ตอนเย็นเฉียวเยว่อาบน้ำไปก็คุยโม้กับอวิ๋นเอ๋อร์ไปเรื่อยเปื่อย "ข้าเป็นักสร้างความครึกครื้นมือฉมัง วันนี้หากข้าไม่พูดแทรกมุกตลกขึ้นมากลางวง มื้อเย็นก็คงกร่อยกันน่าดู"
อวิ๋นเอ๋อรีบเอาอกเอาใจนาง "คุณหนูเป็เทพธิดาน้อยเฉลียวฉลาดที่สุดเ้าค่ะ"
เห็นท้องของนางกลมป่องเป็สองชั้น อวิ๋นเอ๋อร์ก็เสนอว่า "เย็นนี้กินเยอะไม่รู้สึกอึดอัดท้องหรือเ้าคะ ให้บ่าวต้มน้ำซานจาให้สักถ้วยดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่ต้องแล้วล่ะ"
ตุ๊กตาน้อยนำโชคสวมชุดกระโปรงสีชมพู นั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กปล่อยให้อวิ๋นเอ๋อร์ช่วยเช็ดผมให้แห้ง
ขณะที่ไท่ไท่สามเดินเข้ามาเห็นนางดูเชื่อฟัง ก็รับผ้ามาจากอวิ๋นเอ๋อร์ แล้วเช็ดผมให้นางต่อ
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร?"
"มาดูว่าเ้านอนหลับหรือยังน่ะสิ" ไท่ไท่สามตอบ
หลังจากนั้นก็โบกมือให้อวิ๋นเอ๋อร์ออกไป "พรุ่งนี้ต้องว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ต่อไปอีกนะ"
เฉียวเยว่หัวเราะก๊าก
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่นาง "เ้าหัวเราะดีๆ มิได้หรือ"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ เข้ามากอดเอวมารดา "ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าจะทำตัวดีๆ ต่อไป แต่ข้ารู้สึกว่าท่านอาไม่ชอบท่านอาเขยสักนิด ข้านั่งนับ ั้แ่พวกเราออกมาจากเรือนหลัก ท่านอากลอกตาใส่เขาสามครั้งแน่ะ จิ๊ๆ"
ไท่ไท่สามนึกมันเขี้ยวบุตรสาวแทบตาย ประคองดวงหน้าน้อยของนาง "เ้าว่างนักใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่สั่นศีรษะ ดวงหน้าเล็กจ้อยเผยความน้อยเนื้อต่ำใจ พูดอย่างจริงจัง "ข้าไม่อาจซุกซน ย่อมต้องหาอะไรทำบ้าง"
ดูเถอะ ยังมีหน้ามาพูดเต็มปากเต็มคำว่าไม่อาจซุกซน
ไท่ไท่สามอยากตีก้นน้อยๆ ของนางสักที นางพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ "ถ้อยคำเหล่านี้อย่าเอ่ยออกไปส่งเดช พูดกับแม่ก็ช่างเถอะ แต่กับคนอื่นพูดไม่ได้ เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ "ท่านพ่อก็มิได้หรือ?"
ไท่ไท่สามพูดอย่างระอาใจ "ย่อมไม่ได้ หรือเ้าอยากให้ท่านพ่อวิตกกังวลเื่ของท่านอา?"
เฉียวเยว่ลูบใบหน้าของไท่ไท่สาม ก่อนถอนหายใจ "ท่านแม่ช่างไร้เดียงสายิ่ง ข้าไม่พูด ท่านพ่อจะมองเองมิออกหรือ"
"คนไร้เดียงสาตัวจริงคือเฉียวเยว่น้อยของเราต่างหาก เ้าไม่เข้าใจ บางถ้อยคำมิควรออกจากปากของเ้า เ้าน่ะ เพียงทำตัวน่ารักและเชื่อฟังก็ใช้ได้แล้ว"
เฉียวเยว่นั่งห้อยขาทั้งสอง นางเอาขาซ้ายถูขาขวา แล้วก็เอาขาขวาถูขาซ้าย
หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วตอบ "อื้อ"
ไท่ไท่สามกำชับเฉียวเยว่แล้ว ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
แท้จริงแล้วใครเล่าจะมองไม่ออกว่าการแต่งงานของน้องหญิงสี่มีปัญหา ผู้อื่นพูดได้ แต่นางไหนเลยจะมีสิทธิ์พูดเหมือนคนอื่น โดยเฉพาะเรือนสามของพวกนางยิ่งควรนิ่งเฉยเข้าไว้
หากมีเื่อันใด ซานหลางย่อมจะไปจัดการ แต่นางมิอาจเข้าร่วม เฉียวเยว่ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่
"เฉียวเฉียวเป็เด็กฉลาด ต้องเชื่อฟัง สองวันนี้ก็เรียนมารยาทให้ดี วันมะรืนเข้าวังถึงจะเป็เื่สำคัญมาก"
เอ่ยถึงเื่นี้ นางเองก็กังวลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรบุตรสาวของพวกเขาก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อย นางร่าเริงสดใสเกินไป คนในครอบครัวย่อมรู้สึกว่าน่ารักมาก แต่ไม่แน่ว่าคนนอกจะคิดเช่นนั้น
ถึงจะเฉลียวฉลาดอย่างไร ก็เป็เพียงเด็กห้าขวบ เกรงว่าจะไปก่อเื่ในวัง
"เข้าวังต้องตามอยู่ข้างกายแม่ ปากต้องหวานๆ รักษามารยาทหน่อย ได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ชูมือทำท่าตกลง หลังจากนั้นก็ยิ้มตาหยี "ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าจะพยายามทำให้ทุกคนชมชอบข้าให้ได้"
ไท่ไท่สาม "เอ้อ... เ้าไม่จำเป็ต้องพยายามอันใด แค่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็พอแล้ว"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "ข้าแสนดีเพียงนี้ ไม่มีเหตุผลที่ทุกคนจะไม่ชอบ"
"เ้าไม่ก่อเื่ แม่ก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว"
เฉียวเยว่ "ฮึ"
...
วันรุ่งขึ้นเฉียวเยว่น้อยจอมพูดมากก็ไปนั่งเท้าคางพูดเจื้อยแจ้วที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าแต่เช้า "ท่านย่า ท่านว่าข้าเป็เด็กที่ไม่น่าวางใจตรงไหน ท่านแม่กลัดกลุ้มกลัวว่าข้าเข้าวังแล้วจะไม่เชื่อฟัง วันนี้ตื่นขึ้นมาตอนเช้าใต้ตาเป็รอยคล้ำวงใหญ่ จิ๊ๆ เหมือนสยงเมา [1] เปี๊ยบ"
แต่ไหนแต่ไรมานางก็ชอบมาแต่เช้า คนอื่นๆ ยังมาไม่ถึง
นอกจากฮูหยินผู้เฒ่าก็มีเพียงซูเยียนหรันที่อยู่ค้างคืนที่นี่
ซูเยียนหรันเห็นนางทำแก้มป่อง ก็เอ่ยว่า "มารดาเ้าอาจกังวลเื่อื่นก็ได้"
"ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าแอบฟังพวกหลันหมัวมัวคุยกัน พวกนางบอกว่าท่านแม่วิตกว่าข้าจะไปก่อเื่ในวัง พวกท่านคิดดูสิ ข้าเป็เด็กดีเช่นนี้ จะก่อเื่ได้อย่างไร"
นางลุกขึ้นมาแล้วทำท่าแบบเซเลอร์มูน "ข้าน่ารักที่สุด"
ซูเยียนหรัน "..."
ชั่วพริบตานั้น นางพลันรู้สึกว่าเป็พี่สะใภ้สามไม่ง่ายอย่างยิ่ง
"มารดาเ้าพูดใช่ว่าไม่มีเหตุผล ในวังล้วนมีแต่ผู้สูงศักดิ์ เ้าเข้าวังจะทำเช่นนี้มิได้ ต้องคอยติดตามข้างกายมารดา แล้วก็พูดให้น้อยถึงจะไม่ผิดพลาด"
ฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มนางขึ้นมาบนตักแล้วสั่งสอน "ตอนนี้เ้าอายุยังน้อย หลายเื่ยังไม่เข้าใจ รอไว้โตแล้วก็จะเข้าใจเอง"
เฉียวเยว่เกาศีรษะทำสีหน้าคลางแคลง "จริงหรือเ้าคะ?"
จนกระทั่งไท่ไท่สามมาคารวะ ก็รู้สึกว่าสีหน้าของซูเยียนหรันยามมองตนเองดูแปลกพิกล
นางลอบสังเกตเสื้อผ้าของตนเอง ก็ไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปรกติ แต่งหน้าก็ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด แต่พอััถึงสายตาอันกระตือรือร้นของเฉียวเยว่ นางก็เข้าใจทันควัน
จึงถลึงตาใส่บุตรสาว เฉียวเยว่รีบเข้าไปซุกในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า พึมพำว่า "ท่านแม่ถลึงตาใส่เด็ก ท่านย่าต้องตำหนินางนะเ้าคะ"
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มมุมปาก "เ้าก่อกวนมารดาให้น้อยลงหน่อย ข้าว่าคนที่ไม่เชื่อฟังที่สุดก็คือเ้านี่แหละ"
เฉียวเยว่ไม่ยอมแพ้ "ไม่นะเ้าคะ ข้า..."
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ััได้ว่าสีหน้าของมารดานางเป็ทุกข์จนแทบคั้นน้ำออกมาได้อยู่รอมร่อ จึงไม่พูดอะไรอีก "ช่างเถอะ แค่นี้ท่านแม่ก็น่าสงสารมากพอแล้ว"
"พรืด" ซูเยียนหรันหัวเราะออกมา พลางเอ่ยว่า "เ้าเป็เด็กร่าเริงแจ่มใสจริงๆ"
เฉียวเยว่ชะโงกศีรษะออกมาทันควัน "ท่านอาพูดถูก ข้าถึงมีแต่คนชอบ ข้า..."
เฉียวเยว่พูดพล่ามไม่หยุด ไท่ไท่สามหน้าแดงก้มศีรษะด้วยความอับอาย
คนอื่นๆ ล้วนมีรอยยิ้ม เฉียวเยว่เล่นมุกตลกเยี่ยงนี้ มีแต่นางผู้เป็มารดาที่ตกประหม่า
แต่ในใจของไท่ไท่สามกลับรู้ดี นางกับซานหลางรู้จักบุตรสาวคนนี้ดีที่สุด
นางทำเช่นนี้มิได้เพื่อจะฟ้องจริงๆ และไม่ใช่เพื่อให้แม่สามีตำหนินาง แท้จริงแล้วกลับตรงกันข้าม นางทำเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะยิ่งไม่เบนหัวเข็มมาที่ตน
มีบุตรทั้งฉลาดและแสบสันจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี
แต่ทุกคราที่เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ขึ้น ไท่ไท่สามกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ที่นางหน้าแดงหาใช่เพราะตกประหม่า แต่เพราะนางรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันในความคิดอ่านของบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง
"ท่านอา หากท่านอยู่เมืองหลวงก็ดีน่ะสิ" เฉียวเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง
ซูเยียนหรันเลิกคิ้ว ริมฝีปากผลิยิ้ม "เพราะอันใดหรือ?"
"เพราะข้าจะได้มีที่พึ่งพิงเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แล้วข้าก็สามารถไปเป็แขกที่บ้านของพวกท่านได้ด้วย ตอนนี้ข้าออกไปไหนมิได้เลย ไม่มีที่ให้ไป อึดอัดมาก"
ไท่ไท่สามหัวเราะหึๆ
"หากข้าออกไปข้างนอกบ่อยขึ้น ไหนเลยจะต้องวิตกว่าข้าเข้าวังแล้วจะมีปัญหา?"
ตรรกะนี้ดูไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
แต่กลับฟังทะแม่งๆ อยู่บ้าง
แม้ว่าทุกคนล้วนอยู่ครบ แต่เฉียวเยว่คุยจ้อมาตลอด่เช้า ในที่สุดก็เหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เริ่มอ่อนเพลียและสัปหงก
"ข้าจะอุ้มนางกลับไปนอนสักครู่" ไท่ไท่สามเอ่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ "พวกเ้ากลับไปพักผ่อนกันเถอะ"
"ท่านอา ข้าอยู่เป็เพื่อนท่านดีหรือไม่?" จู่ๆ ชิงเยว่ก็เอ่ยปาก นางยิ้มตาหยี เด็กหญิงตัวน้อยแลดูน่ารัก
นางชำเลืองดูเฉียวเยว่ที่กำลังหลับเหมือนหมูน้อย ในใจแค่นเสียงเยาะ แต่ใบหน้ากลับยิ่งแสดงความน่ารักออกมา "ท่านอา ข้าอยู่เป็เพื่อนท่านดีหรือไม่"
"ข้ารู้สึกเหนื่อย เ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ" ซูเยียนหรันกล่าวเสียงเรียบ
ชิงเยว่กัดริมฝีปาก รบเร้าอีกครา "เช่นนั้นข้านอนเป็เพื่อนท่านอาได้หรือไม่"
"หมัวมัว ส่งชิงเยว่กลับไปพักผ่อน ข้ากับอาของเ้ามีเื่คุยกันเป็การส่วนตัวตามประสาแม่ลูก"
เห็นชิงเยว่เป็เช่นนี้ สีหน้าทุกคนล้วนแตกต่างกันไป
ไท่ไท่สามไม่พูดอะไร แต่ไท่ไท่รองเดินไปก็ด่าไป "นึกว่าฮูหยินผู้เฒ่ารับนางไปอยู่ด้วย แล้วตนเองจะได้เป็คุณหนูสายตรงงั้นรึ? หึๆ ช่างน่าขันสิ้นดี ไม่รู้จักประมาณตนเสียบาง แต่เห็นนางตั้งตนเป็ศัตรูกับนางเด็กน่าตายเฉียวเยว่ก็ดีเหมือนกัน"
"ไท่ไท่ไม่จำเป็ต้องใส่ใจเด็กผู้หญิงที่เกิดจากอนุคนหนึ่งหรอกเ้าค่ะ ท่านมีเกอเอ๋อร์ในใจเพียงคนเดียวก็พอ สิ่งสำคัญที่สุดยามนี้คือร่างกายของตนเอง เื่อื่นล้วนไม่สำคัญ นางอยากเรียกร้องความสนใจก็ให้นางทำไป พวกเรามีเื่ของพวกเรา ไม่จำเป็ต้องไปสนใจนาง" หมัวมัวข้างกายไท่ไท่รองเกลี้ยกล่อม
จากนั้นก็กดเสียงกระซิบ "แท้จริงแล้ว ข้าคิดว่าไท่ไท่อย่าออกไปข้างนอกบ่อยนักจะดีที่สุด และไม่ควรไปอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยชายหญิงเ่าั้ พวกเขายังอายุน้อย ไม่รู้หนักเบา หากไม่ระวังวิ่งชนถูกท่านจะเป็อย่างไร"
ไท่ไท่รองอึ้งงัน
"ยามนี้บุตรของท่านสำคัญที่สุด"
ไท่ไท่รองนึกดูแล้วก็พยักหน้าทันที "ถูกต้อง ถูกต้อง ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจอิจฉาริษยาจงใจวิ่งชนข้า ต้องระวังเสียแล้ว"
"นั่นสิเ้าคะ หากครรภ์นี้ของท่านเป็เกอเอ๋อร์ นั่นก็ต้องเป็คุณชายน้อยที่เล็กที่สุดของจวนนี้ ไท่ไท่ใหญ่มิริษยา หรือว่าไท่ไท่สามก็จะไม่ริษยา? ไหนจะอนุสองคนนั้นของนายท่านรองอีกเล่า หากพวกนางไม่อยากให้ท่าน... สองหัตถ์ของท่านไหนเลยจะสู้สี่กรของศัตรู อย่างไรเสียตอนนี้ท่านก็มีอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ มิอาจเลินเล่อเพียงเพราะอายุครรภ์มากขึ้น"
ยิ่งกล่าวเช่นนี้ ไท่ไท่รองก็ตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นหลั่งทั่วกาย "มีเหตุผล เ้าพูดมีเหตุผลยิ่ง ดูท่าข้าคงไม่ควรออกจากเรือนตามอำเภอใจอีกแล้วจริงๆ"
"ใช่เ้าค่ะ ไท่ไท่ฉลาดปราดเปรื่อง ควรตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้"
"ข้ารู้ ต่อไปแจ้งทางฮูหยินผู้เฒ่าว่าข้าไม่สบาย ของดการเข้าคารวะ" ไท่ไท่รองเอ่ย
หมัวมัว "เ้าค่ะ"
...
"ไท่ไท่ใหญ่ ไม่ต้องเป็ห่วง บ่าวเกลี้ยกล่อมไท่ไท่รองสำเร็จ ่นี้นางจะไม่ออกไปไหนตามอำเภอใจ ท่านวางใจได้เลย นางจะไม่ไปสร้างปัญหาให้กับท่านอีกเป็อันขาด" หมัวมัวยืนก้มหน้ารายงานอยู่ตำแหน่งที่ต่ำกว่า
"ทำงานได้ดีมาก" ไท่ไท่ใหญ่สีหน้าสงบนิ่ง แต่มุมปากของนางโค้งขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หญิงรับใช้คนสนิทเดินเข้ามายัดซองแดงให้หมัวมัวข้างกายไท่ไท่รอง
"ขอบคุณไท่ไท่ใหญ่ที่ให้รางวัล ขอบคุณไท่ไท่ใหญ่..."
"เ้าสมควรได้รับ ข้าไม่หวังสิ่งใดจากนาง เพียงแค่รักษาครรภ์อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว อย่าออกมาสร้างปัญหาเพิ่มให้ข้าก็ดีมากแล้ว
"ใช่ ใช่ ใช่เ้าค่ะ"
หลังจากเจียงหมัวมัวไปแล้ว นางก็แค่นเสียงเยาะ "นางหญิงโง่งมไม่ออกมาปรากฏตัว ความวุ่นวายในจวนก็เบาลงไปเยอะ"
...
[1] สยงเมา หมายถึงหมีแพนด้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้