หลังจากที่ลู่หยวนซีเดินมาถึงหน้าเรือนหลังเล็กตามความทรงจำที่ได้รับมา นางคิดจะผลักประตูหน้าเรือนเข้าไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงไอราวกับจะขาดใจดังแว่วมา ก่อนเสียงตุ๊บ!จะดังขึ้นให้ได้ยิน ร่างบางรีบผลักประตูรั้วเข้าไป ก่อนวิ่งตามเสียงนั้นไปยังห้องเล็กห้องหนึ่งที่อยู่ริมสุดทางเดิน
เมื่อนางผลักประตูเข้าไป กลิ่นเหม็นสายหนึ่งก็โชยออกมาทำเอาลู่หยวนซีต้องรีบยกมือขึ้นปิดจมูก กลิ่นเหม็นภายในห้องนั้นทำให้นางเกือบจะอาเจียน
“กลิ่นเหม็นอะไรกันเนี่ย”
ร่างบางก้าวเข้าไปในห้องเล็กมืดและเหม็นเน่าก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างนอนอยู่ที่พื้น ร่างผอมแห้งที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกกำลังคลานมาที่เท้าของนางช้าๆ ลู่หยวนซีเห็นภาพนั้นก็ใจนกรีดร้องออกมาไม่เป็ภาษา
“กรี๊ด!!!!ผีหลอก”
ยังไม่ทันที่นางจะทันได้วิ่งหนีออกไปจากห้อง เสียงแหบแห้งก็ดังตะคอกกลับมาก่อน
“หุบปาก!!แล้วไสหัวออกไปจากห้องนี้ซะ”
เสียงที่ได้ยินทำเอาลู่หยวนซีต้องหยุดชะงักไป เขาเป็คนหรือผีกันแน่ เหตุใดถึงได้ดูดุร้ายเพียงนี้ ร่างบางค่อยๆ หันกลับไปมองช้าๆ แสงที่ส่องลอดจากบานประตูทำให้นางมองเห็นบุรุษที่ผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกนอนอยู่บนพื้นได้อย่างชัดเจน บนใบหน้าของเขามีผ้าสีขาวพันเอาไว้เหลือเพียงจมูกและปากที่โผล่ออกมา ร่างกายส่วนล่างของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลสีเขียวคล้ำ และมันยังส่งกลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
“เขาคงจะไม่ใช่ตัวร้ายคนนั้นหรอกใช่ไหม”
ลู่หยวนซีพึมพำออกมาเสียงเบา แต่คนที่นอนอยู่บนพื้นกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
“หูหนวกหรืออย่างไร!! ข้าบอกให้ไสหัวออกไปจากห้องนี้”
เสียงดุดันตะคอกนางขึ้นมาอีกครั้ง ลู่หยวนซีได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ คนผู้นี้พูดเป็อยู่คำเดียวหรือไงนะ
ลู่หยวนซีไม่สนใจเขา นางมองออกไปนอกเรือนเวลานี้ดวงอาทิตย์ยังคงลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้าน่าจะยังพอมีเวลาอยู่ อาบน้ำให้เขาสักหน่อยแล้วกัน ในเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดจะปล่อยให้เขาตายไปได้อย่างไร
ลู่หยวนซีไม่สนใจเสียงตะคอกของชายหนุ่ม นางเดินออกจากห้องนั้นและเดินตรงไปยังหลังเรือนที่ที่มีโอ่งดินเผาใส่น้ำเอาไว้
แต่เมื่อนางชะโงกมองลงไป มันกลับว่างเปล่าไม่มีน้ำแม้สักหยด เป็ไปได้ยังไงกันที่นี่เป็ที่ที่คนใช้อยู่อาศัยจริงๆ อย่างนั้นหรือ นางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะคว้าถังไม้สองถังเดินตรงไปยังลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้าน
ผ่านไปนานกว่าที่โอ่งดินเผาทุกใบในเรือนจะเต็ม แม้จะไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าสักเท่าใดทั้งที่เดินไปกลับตั้งหลายเที่ยว แต่ลู่หยวนซีก็แอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย มีงานอะไรง่ายๆ สำหรับนางบ้างไหม เ้าระบบบ้านั่นส่งนางมายังที่ที่แม้แต่น้ำประปาก็ยังไม่มี มันน่านัก
ลู่หยวนซีต้มน้ำในห้องครัวเอาไว้หลายถัง ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องเล็กห้องนั้นอีกครั้ง ถึงแม้ชายหนุ่มจะตาบอดและขาพิการมาสองปี แต่หูทั้งสองข้างกลับใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมเป็การตอบแทน
หลังจากที่ลู่หยวนซีออกจากห้องไป ร่างผอมแห้งของชายผู้นั้นก็พลิกตัวนอนหงาย เขาจดจำมันได้เป็อย่างดีเสียงฝีเท้าของหญิงผู้นั้น สาวใช้ที่บ้านใหญ่ส่งมาดูแลเขา แต่ความจริงคือพวกเขาส่งนางมาทรมานตนเองให้ตายไปอย่างช้าๆ ต่างหาก วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ เขาได้ยินเสียงนางเดินเข้าออกเรือนพร้อมกับถังน้ำตั้งหลายรอบ
หัวของนางคงไม่ได้ถูกลาเตะมากระมัง ถึงได้อยู่ดีๆ ลุกขึ้นมาทำงานเช่นนี้ สตรีที่ี้เีสันหลังยาวอย่างนางไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ บางทีเขาคงจะหูฝาดไปเอง
ลู่หยวนซีไม่รู้ความคิดของตัวร้ายที่อยู่ในความดูแลของตน นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกก่อนเดินเข้าไปในห้องอีกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของอีกฝ่าย แม้เขาจะตัวสูงมากแต่ก็ผอมมากเช่นกัน นางที่ยังเป็คนปกติทั้งยังมีกำลังมากกว่าเดิมมีหรือจะสู้แรงเขาไม่ได้
“ปล่อยข้านะ!!! สตรีร้ายกาจเช่นเ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ อย่าเอามือสกปรกของเ้ามาแตะตัวข้า”
ลู่หยวนซีไม่สนใจเสียงโวยวายของเขา ถึงอย่างไรก็มีเพียงแค่มือเท่านั้นที่เขาสามารถขยับได้ ส่วนท่อนล่างนั้นนิ่งสนิท ร่างบางอุ้มคนที่ตัวสูงกว่าตนลอยติดมือขึ้นมาราวกับร่างของเขานั้นไร้น้ำหนัก
แม้เสียงโวยวายจะดังอยู่ข้างหูไม่หยุดแต่นางก็ไม่สนใจ ยังคงพาร่างผอมแห้งเดินไปยังหลังเรือน สถานที่ที่เตรียมเอาไว้สำหรับอาบน้ำให้เขา
“น้องๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าล้วนผ่านมือข้ามาทั้งนั้น และเ้าก็จะต้องเป็รายต่อไป เลิกโวยวายเสียก่อนที่ข้าจะจับเ้ากดน้ำ”
น้ำเสียงเรียบเฉยที่ต่างจากในยามปกติที่มักจะเอ่ยประชดประชันเขา ทำให้กู้จิ่งเหยียนหยุดชะงักไป หญิงผู้นี้ใช่คนเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในเรือนเดียวกันกับเขาแน่อย่างนั้นหรือ แม้นำเสียงของนางจะเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป
หลังจากที่นางขู่ว่าจะจับเขากดน้ำกู้จิ่งเหยียนก็เลิกต่อต้านไปทันที เขา้าดูว่าสตรีร้ายกาจผู้นี้คิดจะทำสิ่งใดกันแน่ และลู่หยวนซีไม่ปล่อยให้เขาต้องสงสัยนาน นางวางร่างผอมแห้งลงด้านข้างถังไม้ขนาดใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้ ก่อนจะถอดชุดสีขาวที่ยามนี้เปลี่ยนเป็สีเหลืองคล้ำส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมาที่เขาสวมใส่ออก
“นี่!! หยุดเดี๋ยวนี้!! เ้าคิดจะทำอะไร ปล่อยข้านะ”
ลู่หยวนซีถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ แต่มือของนางก็ไม่ได้หยุดทำหน้าที่ของตน แม้มือผอมแห้งของอีกฝ่าจะจับสาบเสื้อเอาไว้แน่น แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านพละกำลังของลู่หยวนซีได้เลย
“เลิกโวยวายเสียที ข้ากำลังจะอาบน้ำให้เ้า ไม่รู้ตัวหรืออย่างไรว่าตัวของเ้ากำลังจะเน่าหมดแล้ว”
สิ้นเสียงของนาง กู้จิ่งเหยียนก็ชะงักไปอีกครั้ง เขายอมตายไปเสียตอนนี้เลยยังจะดีกว่าถ้าต้องมาถูกนางหยามเกียรติเช่นนี้ ร่างสูงพยายามต่อต้านจนถึงที่สุด ลู่หยวนซีเห็นว่าเขาคงไม่มีทางยอมง่ายๆ นางจึงฉีกชุดที่เขาใส่ทิ้งเสียเลย
แควก!!!
นางดึงชุดที่กู้จิ่งเหยียนใส่เอาไว้จนขาดไปทั้งตัว ตอนนี้เหลือเพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก นางไม่ใส่ใจว่าเขาจะอายหรือรู้สึกอะไรหรือไม่ ลู่หยวนซีอุ้มร่างผอมวางลงไปในถังน้ำอุ่นเบาๆ ก่อนเดินไปหยิบสบู่มาเพื่ออาบน้ำให้เขา หลังจากเปลี่ยนน้ำอุ่นไปหลายครั้ง ร่างกายที่เคยเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง
ลู่หยวนซีค่อยๆ แกะผ้าสีขาวที่พันบนใบหน้าของเขาออก เพราะคิดที่จะสระผมให้เขาด้วย แต่แล้วเมื่อนางได้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าพันแผล ลู่หยวนซีถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง มิน่าเล่าเหตุใดเ้าระบบถึงได้ดูคลั่งไคล้เขาขนาดนั้น
ดวงตาสีม่วงภายใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งเป็สัน รวมกับใบหน้าคมที่ด้านข้างมองเห็นสันกรามได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากบางที่เม้มน้อยๆ แลดูเอาแต่ใจของเขาทำให้เวลานี้นางมิอาจละสายตาได้ ไรหนวดที่ขึ้นเขียวบางๆ ทำให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาและยั่วยวนในเวลาเดียวกัน
ลำคอยาวรับกับลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงเป็จังหวะอย่างพอดี ผิวขาวดูเรียบลื่นของหน้าอกเลยลงไปถึงหน้าท้องแม้จะผอมมากแต่เขาก็ยังคงดูดีอยู่ เขาช่างเป็ชายหนุ่มรูปงามที่หาตัวจับได้ยากเสียจริง
ลู่หยวซีจุ๊ปากเบาๆ แม้นางจะเคยเห็นดารานักร้องมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นใครเหมือนชายผู้นี้สักคน ใบหน้าของเขานั้นทำให้คนที่เห็นยากจะละสายตาได้ แม้แต่รอยตะขาบไฟสีแดงที่ขึ้นตามลำคอลากยาวมาจนถึงใบหน้าของเขา ก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาของคนผู้นี้ได้เลย มันทั้งดูลึกลับและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
ลู่หยวนซีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่ได้ๆ จะมาไขว้เขวเพราะรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้ ท่องเอาไว้ว่าชายคนนี้เป็เพียงตัวละครในนิยายเท่านั้น ขอเพียงรักษาเขาให้หายดีนางก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติของตนแล้ว
ลู่หยวนซีรีบสระผมให้กู้จิ่งเหยียนโดยที่ไม่ได้ปริปากเอ่ยสิ่งใดออกมา มีเพียงเสียงถอนหายใจของนางเท่านั้นที่ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ภายในใจของกู้จิ่งเหยียนกำลังคิดว่านางคงจะรังเกียจตนเองที่ทั้งอัปลักษณ์และพิกลพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้เป็แน่ หึ!! ใครอยากให้สตรีร้ายกาจเช่นเ้ามาดูแลข้ากัน
หลังจากอาบน้ำให้กู้จิ่งเหยียนเสร็จแล้ว ลู่หยวนซีก็กลับเข้าไปในห้องของเขาอีกครั้งเพื่อนำชุดใหม่มาเปลี่ยน แต่ภายในห้องที่ยังคงมีกลิ่นเหม็นนั้นกลับไม่มีชุดเสื้อผ้าของเขาอยู่เลย
“คงไม่ใช่ว่ามีแค่ชุดที่ข้าฉีกทิ้งไปหรอกนะ”
ลู่หยวนซีค้นดูภายในเรือนทั้งหมดแล้วแต่ก็ไม่พบชุดเสื้อผ้าของบุรุษเลย ภายในห้องนั้นมีเพียงที่นอนเก่าที่ตอนนี้ไม่น่าจะสามารถใช้นอนได้อีก กับผ้าห่มขาดหนึ่งผืน แม้แต่กาน้ำชาก็ยังไม่มี สองคนนี้มีชีวิตอยู่มาได้ยังไงนะ นางี้เีจะมาถามหาเหตุผล ในเมื่อเรือนหลังนี้คนที่ยังปกติดีอยู่มีเพียงนางเท่านั้น ดังนั้นภาระทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่นางแทน
ลู่หยวนซีเดินย้อนกลับไปในห้องนอนของตน ห้องนี้ดูเหมือนจะใหญ่กว่าห้องที่แล้ว น่าจะเป็ห้องหลักของเรือน แต่ทำไมสาวใช้ถึงได้นอนห้องหลักแต่เ้านายกลับได้นอนห้องเล็ก ดูเหมือนภาพที่ไม่ชัดเจนเ่าั้คงจะเป็ความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า
หลังจากหาชุดของบุรุษมาให้เขาใส่ไม่ได้ ลู่หยวนซีจึงตัดสินใจหยิบชุดของสตรีออกมาก่อนจะเดินกลับมายังด้านหลังเรือนอีกครั้ง นางโบกมือไปมาที่ด้านหน้าของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขามองไม่เห็นจริงๆ จากนั้นจึงใส่ชุดสตรีให้กู้จิ่งเหยียนแทน ในเมื่อตาของเขามองไม่เห็นเขาคงไม่รู้กระมังว่าตนเองกำลังใส่ชุดของสาวใช้ของตนอยู่
หลังจากแต่งตัวให้เขาเสร็จแล้ว ลู่หยวนซีจึงอุ้มร่างผอมแห้งไปวางเอาไว้ที่ม้านั่งด้านหน้าเรือน เพื่อให้เขาได้ตากแดดเสียบ้าง คงเพราะเอาแต่นอนอยู่ในห้องไม่ได้เจอแสงแดดมานาน จึงทำให้ผิวของเขาขาวมากจนกลายเป็ซีดเล็กน้อย
จากนั้นนางจึงกลับมาทำความสะอาดห้องของกู้จิ่งเหยียน นางนำที่นอนและผ้าห่มเก่าผืนนั้นไปเผาทิ้ง จากนั้นทำความสะอาดเปิดประตูหน้าต่างให้กลิ่นได้ระบายออก แต่เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพบว่าดวงตะวันยังคงอยู่สูง นางจึงทำความสะอาดห้องของตนบ้าง และพบว่าภายในห้องมีสิ่งของมีค่าหลายชิ้นที่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งไม่น่าจะมีได้
ในตู้ยังมีที่นอนและผ้าห่มอีกชุดทำไม่นางไม่เปลี่ยนให้เขา ทั้งที่มีของใหม่แต่กลับให้คุณชายของตนใช้ของเก่าที่แม้แต่ขอทานยังไม่ใช้เลย ไม่แปลกที่เขาจะต่อต้านผู้หญิงคนนี้
ลู่หยวนซีนำที่นอนอันใหม่ในตู้ออกมาปูที่เตียง ก่อนจะเดินออกไปอุ้มกู้จิ่งเหยียนเข้ามาในห้อง นางวางร่างผอมแห้งลงไปแ่เบาก่อนห่มผ้าให้เขาอีกชั้น
“ข้าจะไปทำอาหารมาให้ท่านทาน รอสักครู่นะเ้าคะ”
นำเสียงเรียบนิ่งที่ลู่หยวนซีเอ่ยออกมา ทำให้กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย วันนี้มีหลายสิ่งที่ดูแปลกไป เขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้้าสิ่งใดจากเขากันแน่ หรือว่าที่นางหันมาทำดีต่อเขาเพื่อที่จะทำให้เขาตายใจ จากนั้นค่อยหาเื่กลั่นแกล้งเขาอีก หึ!! เขาไม่มีทางหลงกลนางแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้