นางจงใจจะทดสอบข้อเท็จจริงของฉินเฟิงเจียว ถ้าเื่นี้เป็ฉินเฟิงเจียวแอบทำลับหลังซ่งหลิงซิวเอง เช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย ทว่าหากเื่นี้เป็ซ่งหลิงซิวสั่งให้ทำ นางก็ต้องคิดหาวิธีดีๆ ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
สร้างความตื่นตระหนกแก่ซ่งหลิงซิวในเวลานี้ ย่อมไม่ใช่เื่ดีสำหรับนาง
ฉินเฟิงเจียวใสะดุ้งโหยง ดวงตาถลึงโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กระทั่งเสียงพูดยังสั่นเครือ “เ้า… ที่แท้เ้าเป็ใครกันแน่?”
ไม่เพียงแต่รู้จักชื่อจริงของนาง แต่ยังรู้ว่าเื้ัหอเซียงเสวี่ยมีที่พึ่งพิงอื่น คนคนนี้ต้องไม่ธรรมดา
ซูเฟยซื่อขยับยิ้มน้อยๆ “ข้าเป็ใครไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือฉินมามาวางแผนจัดการกับเื่นี้อย่างไร?”
แม้ฉินเฟิงเจียวจะไม่ได้ตอบคำถามซูเฟยซื่อเมื่อครู่ให้ชัดเจน แต่นางได้คำตอบจากปฏิกิริยาของฉินเฟิงเจียวแล้ว ถ้าเื่นี้เป็ซ่งหลิงซิวสั่งให้ทำ ฉินเฟิงเจียวย่อมต้องออกปากอย่างสง่าผ่าเผย แต่จากท่าทางตื่นตระหนกขนาดนี้ คงเพราะกลัวว่าเื่ที่ตนรับจ้างทำงานส่วนตัวจะถูกซ่งหลิงซิวล่วงรู้
ในเมื่อเป็งานที่ฉินเฟิงเจียวรับเองส่วนตัว เช่นนั้นเื่นี้ก็ง่ายแล้ว
“นี่...” ฉินเฟิงเจียวกัดฟันพูด "ท่านพาคนไปเถิด เงินทองข้าน้อยไม่เอาแล้ว ก็ถือว่าเป็ของขวัญพบหน้ากันที่ข้าน้อยมอบให้คุณชายค่ะ”
ฮ่าๆ เอาของของนางมาเป็ของขวัญพบหน้า ฉินเฟิงเจียวยังทำธุรกิจเก่งจริงๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมซ่งหลิงซิวจึงมอบหอเซียงเสวี่ยให้นาง
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณฉินมามาแล้ว ยังขอฉินมามาให้คนพาสหายของข้าออกมาเถิด” เป้าหมายของซูเฟยซื่อบรรลุ ก็ไม่อยากจะรั้งอยู่นาน
ฉินเฟิงเจียวได้ยินนางพูดอย่างนั้น ในที่สุดก็วางใจลงได้ หันไปส่งสายตากับคนรับใช้เป็สัญญาณ
กู้เซ่าชิงถูกคนนำตัวออกมาโดยเร็ว ซูเฟยซื่อเห็นเขาก็รีบเดินไปขวางหน้า มองขึ้นลงพิจารณาให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับาเ็ จึงวางใจได้ในที่สุด
“คุณชายท่านนี้ ข้าได้พาคนมาให้ท่านแล้ว สำหรับเื่ในวันนี้...”
ไม่รอให้ฉินเฟิงเจียวพูดจบ ซูเฟยซื่อได้หัวเราะขัดจังหวะ “ฉินมามาโปรดวางใจ เื่ในวันนี้ข้าย่อมไม่พแพร่งพราย เพียงแต่… ในการทำงานฉินมามาต้องระมัดระวังมากขึ้น ในอนาคตถ้าเ้านายรู้ว่าเ้าแอบรับทำงานส่วนตัวละก็ อย่าว่าแต่เ้า กระทั่งหอเซียงเสวี่ยก็ยากจะเก็บรักษาไว้ได้แล้ว”
วาจานี้ของนางกำลังกล่าวเป็นัยให้ฉินเฟิงเจียวทราบว่า นางรู้รายละเอียดของหอเซียงเสวี่ย ทั้งยังเตือนฉินเฟิงเจียวว่าอย่าได้พูดเื่วันนี้ออกไป มิฉะนั้นคงต้องตายด้วยกันทั้งหมด
ด้วยความเข้าใจของนางที่มีต่อฉินเฟิงเจียวแล้ว นางต้องไม่กล้าพูดเื่วันนี้ออกไปแน่นอน
เกรงว่าคงไม่มีโอกาสให้นางได้พูดออกไปด้วย
คิดถึงตรงนี้ ซูเฟยซื่อรีบนำกู้เซ่าชิงบอกลาอย่างรีบร้อน
พาตัวกู้เซ่าชิงยัดเข้าไปในรถม้า สั่งให้ซางจื่อพาเขากลับไปยังจวนอัครมหาเสนาบดี ตนเองจึงมุ่งเดินออกไปนอกเมือง
ทันทีที่ซูเฟยซื่อเดินออกจากห้องด้านข้าง ฉินเฟิงเจียวก็รีบระดมมือสังหารในชุดสีดำสองคนมาทันที ให้พวกเขาสะกดรอยตามซูเฟยซื่อ สั่งเื่นี้เสร็จในที่สุดนางจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
จู่ๆ ก็มีคนมาหาถึงที่ ให้เงินเป็จำนวนมากแก่นาง ให้นางสบประมาทเหยียดหยามเซ่าชิงจากสนามประลองว่านอนกับโสเภณีแล้วไม่ให้เงิน
เดิมนางคิดว่านี่เป็เพียงความขัดแย้งเล็กๆ ระหว่างนักสู้ ไม่ได้คาดว่าจะล่อเอาคนที่น่ากลัวขนาดนี้มาได้
ถ้านางรู้ว่าเื่จะกลายเป็แบบนี้ ก็ต่อให้นางมีสิบขวัญ ก็เกรงว่าจะไม่กล้ารับงานนี้มาแน่
ตอนนี้เพียงหวังว่ามือสังหารสองคนจะสามารถฆ่าคนให้นางได้ เพื่อไม่ให้เื่นี้ดังไปถึงหูของซ่งหลิงซิว หากเกิดเื่แบบนั้นขึ้นมา นางควรจะอธิบายอย่างไร!
ซูเฟยซื่อคาดไว้แล้วว่าฉินเฟิงเจียวจะส่งมือสังหารสะกดรอยตามมา จึงจงใจเลือกเดินเส้นทางเปลี่ยว
มือสังหารเหล่านี้ล้วนเป็คนของซ่งหลิงซิว ยามปกติคิดอยากสังหารก็ไม่มีโอกาสสักที มาตอนนี้ได้จังหวะพอดีให้นางได้ฆ่าอย่างสะใจ
“ไม่รู้ว่าใช้ที่นี่เป็สถานที่ฝังศพแล้ว ท่านทั้งสองจะพอใจไหม?” ซูเฟยซื่อหยุดฝีเท้าลง หันไปยิ้มให้มือสังหารสองคน
มือสังหารตะลึงลาน อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ เด็กชายตัวเล็กผิวขาวผ่องเป็ยองใยคนหนึ่ง กล้าพูดว่าที่นี่เป็สถานที่ฝังศพของพวกเขา? พวกเขาไม่ได้ฟังผิดแน่นะ!
“พูดจาอวดดีนักนะ” หนึ่งในมือสังหารหัวเราะกล่าวพลาง
“งั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ลองดู!” ซูเฟยซื่อไม่คิดต่อสู้พัวพันกับพวกเขานานนัก หยิบกริชที่ซ่อนอยู่ในข้อเท้าพุ่งโจมตีใส่มือสังหารทั้งสอง
มือสังหารที่เห็นนางเพียงแรกเจอก็ประมาทศัตรูแล้ว ทุกกระบวนท่าของนางกลับมุ่งเอาชีวิตให้ถึงฆาต สักพักก็ทำร้ายหนึ่งในมือสังหารจนล้มลง
มือสังหารที่ถูกกริชกรีดจนาเ็ย่นคิ้วด้วยความเ็ป ขยิบตาส่งสัญญาณให้มือสังหารอีกคนแล้ว ทั้งสองพุ่งเข้าไปหาซูเฟยซื่อในเวลาเดียวกัน ซูเฟยซื่อเห็นแบบนี้ เงาร่างหลบวูบอย่างเบาเร็ว ข้อมือหมุนบิน กริชแทงตรงเข้าไปในคอของมือสังหารแล้ว
เพียงได้ยินเสียงฮึ่มหน่วงเสียงหนึ่ง กลิ่นคาวเืก็แพร่กระจายคลุ้งไปในอากาศทันที
เห็นเพื่อนตนเองถึงกับถูกเด็กหนุ่มตรงหน้าฆ่าทิ้ง มือสังหารที่ยังมีชีวิตอยู่ใจนสะดุ้ง ปรับท่าทางพร้อมรับมือคู่ต่อสู้
ทว่าก็สายเกินไปที่จะออกตัวรุก ในตอนนี้เขาทำได้เพียงตั้งรับกระบวนท่าของคนตัวเล็กเท่านั้น เพียงเห็นซูเฟยซื่อหันไปข้างหลัง ยกเท้าขึ้นเตะถูกหัวใจของมือสังหารอย่างรุนแรง มือสังหารถูกเตะจนกระอักเืคำหนึ่งออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปฉับพลัน “เ้า… เ้าเป็ใคร?"
“คนที่สังหารเ้า” เสียงพูดสิ้นสุดลง ซูเฟยซื่อก็พลิ้วกายไปอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วดุจสายลม ใช้แรงแทงกริชในมือลงไป
ละอองเืสีแดงสดพุ่งกระจาย ชั่วขณะนั้นมือสังหารจึงล้มลงกับพื้น
“แปะๆ ๆ” เสียงปรบมือดังมาจากด้านหลัง
ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกในใจ บริเวณใกล้เคียงนี้ยังมีคนอื่นอีก แต่เมื่อครู่นางกับมือสังหารสองคนนั้นต่างไม่ได้สังเกตเห็น ยามนี้รู้สึกได้ถึงความสูงส่งของวิทยายุทธ์จากคนคนนี้
“เ้าตัวเล็ก เ้าให้ข้าอุปราชได้ดูละครสนุกฉากหนึ่งแล้วจริงๆ” ในวาจาของอวี้เสวียนจีแฝงเสียงหัวเราะ แต่กลับทำให้คนเย็นวาบเสียดกระดูก
“เป็เ้า?” ในสมองซูเฟยซื่อราวกับถูกฟ้าผ่า ดวงตาพลันเบิกกว้าง “ทุกสิ่งนี้เป็เ้าจัดวางไว้?”
อวี้เสวียนจีไม่ได้ปฏิเสธ “หากไม่ใช่ฝีมือของข้าละก็ ไหนเลยจะได้เห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมนี้ของเ้า เมื่อเทียบกับกู้เซ่าชิง เ้ายังเหนือกว่าเขาอย่างเทียบไม่ติด”
เขาจงใจเน้นหนักที่ชื่อขอกู้เซ่าชิง ซูเฟยซื่อโกรธขึ้งจนเกร็งไปทั้งร่าง ถึงกับไม่รู้ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร “ท่านอ๋องเก้าพันปีกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าพอเป็กระบวนร่ายรำดาบทวนอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเก้าพันปีทราบมานานแล้วหรือเ้าคะ?”
“ทราบแล้วหรือ? ข้าอุปราชรู้กระบวนท่าวิทยายุทธ์ของเ้าั้แ่เมื่อไร กระบวนเ้าถึงกับเหมือนกู้เซ่าชิงราวกับคัดลอกกันมาเช่นนั้น” เมื่ออวี้เสวียนจีเห็นซูเฟยซื่อยังคิดแกล้งทำเป็โง่ จึงรีบคว้านางเข้าไว้ในอ้อมแขนตนทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าร้ายกาจ “พูดมา ที่แท้เ้าเป็ใคร?”
ซูเฟยซื่อสูดลมหายใจเย็นเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบใจตัวเองลง ทว่ามือกลับสั่นเทิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านอ๋องเก้าพันปีคิดฟังคำตอบอย่างไรล่ะเ้าคะ”
“คนที่รู้จักชื่อจริงของฉินเฟิงเจียวในเมืองหลวงมีไม่เกินยี่สิบคน ในนั้นที่กล้าเรียกชื่อจริงของนางมีไม่เกินสิบห้าคน ที่รู้ว่าหอเซียงเสวี่ยมีที่พึ่งพิงอื่นก็มีไม่เกินสิบคน สามารถพูดได้อย่างแม่นยำว่าด้านหลังที่พึ่งพิงเป็ซ่งหลิงซิวกลับมีไม่เกินห้าคน เ้าว่าข้าอุปราชคิดฟังคำตอบแบบไหนเล่า?”
น้ำเสียงของอวี้เสวียนจีชั่วร้ายดุจปีศาจงู เพียงได้ฟังเสียงก็ทำเอาขนหัวลุกไปทั้งร่าง
ที่เขาพูดมาทั้งหมดนั่นไม่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รู้ว่าเ้าของที่แท้จริงของหอเซียงเสวี่ย นอกจากฉินเฟิงเจียวกับซ่งหลิงซิวแล้ว เกรงว่าคงมีเพียงอวี้เสวียนจีกับกู้ชิงแล้ว
ตัดอวี้เสวียนจีออก ยังเหลืออีกสามคน
เพิ่งได้เจอฉินเฟิงเจียวไปเมื่อครู่ ส่วนซ่งหลิงซิวยังอยู่ดีๆ ในพระราชวัง
หากได้วิเคราะห์ต่อไปแบบนี้ ก็เกรงว่านางคงไม่อาจปิดบังตัวเองได้อีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้