แม้ไม่ใช่ฮ่องเต้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ แต่เป็ฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์ตามเสียงเรียกร้องของปวงชนที่ทุกข์ยากจากไฟาชิงบัลลังก์ของเหล่าบุรุษ ราวกับเสียงโองการจากฟ้าสถาปนาฮ่องเต้หญิงองค์ถัดไปพระนามว่า
“จักรพรรดินีฮั่วไท่หนิง”
“ข้าไม่ได้เริ่มต้นด้วยตำแหน่งสนมไฉเหริน ที่จะเปลี่ยนราชวงศ์ฮั่วให้เป็ราชวงศ์อื่น แต่ข้าเริ่มต้นด้วยตำแหน่งองค์หญิง เืในกายข้าเป็เืของราชกุลเร่อ ดังนั้นแผ่นดินก็ยังเป็ของคนต้าฮั่วเช่นเดิม” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัสด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นก้องวังวาน บนบัลลังก์ัในท้องพระโรง พระองค์ใส่ชุดลายั 5 เล็บ ชุดที่ตัดไว้สำหรับสำหรับสตรีที่มีตำแหน่งสูงสุดเหนือคนทั้งใต้หล้า และบนพระเศียรสวมเหมี่ยนกวาน เข้าพิธีสถาปนาแต่งตั้งฮ่องเต้ถูกต้องตามประเพณียิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
“ฝ่าาทรงพระปรีชา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” เหล่าขุนนางกล่าวพร้อมกัน และทำการคุกเข่าคำนับ
แผ่นดินต้าฮั่วประกอบไปด้วย 10 แคว้น ได้แก่ แคว้นฮั่ว แคว้นชิว แคว้นเหยียน แคว้นผิง แคว้นเซิน แคว้นโม่ แคว้นกู่ แคว้นฉวน แคว้นถาง และแคว้นปิง รวมแผ่นดินโดยปฐมฮ่องเต้ พระราชบิดาของฮ่องเต้ไท่หนิงพระนามว่า
“จักรพรรดิฮั่วไท่จู่”
เดิมทีฮ่องเต้ไท่หนิงเป็เพียงองค์หญิงในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จู่เท่านั้น ซึ่งองค์ปฐมฮ่องเต้ไม่มีพระโอรสสายตรง มีแต่พระธิดาสายตรงที่กำเนิดจากฮองเฮาอยู่ 1 พระองค์คือ องค์หญิง เร่อฉางหนิง (ภายหลังถูกสถาปนาเป็ฮ่องเต้) มีองค์ชายที่เกิดจากพระสนมอีก 2 พระองค์ได้แก่ องค์ชายใหญ่ เร่อเฉินช่าน องค์ชาย เร่อกวางเฉิง ซึ่งเป็บุรุษมีสิทธิ์ได้สืบบัลลังก์ นอกจากนั้นยังมีพระธิดาที่เกิดจากสนม รวมพระโอรสและพระธิดาทั้งหมด 8 พระองค์
โหรวฮองเฮา ทรงอิทธิพลเป็อย่างมาก เรียกได้ว่าถ้าฮ่องเต้ไม่แต่งกับฮองเฮาพระองค์นี้ ไม่มีทางรวมแผ่นดินสำเร็จ มหาอำมาตย์โหรว เป็พี่ชายของฮองเฮา ในห้วงารวมแผ่นดิน ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเขาเป็ มหาอำมาตย์แห่งใต้หล้า ทั้งบัญชากองทัพ และวางรากฐานราชสำนัก จนมีแผ่นดินต้าฮั่วจนถึงทุกวันนี้
เสียดายที่โหรวฮองเฮาไม่มีพระโอรส จึงรับองค์ชายใหญ่เฉินช่าน ที่เสียพระมารดาไปั้แ่ยังเด็กมาเป็พระโอรสสายตรง เพื่อหวังว่าฮ่องเต้จะได้แต่งตั้งเขาเป็รัชทายาท ส่วนซุยกุ้ยเฟย ก็หวังว่าองค์ชายกวางเฉิง จะได้รับแต่งตั้งเป็รัชทายาทเช่นกัน แต่เคราะห์ร้ายโหรวฮองเฮาทรงประชวรหนักตไปเสียก่อน ทำให้องค์ชายใหญ่เฉินช่านไร้ที่พึ่ง
เมื่อฮองเฮาตไปแล้ว ในวังหลังตระกูลโหรวก็ต้องพึ่งพิงองค์หญิงฉางหนิง ซึ่งมีมหาอำมาตย์โหรวเป็ลุง บัดนี้ใครจะได้ครองราชย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์ชายทั้งสอง แต่ขึ้นอยู่กับองค์หญิงฉางหนิง จะสนับสนุนให้ใครขึ้นครองบัลลังก์
“น้องหญิงเ้าจะสนับสนุนข้าเป็รัชทายาทหรือไม่ โหรวฮองเฮารับข้าเป็โอรสดังนั้นข้ากับเ้าก็เหมือนพี่น้องแท้ๆ เ้าจะไปคุยกับมหาอำมาตย์โหรวลุงของเ้าให้ส่งเสริมข้าได้หรือไม่” องค์ชายเฉินช่านกล่าว
“เสด็จแม่กับข้าไม่ได้มีใจเดียวกัน จึงมีความคิดไม่เหมือนกัน พระนางทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เป็ไทเฮา ซึ่งฮองเฮารักเสด็จพ่อมาก พระนางแต่งเข้าราชกุลเร่อ ทุกการกระทำล้วนทำเพื่อราชสกุลเร่อ แทบไม่นึกถึงตระกูลโหรวเลย ส่วนข้ามีความคิดเป็ของตัวเอง องค์ชายคนไหนทำประโยชน์แก่ใต้หล้า และให้ความมั่นคงแก่ตระกูลโหรวได้ ข้าย่อมสนับสนุนผู้นั้น” องค์หญิงฉางหนิงกล่าว
“ข้าสามารถทำประโยชน์แก่ใต้หล้าได้ และจะให้ตระกูลโหรวอยู่คู่กับราชวงศ์ฮั่วสืบไป” องค์ชายเฉินช่านกล่าว
“ข้าจะรอดูการกระทำของท่านก่อน แล้วข้าค่อยตัดสินใจ” องค์หญิงฉางหนิงยังไม่เลือกอยู่ฝั่งเดียวกับผู้ใด
แต่องค์ชายกวางเฉิง ก็ติดต่อองค์หญิงฉางหนิงให้มาสนับสนุนเขาเช่นกัน ดังนั้นนางจึงทำทีสนับสนุนทั้งสองฝ่าย ใครได้เป็รัชทายาทนางก็อยู่ข้างคนนั้น
ฮ่องเต้ไท่จู่เห็นว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน ฮองเฮาก็จากไปแล้วจึงคิดอยากที่จะแต่งตั้งรัชทายาทสืบบัลลังก์ ดังนั้นจึงออกราชโองการแต่งตั้งให้องค์ชายใหญ่เป็ เฉินไท่จื่อ และแต่งตั้งให้องค์ชายกวางเฉิงเป็ กวางชินอ๋อง
กวางชินอ๋องเป็คนโมโหร้ายได้ความร้ายกาจมาจากพระมารดาซุยกุ้ยเฟย อีกทั้งยังมีซุยกั๋วกงเป็อาที่มีกำลังทหาร คอยยุยงให้ก่อฏ ดังนั้นกวางชินอ๋องจึงลงมือฆ่าพระบิดาด้วยตนเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว กองทัพทหารของซุยกั๋วกงบุกยึดเมืองหลวง สถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่พระนามว่า จักรพรรดิฮั่วไท่เฉิง
ในการก่อฏของฮ่องเต้ไท่เฉิง สร้างความโกรธแค้นให้กับเหล่าเชื้อพระวงศ์ชายไม่ว่าจะเป็ เหยียนชินอ๋องที่ครองแคว้นเหยียน กู่ชินอ๋องที่ครองแคว้นกู่ ปิงจวิ้นอ๋องที่ครองแคว้นปิง และผิงจวิ้นอ๋องที่ครองแคว้นผิง ร่วมกันก่อฏพิชิตเมืองหลวง แต่ถูกฮ่องเต้ไท่เฉิงสังหารพระเ้าอาทั้ง 4 พระองค์ ที่บุกมาตีเมืองหลวงตายเรียบ
แต่สิ่งที่ฮ่องเต้ไท่เฉิงกลัวที่สุดคือ ตระกูลโหรวเนื่องจากมหาอำมาตย์ได้ไปปักหลักอยู่ที่แคว้นถางแล้ว หากกองทัพ 5 แสนนายบุกเมืองหลวง พระองค์คงรักษาบัลลังก์ไว้ไม่อยู่เป็แน่ จึงได้ถวายพระนามเทิดพระเกียรติองค์หญิงฉางหนิงให้เป็ “ฉวนผิงถางเหยียนปิง ฉางหนิงจ่างกงจู่” เป็การแสดงความเคารพต่อพระเชษฐภคินี (พี่สาว) โดยให้มีชื่อแคว้นนำหน้าชื่อตามด้วยตำแหน่ง ซึ่งได้ใช้ชื่อแคว้น 5 แคว้นนำหน้าชื่อเป็การบ่งบอกถึงความเคารพนับถือ (ในประวัติศาสตร์เคยมีองค์หญิงที่เคยได้ชื่อแคว้นนำหน้าชื่อสูงสุด 5 แคว้น จะไม่ตั้งเกินนี้)
ด้วยเหตุนี้ 5 แคว้นที่ยังไม่ได้ก่อฏจึงไม่กล้าลุกฮือเพราะเข้าใจว่า องค์หญิงฉางหนิงได้ให้การสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่จริงๆ แล้ว องค์หญิงฉางหนิงยังวางตัวเป็กลาง นางได้ออกจากวังมาพำนักอยู่ตำหนักองค์หญิงที่ชานเมือง โดยที่ฮ่องเต้ไม่กล้าขวาง
รัชทายาทเฉินไท่จื่อ หนีออกมาปักหลักอยู่แคว้นฉวน รวบรวมกำลังกองทัพเพื่อหวังปราบทรราชทวงบัลลังก์คืน เขาได้รวบรวมแคว้นที่สูญเสียอ๋องไปได้แก่ แคว้นเหยียน ปิง กู่ ผิง และรวมแคว้นฉวนที่พระองค์อยู่ รวมทหาร 5 แคว้น นับ 7 แสนนาย กล่าวคือรวมได้ครึ่งหนึ่งของแผ่นดินต้าฮั่ว บุกเมืองหลวงสังหารฮ่องเต้ทรราชได้สำเร็จ สถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่พระนามว่า จักรพรรดิฮั่วไท่เฉิน
แต่ฮ่องเต้องค์นี้ไม่พอใจ และเข้าใจผิดในตัวองค์หญิงฉางหนิงว่าช่วยฮ่องเต้องค์ก่อนแต่ไม่ช่วยพระองค์ บัดนี้แผ่นดินแตกเป็เสี่ยงๆ ทางเดียวที่จะรวมแผ่นดินได้ต้องพึ่งพาตระกูลโหรว ดังนั้นฮ่องเต้จึงแต่งตั้งสถาปนาให้ ฉางหนิง จ่างกงจู่ เป็ “ฮั่วเหยียนผิงเซินโม่กู่ฉวนถางปิงชิว ฉางหนิง ต้าจ่างกงจู่” โดยให้มีชื่อแคว้นนำหน้า 10 แคว้น เป็การบ่งบอกว่าเคารพนับถือองค์หญิง 3 แผ่นดิน (3 รัชมัย) ซึ่งการนำชื่อแคว้น 10 แคว้นนำหน้าชื่อ องค์หญิงฉางหนิงเป็คนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีพระยศครอบคลุมแผ่นดินทั้งหมดทั้งต้าฮั่ว
เมื่อแผ่นดินเริ่มเข้าร่องเข้ารอยฮ่องเต้ไท่เฉินเริ่มใช้วิธีสกปรกกำจัดองค์หญิงฉางหนิงให้พ้นทาง ไม่ว่าจะวางยาพิษ ใช้นักฆ่ารอบสังหาร หรือแม้แต่สาดโคลนป้ายความผิด ล้วนใช้ไม่ได้ผลกับองค์หญิงเลย เพราะมีตระกูลโหรวคุ้มกันอีกทั้งคนในราชสำนักส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลโหรว
แต่เหตุผลที่พระนางจะโค่นล้มฮ่องเต้ไท่เฉินคือบริหารบ้านเมืองเละเทะ ติดสุรานารี ั้แ่ครองราชย์มา่แรกดูเหมือนทรงงานดีแต่ภายหลังเผยธาตุแท้ไม่สนใจราชกิจ อีกทั้งยังสังหารเชื้อพระวงศ์ชายไปหลายคน เพราะกลัวว่าจะมาแย่งชิงบัลลังก์ จนบัดนี้แทบไม่เหลือเชื้อพระวงศ์ชายแล้ว
ฮ่องเต้ทรราชเข่นฆ่าขุนนางตงฉินขุนนางซื่อสัตย์ที่ออกมาว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งมีขุนนางตงฉินหลายคนออกมาทูลกล่าวเตือนฮ่องเต้ พวกเขาโดนข้อหาฏปะา 9 ชั่วโคตร ขุนนางที่เหลือรู้จักเอาตัวรอด จึงไม่มีขุนนางใดออกมาว่ากล่าวตักเตือนอีก และได้พากันมาเข้าเฝ้าองค์หญิงฉางหนิงเพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหา
าชิงบัลลังก์จะไม่มีแค่ภายในต้าฮั่วเท่านั้น เผ่าตูลุนที่อยู่ตอนเหนือ และเผ่ากังกุยที่อยู่ชายแดนทิศตะวันตก จ้องจะบุกทำาตึงกำลังตั้งค่ายอยู่นอกด่าน พวกศัตรูรู้ข่าวว่าภายในต้าฮั่ววุ่นวายและเริ่มอ่อนแอลง ทำให้ชนเผ่านอกด่านแข็งข้อ้าเปิดศึก่ชิงแผ่นดิน องค์หญิงเกรงว่าจะมีศึกทั้งนอกและศึกใน ถ้าปล่อยให้ฮ่องเต้ทรราชครองบัลลังก์ต่อไปแผ่นดินที่องค์ปฐมฮ่องเต้รวบรวมไว้ต้องแตกเป็เสี่ยงๆ ถูกแบ่งแยกดินแดนเป็แน่
ดังนั้นตระกูลโหรวได้รับคำสั่งจากองค์หญิงฉางหนิงให้ยกทัพก่อฏ นำโดยมหาอำมาตย์โหรว ด้วยความที่มหาอำมาตย์โหรวชำนาญศึก มีประสบการณ์รบั้แ่รวมแผ่นดินในยุคปฐมฮ่องเต้ ใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น ในการบุกยึดเมืองหลวง จับกุมฮ่องเต้ไท่เฉินไปขังไว้ในคุกใต้วังหลวง และควบคุมราชสำนักทั้งหมด สถาปนาฮ่องเต้หญิงองค์ใหม่พระนามว่า
“จักรพรรดินีฮั่วไท่หนิง”
ฮ่องเต้มีรูปโฉมที่งดงามดุจดั่งนางพญาั พระองค์งดงามเป็ยอดวีรสตรีที่สวยดุ มีสายพระเนตรที่น่าเกรงขาม ความงามของพระองค์บุรุษน้อยคนนักที่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมามอง และมีน้ำเสียงหนักแน่นตรัสวาจาศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าดั่งทองพันชั่ง
ฮ่องเต้ไท่หนิงทรงอำนาจเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ขึ้นครองบัลลังก์ตามคำเรียกร้องของปวงประชาที่้าหยุดไฟาจากการแย่งชิงบัลลังก์ของบุรุษ แม้จะมีขุนนางบางคนคัดค้าน แต่ขุนนางส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลโหรวทั้งหมดแล้ว
ในการขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้ ได้ขึ้นครองราชย์ด้วยความชอบธรรม พระองค์เป็พระธิดาสายตรงเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ไท่จู่ กับโหรวฮองเฮา แม้จะเกิดเป็สตรีแต่ก็คู่ควรนั่งบัลลังก์มากกว่าผู้ใด
“ข้าขึ้นครองบัลลังก์เพื่อให้แผ่นดินมั่นคงเป็ปึกแผ่น ขอออกราชโองการแรก ผู้ใดคิดเป็ฏให้หยุดการกระทำนั้นเสีย การกระทำที่ผ่านมาข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราชโองการแรกของข้าคืออภัยโทษทั่วหล้า และราชโองการที่สองข้าขอสถาปนาหวงจิ้น” ฮ่องเต้ตรัสออกราชโองแรกตามธรรมเนียม และออกราชโองการที่สองแต่งตั้งพระสวามีเป็ หวงจิ้น ตำแหน่งเทียบเท่า ฮองเฮา ซึ่งเป็คำเรียกสำหรับบุรุษ
“ขอฝ่าา ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี ขอหวงจิ้น ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี” เหล่าขุนนางกล่าวพร้อมกัน และทำการคุกเข่าคำนับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้