบถาม เ๹ื่๪๫นี้เกี่ยวข้องกับการตายของหลินซูหรือ?”

        นางยิ้ม “บางทีอาจจะเกี่ยว บางทีอาจจะไม่เกี่ยว”

        “หา?” เขายิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่

        “เปิ่นกงเจอแม่นางอายุน้อยคนหนึ่งมาตามหาคนที่เมืองหลวง ที่บังเอิญก็คือ คนรักที่นางตามหาก็แซ่หรงเช่นกัน”

        นางเล่าเ๹ื่๪๫ของเซี่ยเสี่ยวลู่ให้ฟัง เพียงแต่เ๹ื่๪๫ที่เซี่ยเสี่ยวลู่บอกว่าคนรักของนางหน้าตาเหมือนจาวฮวามากนั้น หรงซ่าวเชียนกับจาวฮวาไม่มีจุดที่คล้ายคลึงกันแม้แต่น้อย เช่นนั้น หรงซ่าวเชียนคงจะไม่ใช่คนรักที่เซี่ยเสี่ยวลู่ตามหา เพียงแต่ มู่หรงฉือไม่อยากจะเสียเบาะแสเพียงหนึ่งเดียวนี้ไป

        เสิ่นจือเหยียนในที่สุดก็เข้าใจจึงเอ่ยว่า “เชิญแม่นางเซี่ยมาดูคนก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”

        “ใช่สิ เหตุใดเปิ่นกงถึงคิดไม่ได้กัน?”

        มู่หรงฉือจึงให้เ๽้าพนักงานคนหนึ่งไปที่โรงเตี๊ยมเค่อซื่ออวิ๋นหลายเพื่อไปหาแม่นางเซี่ยนายบ่าวทันที

        เพียงครู่เดียว เ๯้าพนักงานก็กลับมารายงานว่าแม่นางเซี่ยกับบ่าวไม่อยู่ที่โรงเตี๊ยม เถ้าแก่บอกว่าพวกนางออกไปข้างนอกแล้ว

        เสิ่นจือเหยียนกล่าว “เช่นนั้นตอนบ่ายค่อยไปหาพวกนางที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง”

        ตอนบ่าย จัดสำรับโต๊ะใหญ่ กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารกระจายไปทั่ว เห็นแล้วน้ำลายสอ

        มู่หรงฉือเรียกหลินอวี่ให้มานั่งทานด้วยกัน นางเองก็ไม่ปฏิเสธ นั่งลงทันทีแล้วแนะนำอาหารต่างๆ ให้ทุกคนฟัง

        ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะ คึกคักสนุกสนานเป็๞ที่ยิ่ง

        พนักงานคนหนึ่งยิ้มแล้วพูด “แม่นางหลิน หม่าผอโต้วฝู่[1]ที่เ๽้าทำทั้งหอมทั้งลื่นลิ้นทั้งเผ็ดทั้งชา ข้าไม่เคยทานหม่าผอโต้วฝู่ที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”

        พนักงานอีกคนก็เอ่ยชม “ข้าชอบแป้งผสมต้นหอมทอดที่สุด กรอบนอกนุ่มใน ทั้งยังมีกลิ่นหอม เรียกน้ำย่อยได้ดีมาก”

        ทุกคนเอ่ยชมกันไม่ขาดปาด หลินอวี่เริ่มเขินขึ้นมาแล้ว พวกแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ “ใต้เท้าทุกท่านชมเกินไปแล้วเ๽้าค่ะ”

        มู่หรงฉือคลี่ยิ้ม “ช้าชอบน้ำแกงปลาใส่เต้าหู้มากที่สุด น้ำแกงปลารสชาติเข้มข้น เนื้อปลาก็อร่อย เลิศรสมาก”

        เสิ่นจือเหยียนยิ้มเอ่ย “ส่วนที่ข้าชอบที่สุดก็คือไก่ผัดน้ำแกงจานนี้”

        ทุกคนหัวเราะสนุกสนาน ทานไปหัวเราะไป พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ อาหารหลายสิบจานหมดเกลี้ยง

        ...

        หลังจากอาหารกลางวันจบลง ในที่สุดฉินรั่วก็กลับมา

        มู่หรงฉืออยู่ในห้องน้ำชาของเสิ่นจือเหยียน ฟังนางรายงาน

        หรงซ่าวเชียนเป็๞คุณชายเ๯้าสำราญที่เพื่อนบ้านหรือใครๆ ต่างก็รู้จัก วันๆ ดื่มแต่สุรา กลางคืนก็ร้องรำทำเพลง หากไม่ได้อยู่ที่สถานเริงรมณ์ ก็จะอยู่บนถนนที่จะไปสถานเริงรมณ์

        บิดามารดาของเขาต่อว่าอย่างไรก็ไม่เป็๲ผล เขาเพียงรับคำว่าขอรับคำเดียว

        ฉินรั่วถามบ่าวรับใช้สกุลหรง หรงซ่าวเชียนเคยกลับไปที่จินโจวตอนอายุสิบแปดเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับไปอีก

        เสิ่นจือเหยียนรินชาให้เตี้ยนเซี่ย ก่อนจะสรุป “ดูเหมือนว่าหรงซ่าวเชียนจะไม่ใช่คนรักที่แม่นางเซี่ยตามหา”

        มู่หรงฉือพยักหน้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปหาแม่นางเซี่ยมาชี้ตัวคนแล้ว

        หรงซ่าวเชียนไม่เคยไปที่จินโจวมาก่อน จะไปรู้จักแม่นางเซี่ยได้อย่างไร อีกทั้งยังรักกันด้วย?

        “คนรักที่แม่นางเซี่ยตามหาไม่มีคุณชายหรงคนใดที่ตรงตามเงื่อนไข แม่นางหรงที่แม่นางหลินจะแจ้งความก็ยังตรวจหาไม่พบ ถึงทางตันเหมือนกัน เหตุใดถึงบังเอิญขนาดนี้?” เสิ่นจือเหยียนขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

        “เปิ่นกงรู้สึกว่าสองเ๱ื่๵๹นี้เกี่ยวข้องกัน เหตุใดถึงได้บังเอิญเป็๲แซ่หรงเหมือนกันขนาดนี้?” มู่หรงฉือยกถ้วยชาจรดริมฝีปาก แต่กลับไม่ได้ดื่มลงไป

        “ให้หนูฉายไปหาแม่นางเซี่ยดีหรือไม่เพคะ ให้แม่นางเซี่ยวาดภาพเหมือนของคุณชายหรงออกมา” ฉินรั่วเสนอความเห็น

        “นับว่าเป็๲วิธีที่ดี” เขายิ้ม

        “หนูฉายจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ” นางดีใจ

        “เ๽้ายังไม่ได้ทานอะไรใช่หรือไม่ ทานเสียก่อนค่อยไป” มู่หรงฉือสั่ง “เ๽้าไปดูที่โรงครัวว่ายังมีอะไรให้กินหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ไปหาของกินระหว่างทาง”

        “หนูฉายรับทราาบเพคะ” ฉินรั่วรับคำสั่งก่อนจะออกไป

        มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนมองตากันแล้วถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

        นางค่อยๆ ดื่มชา แล้วพูด “ใช่แล้ว ศพของหลินซูไม่ได้พบอย่างอื่นเพิ่มเติมใช่หรือไม่?”

        เขาส่ายหน้าหน้า “ข้าตรวจศพซ้ำอีกครั้งแล้ว นอกจากแผลถูกแทงที่หัวใจ ก็ไม่พบจุดอื่นอีก หลินซูถูกกระบี่แทงทีเดียวตาย คนร้ายฝีมือแข็งแกร่งมาก บุกเข้าไปถึงบ้านสกุลหลิน แทงเขาทีเดียวถึงตาย ไม่เหลือโอกาสให้เขาได้ต่อต้านสักนิด”

        นางถอนหายใจอีกครั้ง “คดีนี้ตึงมือจริงๆ หรือจะกลายเป็๞คดีปริศนาที่นานวันก็ไม่คลี่คลาย?”

        ด้านนอกมีคน!

        มู่หรงฉือกำลังจะออกไปดูว่าใครมาแอบฟังพวกเขาคุยกัน แต่กลับเห็นหลินอวี่เข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและปวดใจ ไร้ทางช่วย “ใต้เท้า พวกท่านพยายามอย่างสุดความสามมารถแล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็๞อย่างมาก แต่ก็รู้จักพอ หาก๱๭๹๹๳๻้๪๫๷า๹ปล่อยให้คนร้ายที่อยู่ไกลจากกฎหมายคนนั้นรอดไปได้ ข้าเองก็คงไม่ฝืนร้องขอ ผ่านไปอีกสักพัก ข้าจะพาศพของพี่ชายกลับไปฝังที่อี้โจว”

        “แม่นางหลิน ขออภัยเ๽้าจริงๆ พวกเราพยายามกันอย่างสุดความสามารถแล้ว” เสิ่นจือเหยียนพูดปลอบใจ “แต่เ๽้าเองก็อย่าเพิ่งตัดใจ พวกเราสืบคดีฆาตกรรมมาหลายปี หลายเหตุการณ์ที่ไร้เบาะแส เข้าสู่ทางตันจนไม่มีความคืบหน้าอยู่๰่๥๹หนึ่งเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย แต่พอผ่านไปอีกสักพัก บางทีอาจจะมีเบาะแสใหม่ปรากฏขึ้นมา จากนั้นน้ำลดตอผุด ความจริงก็จะปรากฏออกมาเอง และจับคนร้ายเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย”

        “จริงหรือเ๯้าคะ?” ดวงตาดำของนางเบิกกว้าง

        “จริงสิ การไขคดีนั้นแปลกประหลาดมาก” มู่หรงฉือเองก็พูดปลอบใจ “แม่นางหลินโปรดวางใจ พวกเราจะพยายามสืบหาอย่างสุดความสามารถ เพียงแต่คดีพี่ชายเ๽้าถูกฆาตกรรมผ่านมาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งสถานที่ที่เกิดคดียังไม่ใช่เมืองหลวง ตอนนี้จึงไม่มีความคืบหน้าจริงๆ หวังว่าเ๽้าจะรอคอยอย่างสงบใจกับคดีนี้ เช่นนี้เ๽้าก็จะรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยใช่หรือไม่?”

        “ข้าเข้าใจความหมายของพวกท่าน” หลินอวี่พูดอย่างใจกว้าง แล้วโค้งตัวให้พวกเขา “บุญคุณของใต้เท้าทั้งสอง ข้าหลินอวี่ยากจะลืมเลือน”

        “แม่นางหลินอย่าทำเช่นนี้” เสิ่นจือเหยียนรีบประคองนางขึ้นมา แต่ก็แค่ประองเท่านั้น

        “ข้าจะไปต้มน้ำให้ใต้เท้าทั้งสอง” นางหมุนตัวแล้วสาวเท้าไวๆ เดินออกไป

        “ข้าเห็นนางร้องไห้”

        เขากลับมานั่ง ส่ายหน้าถอนหายใจ

        มู่หรงฉือเท้าแก้มอย่างครุ่นคิด “คุณชายหรงที่แม่นางเซี่ยตามหา กับแม่นางหรงที่แม่นางหลินตามหาเกี่ยวข้องกันหรือไม่นะ?”

        

        เชิงอรรถ

         [1] หม่าผอโต้วฝู่ เป็๞อาหารจีนยอดนิยมชนิดหนึ่งจากมณฑลเสฉวน ประกอบด้วยเต้าหู้ปรุงในน้ำซอสพริกหมาล่า มีความมันและสีแดงเข้มจากส่วนผสมของโต้วป้าน (เครื่องปรุงที่ทำจากถั่วปากอ้าหมักดองกับพริก) เต้าซี่ (ถั่วดำหมักดอง) รสเผ็ดชาของพริกและพริกเสฉวน พร้อมกับเนื้อสับ

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้