พวกเด็กๆ รีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปในลานบ้านราวกับรถไฟคันจิ๋ว แล้วพวกเขาก็วิ่งสำรวจทุกห้องอย่างรวดเร็ว
“หนูจะเอาห้องนี้! หนูจะเอาห้องนี้!” “งั้นผมขอห้องนี้นะ!”
ซย่านีเพิ่งจะเดินเข้าประตูมาเด็กทั้งสองก็จัดแจงแบ่งห้องกันเองเรียบร้อยแล้ว เธอยิ้มพลางส่ายหน้า “เอาล่ะ ลูกสองคนไปพักอยู่ที่ห้องปีกตะวันตกก่อนก็แล้วกันนะ”
แม้ว่าห้องปีกตะวันตกจะมีสองห้องแต่ก็มีแค่เตียงเดียว ซย่านีกล่าวต่อว่า “ลูกสองคนนอนด้วยกันชั่วคราวไปก่อน เดี๋ยวอีกสองวันแม่จะซื้อเตียงให้อีกเตียง จากนั้นพวกลูกค่อยแยกกันนอน”
ซ่งวั่งซูรู้เื่มากกว่าซ่งตงซวี่ เธอเอ่ยถามมารดา “เตียงแพงไหมคะ? ถ้าแพงมากก็ไม่ต้องซื้อหรอกนะคะ หนูนอนกับหยางหยางก็ได้” อย่างไรตอนนี้เธอก็มีบ้านใหม่แล้ว อีกทั้งเธอยังไม่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับซ่งเสี่ยวสยาอีกต่อไป เวลานี้เธอรู้สึกพอใจมากๆ แล้ว
ซ่งตงซวี่ยังเด็กอยู่แม้ว่าเขาจะเลียนแบบพี่สาวโดยการขอห้องของตนเอง แต่หากจะให้เขานอนในห้องใหญ่ๆ คนเดียวแบบนี้เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง พอได้ยินคำพูดของซ่งวั่งซูเขาก็พยักหน้ารัวๆ “ใช่ๆๆ ผมนอนกับพี่ก็ได้ฮะ”
ซย่านีลูบหัวเด็กทั้งสองคน “เอาล่ะ ไม่ต้องกังวลใจให้มากนักหรอกจ้ะ...ลูกๆ มาช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านใหม่กันก่อนเถอะ มิเช่นนั้นคืนนี้พวกเราคงไม่มีที่นอนแล้ว”
เด็กทั้งสองส่งเสียงร้องอืม จากนั้นคนหนึ่งก็วิ่งไปหยิบไม้กวาด ส่วนอีกคนก็ไปหยิบที่ตักผง
ส่วนเซี่ยงเหมยก็เดินวนรอบบ้าน เธอค่อนข้างพอใจมากจึงหันไปกล่าวกับซย่านี “บ้านหลังนี้มีเครื่องเรือนครบชุดเลย ทั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้และตู้อะไรก็มีหมด ฉันเพิ่งเดินไปดูที่ห้องครัวมาเห็นว่าในนั้นมีเตาถ่านอยู่ด้วยนะ แค่ว่าไม่มีถ่านกับหม้อและก็กระทะเท่านั้น”
“ใช่แล้วค่ะ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยพอใจกับบ้านหลังนี้มากที่สุด” ซย่านียิ้มกล่าว “วันนี้หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว ฉันว่าจะไปซื้อเครื่องนอนเสียหน่อย จะได้เข้ามาอยู่ได้เลย ส่วนพวกหม้อกับกระทะไว้รอไปที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อไหร่ ก็ค่อยซื้อมาก็ได้ ส่วนเื่ถ่าน...ฉันเองก็ไม่กังวลหรอกค่ะ ฉันเตรียมตั๋วถ่านไว้นานแล้วจะไปซื้อตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าวันนี้จัดการเื่ต่างๆ ไม่เสร็จ พรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันอีกที”
“งั้นวันนี้เธอจะเตรียมอาหารอย่างไรเล่า?”
ซย่านีคิดไว้นานแล้ว “่นี้ฉันจะพาเด็กๆ ออกไปข้าวนอกบ้านกันก่อนค่ะ ทั้งข้าวเช้าและข้าวเย็นเลย”
เซี่ยงเหมยนึกถึงร้านอาหารเล็กๆ ตรงทางเข้าซอยที่เธอเพิ่งเจอมา เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของซย่านี
“นี่ เสวี่ยเยวี่ยเอ๋อร์กับหยางหยางไม่ต้องทำงานแล้ว มาอยู่เล่นเป็เพื่อนซิงซิงดีกว่าจ้ะ” เซี่ยงเหมยวางซิงซิงลงบนเตียงที่ซย่านีเพิ่งทำความสะอาดไป จากนั้นก็ให้เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์กับหยางหยางมาดูแลน้องชายแทน ส่วนเธอก็พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมตัวช่วยซย่านีทำงานบ้าน
ในลานบ้านมีน้ำไหลผ่าน พวกเธอสองคนจึงตักน้ำมาเพื่อนำมาเช็ดตู้เตียงและเครื่องเรือนภายในบ้าน โชคดีที่บ้านหลังนี้ถือว่าเล็กอยู่จึงทำความสะอาดค่อนข้างง่าย
หลังจากทำความสะอาดเสร็จ พวกเธอก็ขนย้ายข้าวของบนรถสามล้อเข้าเรือน ตอนนี้เป็เวลาสิบสองนาฬิกาแล้วซย่านีทำงานบ้านจนเหงื่อท่วมตัว เธอยืดตัวมองดูบ้านใหม่แล้วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกวักมือเรียกเซี่ยงเหมยกับพวกลูกๆ “ไปกันเถอะค่ะ พวกเราออกไปกินข้าวกันวันนี้ฉันขอเลี้ยงอาหารทุกคนเอง!”
คนกลุ่มนี้เดินทางมายังร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา
แม้ว่าราคาอาหารที่นี่จะแพงแต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องใช้ตั๋วอาหารในการซื้อ ขอแค่มีเงินก็สามารถสั่งอาหารได้แล้ว
่เที่ยงวันเป็เวลาที่ร้านอาหารคึกคักเป็ที่สุด และพวกเธอก็บังเอิญมาเวลานี้ยังดีที่มีโต๊ะว่างอยู่พอดี หลังจากที่ซย่านีนั่งลงแล้วเธอก็ขอให้เซี่ยงเหมยกับลูกๆ สั่งอาหารกัน แล้วตนเองก็หยิบขวดนมกับนมผงของซิงซิงน้อยออกมาก่อนจะหันไปถามบริกรว่า “สหาย ร้านของพวกคุณมีน้ำร้อนไหมคะ? ฉันว่าจะชงนมผงให้ลูกหน่อย”
บริกรมองไปที่ซิงซิงน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนซย่านี ด้านซิงซิงตัวน้อยเองก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี เขาหันไปยิ้มหวานให้บริกรคนนั้นทำให้บริกรของร้านเบิกบานใจเหลือเกินจนตอบรับคำทันที “มีๆ มีอยู่ค่ะ คุณรอก่อน เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
ไม่นานนัก บริกรก็นำกาน้ำร้อนมาให้ซย่านีแล้ว
บริกรกล่าวว่า “น้ำในกาน้ำร้อนนี้เป็น้ำจากเมื่อคืนวาน ฉันลองดูแล้วรู้สึกว่าอุณหภูมิกำลังพอดีในการชงนมผงแต่ถ้าคุณ้าน้ำเดือด ฉันจะเอาไปเปลี่ยนให้ค่ะ”
ซย่านีปลาบปลื้มใจเป็อย่างยิ่ง มันเป็เื่จริงที่ว่าการชงนมผงนั้นไม่สามารถใช้น้ำเดือดชงได้ เธอรู้สึกขอบคุณความเอาใจใส่ของบริกรคนนี้เหลือเกิน “ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
บริกรยิ้มเบาๆ พลางกล่าวว่า “ยินดีค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็กำลังจะหันกลับไปทำงานต่อแต่ก็ถูกเซี่ยงเหมยเรียกไว้ก่อนจากนั้นก็สั่งอาหารไปสองจาน “ฉันเอามันเส้นผัดเสฉวน[1] ส่วนอีกจานเอาซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดง[2] ค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง ซย่านีก็เปิดฝากาน้ำร้อนแล้วเทน้ำใส่ขวดนมตามด้วยทดสอบอุณหภูมิของน้ำในขวด พอเห็นว่าน้ำอุณหภูมิกำลังพอเหมาะไม่เย็นและไม่ร้อนจนเกินไปเธอก็ใส่นมผงลงในขวด จากนั้นก็เขย่าขวดนมให้ผสมกัน เมื่อเสร็จแล้ว ก็ยื่นขวดนมให้ซิงซิงตัวน้อย ทารกน้อยกอดขวดนมไว้แล้วยกขึ้นดูดอึกใหญ่
ซย่านีหันไปสั่งอาหารเพิ่ม “ฉันเอาหมูผัดถั่วงอกอีกจานค่ะ”
“ไอหย๋า” เซี่ยงเหมยกล่าวขึ้น “มันเยอะไปแล้ว แค่สองจานก็พอแล้วนะ”
ซย่านีไม่เห็นด้วย “วันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว อาหารแค่สองจานมันจะไปพอได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ลูกสองคนนี้ของฉันก็กินข้าวเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ฉันยังกลัวอยู่เลยว่าสามจานจะไม่พอ อ๋อ แล้วก็เอาข้าวอีกสี่ชามด้วยจ้ะ”
คนทางเหนือมักจะรับประทานบะหมี่กันแต่พวกเด็กๆ ชอบกินข้าวมากๆ ซย่านีก็เลยสั่งข้าวมาสี่จานแล้วยังหันไปบอกกับพวกเด็กๆ อีกว่า “ถ้าไม่พอก็สั่งเพิ่มได้อีกนะ”
เซี่ยงเหมยส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เธอเนี่ยจริงๆ เลย เธอเพิ่งหาเงินได้เท่าไหร่กันเชียว ตอนนี้ก็กล้าใช้เงินมือเติบแล้วหรือ? เธออย่าลืมสิ เธอยังมีลูกอีกตั้งหลายคนเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตบ้างนะ”
ซย่านียิ้มตาหยีและเอ่ยตอบ “ฉันไม่ได้ใช้เงินสุ่มสี่สุ่มห้าเสียหน่อย ฉันแค่ซื้ออาหารอร่อยๆ ให้พวกเด็กๆ กินบ้างจะเป็ไรไปเล่า? ชีวิตคนเราสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกินนะคะ! อีกอย่างจะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ได้ออกมากินแบบนี้ทุกวันนี่นา แค่วันนี้ฉันมีความสุขมากเท่านั้นเอง”
เซี่ยงเหมยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมให้สั่งอาหารจานที่สาม
ไม่นานอาหารก็พร้อมแล้ว พ่อครัวที่นี่ฝีมือการทำอาหารดีมาก อาหารทั้งสามจานจึงมีสีสันน่าทานกลิ่นก็หอม อย่างจานนี้มันเส้นผัดเสฉวนมีทั้งรสเผ็ดและเปรี้ยวกินกับข้าวสวยร้อนๆ ช่างเข้ากันยิ่งนัก ส่วนซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดงก็มีกลิ่นหอมจนทำให้คนน้ำลายสอมาแต่ไกล นอกจากนี้หมูผัดถั่วงอกก็ยังมีรสชาติกำลังพอดี ตัวถั่วงอกกรุบกรอบบ่งบอกว่าพ่อครัวใช้ความร้อนในการผัดที่พอเหมาะ
เด็กทั้งสองคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่ซ่งซิงเหอที่อยู่ในอ้อมแขนซย่านีก็มีท่าทางเหมือนอยากกินไปด้วย เขามองดูอาหารบนโต๊ะพลางยื่นมือออกมาเป็ครั้งคราวและยังส่งเสียงร้องอ้อแอ้ราวกับกำลังพูดว่า ‘ผมเองก็อยากกินด้วย’
ซย่านีจับมือเล็กๆ ของเขาไว้แล้วส่ายหน้าให้เขา “ไม่ได้จ้ะ ลูกยังกินไม่ได้นะ”
ซ่งซิงเหอส่งเสียงร้องอ้อแอ้ให้ซย่านีสองที ดวงตากลมโตนั้นเริ่มมีน้ำตาคลออยู่ปริ่มๆ แลดูน่าสงสารยิ่งนัก
ซย่านียังคงส่ายหน้าให้เขา “แม่ไม่ให้ลูกกินหรอกนะ”
ซ่งซิงเหอเบะปากทันที
ซย่านีพูดอย่างไร้ความปรานี “อย่าร้องไห้นะ ถึงร้องไปแม่ก็ไม่ให้กินหรอก“
ซ่งซิงเหอดูเหมือนจะฟังเข้าใจ เขาเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจแล้วไม่มองหน้าซย่านีอีก
เซี่ยงเหมยเห็นแล้วก็ใจอ่อน เธอพูดขึ้นมา “ฉันจุ่มตะเกียบลงบนน้ำแกงให้เขาชิมหน่อยดีไหม?”
ซย่านีหันไปตอบเซี่ยงเหมย “อย่าเลยค่ะ เด็กเล็กยังกินเกลือไม่ได้” ในชีวิตชาติก่อน เธอได้ยินมาว่าการเป็พี่เลี้ยงเด็กสามารถหาเงินได้ เธอจึงไปเข้าเรียนสองสามบทเรียนแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเป็พี่เลี้ยงเด็กได้จริงๆ เพราะไม่มีวุฒิการศึกษาแต่เธอก็จำได้ดีว่าเด็กเล็กกินอะไรได้และกินอะไรไม่ได้ แล้วซย่านีก็พูดต่อว่า “เขายังเด็กมากกินเกลือเข้าไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ อีกอย่างหากเขาได้ลิ้มลองรสเค็มแล้ว วันข้างหน้าถ้าเกิดเขาไม่ยอมดื่มนมรสจืดขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?”
เซี่ยงเหมยถูกชี้แนะแล้วก็เต็มใจทำตาม เธอหันไปยิ้มแล้วพูดกับซิงซิงตัวน้อย “เด็กน้อยที่น่าสงสาร รอหนูโตก่อนค่อยกินนะลูก”
[1] มันเส้นผัดเสฉวน 酸辣土豆丝 คือ เมนูอาหารเสฉวนที่ทำจากมันฝรั่ง พริก น้ำส้มสายชูกลั่น ต้นหอม ขิงฯลฯ มีสีสดใส มีรสเปรี้ยวและเผ็ด
[2] ซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดง 红烧排骨 คืออาหารจีนทั่วไป โดยทำจากซี่โครงหมูเป็ส่วนประกอบหลัก จานนี้มีรสเค็มซี่โครงฉ่ำและมีสีแดงทอง
