ด้านใน..เรือนรับรอง ร่างหยวนเฟิงอ๋องเดินตามบ่าวรับใช้เข้าไป โดยมีจางเหยียนหลิงเดินตามเข้าไปอย่างเงียบ ๆ เพียงแค่สายตาพาดผ่านไปเห็นไป๋หลานเสวี่ยในชุดงดงาม รวมถึงหลี่เทียนจินอดีตสามี ที่นั่งจิบชา เตรียมตัวเป็แบบให้วาดภาพ
ทั้งสองยิ้มแย้มหัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุข แตกต่างจางกจางเหยียนหลิง ที่สูญเสียลูกในครรภ์ ทั้งยังสูญเสียทุกอย่างจนต้องกลายเป็บ่าวรับใช้ สิ่งที่เคยเสียสละให้กับความรักไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความเ็ป นางไม่กล่าวสิ่งใดเพียงแค่ยืนด้านหลังอย่างเงียบ ๆ พร้อมกำอุปกรณ์วาดภาพที่ถือไว้แน่น
ก่อนไป๋หลานเสวี่ยจะเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นนร่างของหยวนเฟิงอ๋อง นางจึงรีบสะกิดหลี่เทียนจิน ทั้งคู่ลุกขึ้นแล้วน้อมกายลงเคารพผู้มาเยือนด้วยความแปลกใจ ก่อนร่างของไป๋เซิ่นเยว่จะเดินเข้ามาพร้อมถือชาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เชิญท่านอ๋องด้านนี้ก่อน”
“ไหนล่ะ คนที่มาวาดภาพ?” ชายหนุ่มหันมองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยถามชายกลางคน ก่อนเขาอึกอักเล็กน้อยแล้วปั้นหน้ายิ้ม แสร้งหันไปยังบ่าวที่เดินตามมาแล้วเอ่ยถาม
“คนที่จะมาวาดภาพ ถึงหรือยัง อย่าให้ท่านอ๋องรอนานเป็การเสียมารยาท” หยวนเฟิงอ๋องไม่ใส่ใจคำพูดของชายกลางคนมากนัก เขายืนนิ่งมองตรงไปยังบ่าวรับใช้ที่ว่า ก่อนนางจะน้อมกายลงเล็กน้อย พลันหันมองไปยังชายกลางคน แล้วเม้มปากนึกถึงคำที่นัดหมายกันไว้ก่อนหน้า
“ผู้ที่จะมาวาดภาพ เพิ่งส่งคนมาแจ้งว่า มาไม่ได้แล้วเ้าค่ะ เพราะมีอีกงานที่ให้เงินมากกว่า”
“บังอาจ!” ไป๋เซิ่นเยว่แสร้งตวาดลั่น ทำท่าขุ่นเคือง ก่อนหันขวับมาทางหยวนเฟิงอ๋อง
“คนเช่นนี้กลับกลอก ไว้ใจไม่ได้ ต่อไปหากมีงานวาดภาพอีก ไม่ต้องให้เข้ามาเหยียบจวนสกุลไป๋เป็อันขาด เชื่อถือมิได้!”
“เ้าค่ะ” บ่าวรับใช้รับคำ แล้วเบี่ยงกายเดินจากไป ชายกลางคนสะบัดมืออย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับมายังหยวนเฟิงอ๋องที่ยืนมองเหตุการณ์อย่างสงบ
“ต้องขออภัยท่านอ๋องด้วย ผู้วาดภาพมาไม่ได้เสียแล้ว เห็นทีครานี้คงต้องรบกวนท่านอ๋อง ช่วยจัดการเื่การวาดภาพของบุตรสาวกับบุตรเขยข้าเสียแล้ว” เขากล่าวพลางน้อมกายลง
หยวนเฟิงอ๋องเพียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนหันมายังจางเหยียนหลิง ทันใดนั้นทุกสายตาจับจ้องมายังหญิงสาวตัวเล็ก ที่ยืนอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ เพียงแค่สายตาของหลี่เทียนจินมองเห็นอีกฝ่ายเท่านั้น หัวใจของเขาก็หล่นวูบในทันที มือที่ถือถ้วยชาเผลอปล่อยลงกระทบพื้นเสียงดัง
“เหยียนหลิง” เสียงแ่พร่าด้วยความตื้นตัน ราวกับได้พบของรักที่หายสาบสูญไปเนิ่นนาน ไป๋หลานเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองอากัปกิริยาของสามี สายตาของเขาในยามนี้กลับเปี่ยมด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อนางอีกครั้ง ทำให้นางกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ พลันค่อย ๆ ลูบท้องตัวเองเบา ๆ
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกปวดท้องแปลก ๆ เ้าค่ะ” คำพูดของนางทำให้หลี่เทียนจินละสายตาจากจางเหยียนหลิง แล้วหันมองยังท้องน้อยของภรรยา
“เช่นนั้นนั่งพักก่อนเถอะนะ” เขาพูดพลางประคองร่างของไป๋หลานเสวี่ยลงนั่งอย่างระวัง หยวนเฟิงอ๋องเหลือบมองกิริยาของจางเหยียนหลิง ที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่เผยความรู้สึกใด ๆ
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นก็ให้แม่นางท่านนี้วาดรูป บุตรสาวกับบุตรเขยของข้าได้เลย”
“ราคาวาดภาพ ต้องขึ้นอีกเท่าตัว!” จางเหยียนหลิงหันไปยังชายกลางคน แล้วเอ่ยด้วยกิริยาเรียบเฉย ก่อนทั้งหมดจะหันมองนางเป็สายตาเดียวกัน
“ขอราคาเพิ่ม? เ้าเป็ใครถึงกล้าขอราคาเพิ่ม” เสียงนุ่มลึกของไป๋หลานเสวี่ยดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
“จะให้ข้าบอกต่อหน้าใต้เท้าไป๋จริง ๆ เหรอ ว่าแท้จริงแล้วข้าเป็ใคร?” น้ำเสียงเย็นเยียบแฝงด้วยความท้าทายตอบกลับ พลันสบสายตาทั้งคู่อย่างแน่วแน่ ก่อนอีกฝ่ายอึกอักแล้วหันมองไปยังสามี
“หลานเสวี่ย เ้าพูดราวกับรู้จักแม่นางผู้นี้ พวกเ้ารู้จักกันมาก่อนเหรอ?” ผู้เป็บิดาเอ่ยถามอย่างสงสัย ทำให้หยวนเฟิงอ๋องแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง แล้วเอื้อมไปรินชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น
“เอ่อ..ข้า...” ท่าทางอึกอักของหลี่เทียนจินทำให้ไป๋หลานเสวี่ยรีบตัดบท
“เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวเ้าค่ะ” ชายกลางคนได้ยินดังนั้น ก็ปล่อยยิ้มอย่างโล่งใจ
“ที่แท้ก็เคยเจอกันมาก่อน เช่นนั้นนับว่ามีวาสนา แต่เื่การขึ้นราคา ในประกาศก็แจ้งชัดเจนแล้วว่าราคาเท่าใด แม่นางขึ้นราคาภาพเช่นนี้ ไม่ใช่ข้อตกลงของเรา” เมื่อชายกลางคนกล่าวจบ จางเหยียนหลิงก็หันตรงไปยังหลี่เทียนจิน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านว่า ฝีมือของข้า ควรขึ้นราคาได้หรือไม่เ้าคะ” หลี่เทียนจินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ สบตานางตรง ๆ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ประจำกายของนางยังคงเป็กลิ่นเดิมเช่นในอดีต ในใจเขาแทบอยากดึงนางมากอด อยากทำราวกับวันที่เคยทำได้ ทว่าบัดนี้... เขาทำได้เพียงแค่ยืนมองนางจากที่ห่างไกล
สายตาคมกล้าเลื่อนมองต่ำไปยังหน้าท้องของนาง แล้วเอ่ยเสียงแ่สั่น
“ฝีมือวาดภาพของนาง ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ เพราะนางวาดภาพจากหัวใจ ขุนนางหลายคนในราชสำนักต่างก็ซื้อภาพจากนางไปประดับในจวนทั้งนั้น ท่านพ่อขึ้นราคาภาพให้นาง ก็ดูไม่เกินเลยอะไร” เขากล่าวพลางจ้องมองใบหน้างดงามของนางด้วยแววคิดถึงลึกซึ้ง ก่อนร่างของไป๋หลานเสวี่ยเดินเข้ามาแทรกแล้วกล่าวเสริม
“แค่เศษเงิน...ก็ให้นางไปตั้งตัวเถอะ” จางเหยียนหลิงยิ้มเยือกเย็น สายตาเลื่อนมองอีกฝ่าย
“ตั้งตัวงั้นเหรอ? ตอนนี้ข้าเป็บ่าวรับใช้ ในจวนหยวนเฟิงอ๋อง จะให้ตั้งตัวอย่างไร” ถ้อยคำของนางเปรียบดังคมมีด กรีดลึกลงกลางใจหลี่เทียนจิน จนแทบเก็บความเ็ปไม่อยู่ ไป๋หลานเสวี่ยรีบดึงตัวเขากลับไปนั่ง ท่ามกลางรอยยิ้มบางของหยวนเฟิงอ๋อง ที่ลอบมองเหตุการณ์ด้วยความพึงใจ
“ใต้เท้าไป๋ นางเอ่ยปากขอราคาเพิ่ม ท่านยินดีหรือไม่?” หยวนเฟิงอ๋องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชายกลางคนฝืนยิ้ม รับอย่างเสียมิได้
“ในเมื่อบุตรเขยของข้า ยืนยันว่าฝีมือของแม่นางผู้นี้เป็ที่ยอมรับของเหล่าขุนนาง เช่นนั้น...ข้ายินดีจ่ายเพิ่ม” สิ้นคำ จางเหยียนหลิงย่อตัวลงนั่ง จัดแจงอุปกรณ์วาดภาพ มองตรงไปยังสองสามีภรรยาที่นั่งเคียงกัน แล้วจรดพู่กันลงอย่างตั้งใจ
หยวนเฟิงอ๋องจิบชาพลางจับจ้องกิริยานางเงียบ ๆ ก่อนจะปรายตามองไป๋หลานเสวี่ย แล้วยิ้มมุมปากแฝงเล่ห์นัย การวาดภาพดำเนินไปอย่างช้า ๆ จางเหยียนหลิงตั้งใจวาดรูปออกมาให้สมบูรณ์ที่สุด
แต่แล้ว เสียงถ้วยชาแตกดังขึ้นจากด้านหลัง นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเห็นหยวนเฟิงอ๋องกำลังก้มมองถ้วยชาแตกบนพื้น
“ข้าซุ่มซ่าม ทำถ้วยชาตกเสียแล้ว” บ่าวรับใช้รีบเข้ามาเก็บและเช็ดทำความสะอาดทันที
“เดี๋ยวข้ารีบไปนำชาใหม่มาให้นะเ้าคะ”
“ไม่ต้อง! ข้าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยแล้วกัน นั่งในนี้มานาน รู้สึกเมื่อย”
“เอ่อ...” สาวรับใช้ทำท่าอึกอัก ก่อนร่างของหยวนเฟิงอ๋องจะเดินออกจากห้องรับรองไปสูดอากาศด้านนอก หางตาของจางเหยียนหลิงปรายตามองเขาเล็กน้อย ทว่าก็ยังจรดพู่กันต่ออย่างเงียบงัน เมื่อเห็นหยวนเฟิงอ๋องออกไปแล้ว หลี่เทียนจินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ จางเหยียนหลิงชะงักมือ พลันหยุดวาดภาพแล้วเอ่ยขึ้น
“หากท่านไม่นั่งลงดังเดิม ภาพจะเพี้ยน”
“ข้าขอคุย กับเ้าหน่อย” เขาเดินเข้ามาแล้วดึงพู่กันออกจากมือนาง พลันจับแขนไว้แน่น
“ท่านพี่....ท่านทำอะไร” เสียงของไป๋หลานเสวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ข้าขอคุยกับนางแค่ครู่เดียว”
“ยังจะคุยอะไรกันอีก? นางออกจากจวนสกุลหลี่ไปนานแล้ว บัดนี้นางหาใช่คนของท่านอีกต่อไป”
“จะไม่เป็ได้ยังไง ในเมื่อนางท้องลูกของข้า” ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมา จางเหยียนหลิงค่อย ๆ ดึงมือออกจากเขาช้า ๆ พร้อมฝืนยิ้ม
“ลูกงั้นเหรอ?” นางทวนคำนั้นอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงสะท้อนความเ็ปลึกสุดหัวใจ มองเขาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ใช่หลี่เทียนจินที่นางเคยรู้จัก กลับกันเวลานี้แทบไม่หลงเหลือความรัก มีแต่ความแค้นที่อัดแน่นในหัวใจ
“ท่านแม่บอกแล้วมิใช่หรือ ว่านางกินยาขับไปแล้ว ท่านพี่ยังจะอาลัยอาวรณ์นางไปเพื่ออะไร” ไป๋หลานเสวี่ยเดินเข้ามา ดึงร่างหลี่เทียนจินกลับเข้าหาตัว แต่เขากลับหันมามองจางเหยียนหลิง สายตาเต็มไปด้วยความหวัง
“นางมีความรู้ด้านการแพทย์ นางต้องรักษาชีวิตลูกไว้ได้สิ ใช่ไหม เ้ารักษาชีวิตลูกของเราได้ใช่หรือไม่” เขาจับแขนนางแน่น พลางถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แต่จางเหยียนหลิงเพียงปรายตามองมาอย่างเรียบเฉย
“รักษาชีวิตลูกไว้ได้งั้นเหรอ?” นางยิ้มอย่างเ็ป
“ท่านเห็นข้าเป็ใคร เป็หมอเทวดาที่ไร้ยา ก็รักษาตัวเองได้งั้นเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง” สายตาสัดส่ายของชายหนุ่มเริ่มไม่มั่นใจ ก่อนนางจะเลื่อนสายตามายังไป๋หลานเสวี่ยแล้วตอบกลับ
“เ้าไม่ต้องห่วง... คนที่กำลังอุ้มท้องลูกของเขา มีเพียงเ้าเท่านั้น ส่วนข้า... เด็กที่ไม่ได้เกิดมาย่อมถือว่ามีบุญ” คำพูดนั้นแทงลึกเข้าไปกลางอกหลี่เทียนจิน จางเหยียนหลิงกล่าวจบ ก็ย่อตัวลงนั่ง หยิบพู่กันขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง
“ช่วยกลับไปนั่ง... ข้าจะได้รีบวาดให้เสร็จ!” ไป๋หลานเสวี่ยหันไปมองสามีด้วยสายตาเยือกเย็น เชิงบังคับให้เขากลับไปนั่งที่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้