“พี่หญิงรอง พอดีเลย ข้าอยากตัดชุดฤดูใบไม้ผลิให้ท่านแม่ แต่ข้าเย็บปักถักร้อยไม่เป็ หากพี่หญิงรองช่วยข้าได้ก็ดีเลยเ้าค่ะ”
ชุดที่อวิ๋นเหมยเอ๋อร์สวมนั่น นางรู้สึกว่าตัดเย็บดีทีเดียว เพียงแต่แบบชุดดูเชยไปเท่านั้น พออวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เอ่ยถึงเื่เย็บปักถักร้อย นางก็คิดวิธีหาเงินได้อีกหนึ่งวิธี
เดิมทีนางอยากจะซื้อชุดฮั่นฝู [1] แบบประยุกต์จากเถาเป่ามาให้ฟางซื่อ เพราะวิวัฒนาการของเครื่องแต่งกายกว่าจะถึงยุคปัจจุบัน ชุดฮั่นฝูที่ได้รับการปรับปรุงแบบใหม่นั้นไม่เพียงแต่ใช้งานได้จริง แต่ยังสวยงามอีกด้วย ซึ่งเป็สิ่งที่ไม่มีในแคว้นต้าเยี่ย
เครื่องแต่งกายของแคว้นต้าเยี่ยคล้ายกับราชวงศ์ซ่งของประเทศจีน มีความสวยงามเช่นกัน แต่แบบที่ดูดีนั่นมักจะมีรายละเอียดที่ซับซ้อน ไม่เหมาะที่จะสวมใส่ในชนบท เพราะไม่สะดวกต่อการทำงาน
ส่วนแบบที่ชาวบ้านทั่วไปสวมใส่ อวิ๋นเจียวก็รู้สึกว่ามันไม่สวยนัก นางเคยคิดที่จะวาดแบบชุดฮั่นฝูประยุกต์จากในเถาเป่า แล้วนำไปขายที่ร้านขายชุดสำเร็จรูป แต่ประการแรกคือนางวาดรูปไม่เป็
ประการที่สองคือไม่ควรนำชุดฮั่นฝูประยุกต์ไปขายที่ร้านขายชุดสำเร็จรูป เพราะชุดฮั่นฝูประยุกต์นั้นมีร่องรอยของเทคโนโลยียุคใหม่มากมาย เช่น จักรเย็บผ้า
แต่นางไม่กลัวที่จะให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ดู ประการแรกคืออวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ไม่เคยเห็นโลกกว้าง ต่อให้นางหยิบชุดที่ไม่เหมือนใครออกมาให้นางดู นางก็คงคิดว่าอวิ๋นเจียวซื้อมาจากเมืองหลวง
ประการที่สองคือให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ตัดเย็บตามแบบที่นางให้ คนภายนอกก็จะไม่รู้ที่มาของชุด อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าชุดแบบนี้ดูแปลกใหม่
ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็ไปได้ นางอยากจะเปิดร้านขายชุดสำเร็จรูปเอง แล้วให้ชุนเหมยกับอากุ้ยไปดูแล เพราะชุดสำเร็จรูปกับเครื่องประทินผิวแตกต่างกัน เครื่องประทินผิวคนอื่นลอกเลียนแบบไม่ได้
ส่วนชุดสำเร็จรูป เพียงแค่คนอื่นซื้อไปหนึ่งตัว ก็สามารถนำไปตัดเย็บตามแบบเองได้ ดังนั้นการขายแบบเสื้อผ้าให้กับร้านขายชุดสำเร็จรูปนั่นคงได้เงินไม่มากนัก
ส่วนเื่ฐานะทางสังคมก็ไม่เป็ปัญหา ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็ชุนเหมยหรืออากุ้ยก็สามารถเป็เ้าของร้านได้ บรรดาผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงก็เปิดร้านค้ามากมาย ล้วนแล้วแต่ใช้ชื่อของพ่อบ้านที่ซื่อสัตย์เป็เ้าของร้านทั้งนั้น
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เป็คนละเอียดอ่อน วันนี้พวกเขาสามารถแยกบ้านได้ก็เพราะครอบครัวของท่านอาสอง
เดิมทีนางก็กังวลว่าจะตอบแทนบุญคุณครอบครัวของอวิ๋นเจียวอย่างไร คราวนี้อวิ๋นเจียวบอกว่ามีเื่ให้ช่วยเหลือ นางก็ดีใจมากทันที ดวงตาทั้งสองข้างเป็ประกาย
“ตกลง น้องเจียวเอ๋อร์แค่บอกข้ามา ข้าจะรีบทำให้เสร็จโดยเร็ว เพียงแต่แบบชุด น้องเจียวเอ๋อร์อยากได้แบบไหนดี?”
อวิ๋นเจียวตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบหรอกเ้าค่ะ ตอนอยู่ที่เมืองหลวงข้าเคยซื้อชุดให้ท่านแม่ไว้หลายชุด พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นออกมา แล้วค่อยบอกท่าน”
“อ้อ จริงสิ พี่หญิงรอง ท่านมาเย็บผ้าที่บ้านข้าก็แล้วกัน ข้าจะได้เรียนรู้จากท่านไปด้วย ท่านก็รู้นี่เ้าคะ ว่าที่บ้านหลังนั้น... ข้าค่อนข้างกลัว...”
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์รีบตอบ “ได้สิ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาที่บ้านเ้า”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เห็นอวิ๋นเจียวมีเื่ให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ทำก็รีบร้อนขึ้นมาทันที หากไม่มีงานทำ นางจะกล้ามาขอกินข้าวด้วยได้อย่างไร “เจียวเอ๋อร์ เ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่? งานอะไรข้าก็ทำได้!”
อวิ๋นเจียวเอียงศีรษะครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่หญิงสาม จริงสิ ข้ามีเื่อยากจะรบกวนท่านจริงๆ”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์ได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เจียวเอ๋อร์รีบบอกมาเลย ต่อให้เ้าให้ข้าขึ้นเขาไฟลงบ่อดาบ ข้าก็ยินดี!”
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ รีบแก้คำพูดของอวิ๋นหลานเอ๋อร์ “ต้องเป็ปีนเขาดาบลุยทะเลเพลิงต่างหาก”
อวิ๋นเจียวหัวเราะชอบใจกับท่าทางของสองพี่น้อง นางหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่หญิงสาม ท่านคอยจับตาดูท่านย่ากับพวกอาสี่ที่บ้านหลังเก่าดีๆ หากมีอะไรผิดปกติก็รีบมาบอกข้านะเ้าคะ”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์ตบหน้าอกดังป้าบๆ “เ้าวางใจเถอะเจียวเอ๋อร์ ข้าจะจับตาดูพวกเขาให้ดี!”
สองพี่น้องเข้าใจดีว่าทำไมอวิ๋นเจียวถึงคิดเช่นนี้ ใครที่โดนกลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็คงไม่วางใจเช่นกัน ใครจะรู้ว่าคนพวกนั้นจะเล่นตุกติกตอนไหน โดยเฉพาะท่านย่าเถาซื่อกับบ้านอาสี่อย่างอวิ๋นโส่วจู่
พูดตามตรง ตอนที่พวกนางกลับบ้าน ได้ยินเื่ที่อาสี่ทำ ก็ใจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เื่ทาสหลบหนี จะพูดพล่อยๆ ได้อย่างไร?
ท่านอาสองไม่ใช่คนโง่ หากเป็ทาสหลบหนี เหตุใดท่านอาสองถึงกลับบ้านเกิด ไม่ไปหาที่ที่ไม่มีใครรู้จักแล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียเล่า?
บางครั้งพวกนางก็ไม่เข้าใจว่าท่านย่ากับอาสี่คิดอะไรอยู่ ครอบครัวของท่านอาสองใช้ชีวิตที่ดีกว่าบ้านหลังนั้นก็จริง แต่หากปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดี ครอบครัวของท่านอาสองจะใจร้ายกับพวกเขาได้อย่างไร?
แต่นี่อะไร ท่านย่ากลับอยากได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขา บอกต้องยกให้ทั้งหมดเลย! มีสิทธิ์อะไรกัน?
ด้านอวิ๋นเจียวที่ตกลงกับสองพี่น้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนด้านห้องโถง พี่น้องทั้งสามคนของตระกูลอวิ๋นกำลังดื่มสุรากัน หลังจากดื่มไปได้สามจอก อวิ๋นโส่วเย่าก็ยกจอกสุราขึ้นขอโทษอวิ๋นโส่วจงกับอวิ๋นโส่วกวง
“พี่รอง พี่ใหญ่ คืนนี้ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย หากข้าไม่เอ่ยปากขอแยกบ้าน ท่านพ่อคงไม่บอกให้พี่ใหญ่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูท่านปีละสิบตำลึงเงิน” กล่าวจบเขาก็ดื่มสุราในจอกจนหมด
อวิ๋นโส่วกวงรีบพูด “เ้าสาม เื่นี้จะโทษเ้าได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นการให้เงินค่าเลี้ยงดูแก่ท่านพ่อท่านแม่ก็เป็หน้าที่ของลูกอยู่แล้ว”
อวิ๋นโส่วจงไม่พูดอะไร เพียงแต่มองอวิ๋นโส่วเย่าเงียบๆ อวิ๋นโส่วเย่ารู้ดีว่าอวิ๋นโส่วจงไม่พอใจกับการกระทำของเขาในคืนนี้ แต่ถึงแม้ในใจเขาจะไม่พอใจ ก็ยังยอมช่วยจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูในปีนี้แทนเขา เพียงเท่านี้ อวิ๋นโส่วเย่าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
เขายกจอกสุราขึ้นอีกครั้งเพื่อขอโทษอวิ๋นโส่วจง “พี่รอง เป็ข้าที่เห็นแก่ตัวเกินไป ข้าคิดแต่ว่าหากพลาดโอกาสนี้ไป บ้านของข้าคงไม่มีโอกาสได้แยกออกมาอีกแล้ว”
“ท่านก็รู้นิสัยท่านแม่ของข้าดี... ข้ากลัวว่า... กลัวว่าหากเ้าห้าขาดเงินที่ใช้ในการเรียนหนังสือ นางคงจะขายเหลียนเอ๋อร์หรือหลานเอ๋อร์ เหมือนที่นางเคยขายฮวาเอ๋อร์ไปเมื่อครานั้น”
“ข้ารู้ว่าคืนนี้ข้าเกือบจะทำลายเื่ของพี่รองกับพี่ใหญ่ไปแล้ว ข้ายอมรับผิด! ต่อไปหากพี่ใหญ่กับพี่รองมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือ ก็แค่เอ่ยปากมา” กล่าวจบ อวิ๋นโส่วเย่าก็ดื่มสุราในจอกจนหมด
สำหรับท่าทีของอวิ๋นโส่วเย่า อวิ๋นโส่วจงรู้สึกพอใจมาก การที่เขาขอโทษอย่างจริงใจ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนโง่ และยังแสดงให้เห็นว่าเขายังคงถือว่าตนเองกับพี่ใหญ่เป็ครอบครัวเดียวกัน
ดังนั้นตอนที่รินสุราอีกครั้ง อวิ๋นโส่วจงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ต่อไปนี้พวกเราพี่น้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใช้ชีวิตให้ดีก็พอแล้ว หากเ้าว่าง พรุ่งนี้เช้าก็มาช่วยข้ากับพี่ใหญ่ชำแหละหมูป่าตัวนั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นโส่วเย่าก็ดีใจ พี่รองพูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าให้อภัยเขาแล้ว
สีหน้าของอวิ๋นโส่วกวงก็ผ่อนคลายลง อันที่จริงเขาก็กลัวว่าอวิ๋นโส่วจงจะตำหนิอวิ๋นโส่วเย่า หลายปีที่ผ่านมาทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เขาพอจะเข้าใจความคิดและการกระทำของอวิ๋นโส่วเย่า
เขาชื่นชมน้องสามที่กล้าทำทุกอย่างเพื่อภรรยาและลูกๆ หากเป็เขาคงไม่มีทางทำแบบนั้นได้ ครั้งนี้ถ้าไม่มีน้องรอง ไม่แน่ว่าต่อให้ครอบครัวพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหงจนตาย ก็คงแยกบ้านออกมาไม่ได้
“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือคิดให้ดีว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป เพราะมีที่นาเพียงสองหมู่ แต่ครอบครัวกลับมีหลายปากท้องที่ต้องเลี้ยงดู” หลังจากดื่มสุราแล้ว อวิ๋นโส่วกวงก็เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
อวิ๋นโส่วจงปลอบใจ “พี่ใหญ่ เื่นี้ท่านไม่ต้องกังวล หากอยากทำนา ก็เช่าที่นาทำ ไม่ปิดบังพวกท่าน ข้าเพิ่งซื้อที่นามายี่สิบหมู่ และผู้ใหญ่บ้านก็กำลังช่วยข้าหาอยู่ จะให้ใครเช่าก็เหมือนกัน ไม่สู้ให้พวกท่านเช่าไปเลย!”
เชิงอรรถ
[1] ชุดฮั่นฝู (汉服) เป็ชุดประจำชนชาติฮั่น ซึ่งชาวจีนแต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูมาั้แ่สมัยราชวงศ์ชางจนถึงสิ้นราชวงศ์ิ โดยแต่ละสมัยมีรูปแบบแตกต่างกันไป