เพียงไม่นาน ชายชุดดำหลายคนก็บุกเข้ามา ทันทีที่พวกเขาเห็นฮูหยินโจว เซียวโหรวเอ๋อร์ ก็คิดจะสังหาร ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ตอนเด็กๆ เซียวโหรวเอ๋อร์เคยร่ำเรียนวิชาป้องกันตัวเล็กๆ น้อยๆ มาจากบิดา ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดที่จะสังหารเหล่าคนชุดดำนี้ได้ แต่ก็ยังสามารถพอจะหลบหลีกได้บ้าง
ขณะเดียวกันนั้น ในห้องขังของผู้บัญชาการเซียวเองก็มีคนชุดดำเข้ามามากมายยิ่งกว่าในห้องขังของผู้เป็บุตรสาว และในตอนที่สองพ่อลูกกำลังจะสู้ไม่ไหว เซียวโหรวเอ๋อร์ก็ถูกกระบี่แทงเข้าไปหนึ่งแผลพร้อมๆ กับที่เงาร่างของคนในชุดขาวสองสามร่างปรากฏขึ้นในห้องขัง พวกเขาเข้าสู้กับคนชุดดำเ่าั้ ก่อนที่สองคนในกลุ่มจะถือโอกาส่ชุลมุนเข้าช่วยเซียวโหรวเอ๋อร์และผู้บัญชาการเซียวให้ออกไป
นอกเมือง ภายในรถม้าคันหนึ่ง ผู้บัญชาการเซียวจดจ้องบุตรสาวที่กำลังเสียเืมากอย่างอดรนทนไม่ไหว ขอบตาเขาแดงก่ำพลางคิดไปว่า มิคาดตนที่พยายามอย่างหนักเพียงเพื่ออยากเห็นบุตรสาวมีชีวิตที่ดี แต่แล้วในวันนี้เขากลับต้องมาดูนางตายในอ้อมแขนตน?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกไม่ยินยอม “โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์ เ้าอย่าทำให้พ่อใสิ ลืมตาขึ้นมามองพ่อสักหน่อยเถิด”
ไม่นานหลังจากนั้น ด้านนอกก็มีคนเลิกม่านรถม้าขึ้นแล้วเดินเข้ามา ผู้บัญชาการเซียวมองผู้มาใหม่ด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย ชายชุดขาวหัวเราะหึหึ “หากพวกเรา้าชีวิตของพวกเ้า คงไม่ลำบากช่วยออกมาแต่แรกหรอก”
“พวกเ้าเป็ผู้ใดกัน” ผู้บัญชาการเซียวมองชายชุดขาวที่อำพรางใบหน้าอยู่ จากนั้นจึงถามเสียงขรึม ขณะเดียวกันความรู้สึกลึกๆ ในใจเองก็กำลังบอกเขาว่า ชายผู้นี้ดูคุ้นนัก แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเป็ผู้ใด
ชายชุดขาวพูดเรียบๆ “เ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าตัวข้านี้คือผู้ใด แต่สิ่งที่เ้าควรรู้ก็คือ พวกเราไม่ได้ช่วยเ้าเปล่าๆ แน่”
“เช่นนั้นเ้าคิดจะทำอันใด” ผู้บัญชาการเซียวปิดตาลงแล้วถาม เขาเองก็รู้ดีว่าโลกใบนี้คงไม่มีเื่ดีเพียงนั้น
ชายชุดขาวเม้มริมฝีปากยิ้ม “ก่อนที่เ้าจะได้รู้ว่าข้า้าอันใด ข้าจะให้คนมาตรวจรักษาให้บุตรสาวเ้า ทำแผลให้นางก่อนเถอะ มิเช่นนั้น สิ่งที่ข้าสู้อุตส่าห์ทำไปอย่างยากลำบากเพื่อช่วยพวกเ้าออกมานั้น จะได้ไม่คุ้มเสีย”
เมื่อเสียงของเขาเงียบลง ผู้บัญชาการเซียวก็เห็นสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา นางมองไปยังชายชุดขาว “คุณชาย ผู้บัญชาการเซียว เชิญพวกท่านทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อนเถิด ข้าจะได้รักษาให้คุณหนูเซียว”
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ในวัดร้างแห่งหนึ่ง ผู้บัญชาการเซียวจ้องรถม้าด้วยท่าทีร้อนรนราวกับไม่อาจทนรอได้อีกแม้เพียงจิบชา เพราะด้านในนั้นมีคนในครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวของเขาอยู่
“พูดมาเถิด ตกลงเ้า้าอันใดจากตัวข้า ขอแค่พวกเ้ารักษาชีวิตบุตรสาวข้าได้ ตัวข้าก็ยินดีที่จะให้เ้าทุกอย่าง” ผู้บัญชาการเซียวสีหน้าดำคล้ำ ตอนนี้สิ่งที่เขา้าเพียงอย่างเดียวก็คือ การทำให้บุตรสาวรอดปลอดภัย ส่วนสิ่งอื่นใดที่นอกเหนือจากนั้นล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว
ชายชุดขาวหัวเราะหึหึออกมา “มิน่าเล่าทุกคนต่างก็พูดกันว่า ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ใต้เท้าเซียวนั้นรักบุตรสาวยิ่ง ดูท่าว่าคำเล่าลือนี้จะเป็จริงสินะ”
“อย่าพูดจาให้มากความ พวกเ้า้าอะไรกันแน่? ” เขาไม่อยากจะมาพูดจาไร้สาระอยู่กับชายชุดขาวที่นี่อีกแล้ว
ชายชุดขาวมองไปยังผู้บัญชาการเซียว จากนั้นจึงถามขึ้น “ได้ยินมาว่า ตระกูลเซียวของเ้ามีหญ้าเฟิ่งกู่พันปีอยู่ช่อหนึ่ง”
ผู้บัญชาการเซียวหันกายไปมองชายชุดขาว เขาขมวดคิ้ว ถามเสียงขรึม “เ้า้าหญ้าเฟิ่งกู่? ”
“ถูกต้อง ข้าอุตส่าห์ลำบากเพื่อช่วยพวกเ้าออกมา อีกทั้ง ตอนนี้ยังให้คนมารักษาบุตรสาวให้เ้าอีก ดังนั้น สิ่งที่ข้า้าย่อมต้องมีค่าเสมือนกัน นั่นก็คือหญ้าเฟิ่งกู่ของตระกูลเซียว” หญ้าเฟิ่งกู่ที่อาจเรียกได้ว่า ต่อให้ปรารถนาอย่างไรก็ยากจะได้มา แต่ตัวเขาไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้มันมา
ผู้บัญชาการเซียวหัวเราะหึหึเ็า “เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ หญ้าเฟิ่งกู่นี้นับเป็ของที่บรรพบุรุษตระกูลเซียวรุ่นแล้วรุ่นเล่ามอบต่อๆ กันมา หากเ้าคิดจะอยากได้หญ้าเฟิ่งกู่ ก็ฝันไปเถอะ” หญ้าเฟิ่งกู่นั้นเป็สิ่งลึกลับที่สุดที่อยู่ในตระกูลเซียว และคนที่รู้เื่นี้ก็มีไม่มาก มิคาดคนตรงหน้าจะถึงกับรู้เื่หญ้าเฟิ่งกู่ของตระกูลเซียวด้วย ทั้งยังคิดจะใช้บุญคุณมาบังคับให้พวกเขายอมมอบหญ้าเฟิ่งกู่ให้ น่าขันสิ้นดี
เมื่อชายชุดขาวได้ยินก็หัวเราะเ็า “หากบอกว่าเซียวชุนเซิงเป็คนโง่เง่า ประโยคนี้นับว่าไม่ผิดเลยสักนิด ตอนนี้ตระกูลเซียวของเ้าถูกคนทำให้ต้องรับเคราะห์ไปด้วย ต้องถูกปะาถึงสามชั่วโคตร ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เ้ายังคิดว่าตนจะสามารถปกป้องหญ้าเฟิ่งกู่เอาไว้ได้อีกหรือ? แล้วไหนจะมือสังหารในวันนี้อีก เ้าไม่ระแวงสงสัยอันใดเลยหรือ”
เซียวชุนเซิงหัวเราะเ็าสองเสียง “ยังต้องสงสัยอีกหรือ? คนพวกนั้นจักต้องเป็คนขององค์ชายสี่ หรือไม่ก็หานอ๋องเป็แน่ เพราะคนคนนั้นจิตใจเ้าเล่ห์มาแต่เล็กแต่น้อย ต่อให้ยามนี้จะถูกส่งไปอยู่หานโจวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรคนก็ไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบแน่ ดังนั้น หากจะบอกว่าเื่การฆ่าล้างตระกูลเซียวของข้านี้ เขาไม่ได้ยื่นมือเข้ามาแทรกด้วยละก็ ตัวข้าเซียวชุนเซิงไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ”
พระโอรสสายตรงของฮ่องเต้ อาจารย์คนแรกของเด็กคนนั้นจะเป็ผู้ใดได้ล่ะ? หึหึ เด็กที่คนคนนั้นสั่งสอนมา หากว่าเป็คนที่มีความคิดธรรมดา เขาก็ควรจะโขกหัวให้ตายไปเลย เพราะหลิ่วเก๋อเหล่าถือเป็จิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่ง หลายปีมานี้ถึงแม้คนจะไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ความมืดดำในท้องเขาเล่า ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะคอยวางแผนให้หานอ๋องอยู่เื้ัอีกหรือไม่?
“หึหึ ครั้งนี้เ้าคิดผิดไปแล้วกระมัง ตอนนี้หานอ๋องกำลังปวดใจเพราะเื่ภรรยาของเขาอยู่ ย่อมไม่มีเวลามาสนใจคนเยี่ยงเ้าหรอก ส่วนหลิ่วเก๋อเหล่าเองก็กำลังกังวลใจแทบแย่ เพราะเื่ของบุตรชายคนเล็ก ดังนั้น เื่ลอบสังหารพวกเ้าในครั้งนี้มิได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างแน่นอน”
เมื่อฟังคำพูดของชายชุดขาวจบ เซียวชุนเซิงก็เงียบขรึมไป หากไม่ใช่พวกเขา แล้วจะเป็ใครไปได้อีก?
“ตัวเ้ารู้เื่มากเกินไป ดังนั้น นับแต่ต้นจนถึงตอนนี้ คนที่จะไม่ยินยอมให้เ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นย่อมมิใช่หานอ๋องและหลิ่วเก๋อเหล่า” เมื่อพูดจบ ชายชุดขาวก็เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างม้าตัวหนึ่ง จากนั้นจึงพลิกกายขึ้นหลังม้าไป เขามองลงมาจากข้างบน สายตาตกอยู่บนร่างของเซียวชุนเซิง โดยไม่คิดถามอันใดทั้งสิ้น เพราะแม้เซียวชุนเซิงผู้นี้จะไม่ได้ฉลาดมาก แต่ตัวเขาที่ช่วยบอกใบ้เพียงนี้แล้ว คนก็น่าจะทายถูกได้แล้วกระมัง
ในตอนนี้เอง สตรีปิดหน้าที่เข้าไปรักษาอาการให้เซียวโหรวเอ๋อร์ก็เดินออกมาพอดี นางมองไปยังบุรุษที่นั่งอยู่บนหลังม้า “คุณชาย เกรงว่าเด็กในครรภ์ของคุณหนูเซียวจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อีกประการ ในร่างนางต้องพิษร้ายแรง หากไม่รีบถอนพิษนี้ภายในสองเดือน คุณหนูเซียวก็อาจไม่สามารถรักษาชีวิตตนต่อไปได้”
เมื่อผู้บัญชาการเซียวได้ยิน ร่างใหญ่หนาก็โซเซไปสองสามก้าว “เ้าว่าอันใดนะ? บุตรสาวข้าจักต้องตายอย่างนั้นหรือ? ”
“ถูกต้อง หากภายในสองเดือนนี้นางไม่ได้รับการถอนพิษ ไม่ว่าอย่างไรก็จักต้องตาย” สตรีปิดหน้าพูดเรียบๆ เพราะเื่ที่เด็กในท้องเซียวโหรวเอ๋อร์ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างน่าอนาถนั้น นางไม่สนใจแม้แต่น้อย
“หาวิธีรักษาชีวิตเด็กในครรภ์ของนางไว้ให้ได้ก่อน ส่วนแม่เด็กก็ต้องพยายามรักษาชีวิตไว้ให้ได้” ชายชุดขาวขมวดคิ้ว
เมื่อสตรีปิดหน้าได้ยินก็รีบคุกเข่าลงบนพื้น “วิชาแพทย์ของผู้น้อยไม่ได้เก่งกาจ หาก้าปกป้องชีวิตของทั้งแม่และเด็กในท้อง เกรงว่าจะมีวิธีเดียว คือต้องไปหาอวิ๋นซานที่โรงหมออวิ๋นซานในหานโจว มิเช่นนั้น ต่อให้เป็หัวหน้าสำนักหมอหลวงก็ไม่มีทางช่วยชีวิตพวกนางสองแม่ลูกไว้ได้”
“หึหึ” ชายชุดขาวหัวเราะเรียบเฉย “บังเอิญจริงๆ ไปหานโจวตามหาอวิ๋นซาน” เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปยังเซียวชุนเซิงที่ิญญาหลุดลอยไปแล้ว “จะเลือกเช่นไรล้วนอยู่ที่ตัวเ้าแล้ว เวลาของเรามีไม่มาก เพราะคนพวกนั้นสังหารเ้าไม่สำเร็จ ไม่ช้าไม่นานจักต้องส่งคนมาเพิ่มอีกเป็แน่ และหากข้าไม่ได้ในสิ่งที่้า เช่นนั้นตัวข้าก็ย่อมไม่มีความจำเป็ให้ต้องไปมีปัญหากับคนผู้นั้น เพื่อช่วยเหลือพวกเ้าอีกต่อไป ข้าว่า ความเ้าเล่ห์และฝีมือของเขา ตัวเ้าย่อมรู้ดี”
ชายชุดขาวพูดจามีเลศนัยชวนให้เซียวชุนเซิงผลักความสงสัยทั้งหมดไปที่รัชทายาท
“หากว่า ข้าตกลงมอบหญ้าเฟิ่งกู่ให้เ้า เ้าจะพาพวกเราไปยังหานโจวใช่หรือไม่” โหรวเอ๋อร์เป็บุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา ทั้งยังเป็ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ให้ความสำคัญมิได้ อีกทั้ง หากตระกูลเซียวจะต้องถูกปะาสามชั่วโคตรจริงๆ การเก็บหญ้าเฟิ่งกู่ไว้จะมีประโยชน์อันใด