แสงของดวงจันทร์สาดส่องลงมายังท้องทะเล ขยับเคลื่อนไหวไปตามเกลียวคลื่นเปล่งประกายเป็คลื่นแสงใสสะอาด
เรือเดินสมุทรลำใหญ่ขาวสะอาด หยุดอยู่ในเกลียวคลื่นกลางมหาสมุทรภายใต้แสงจันทร์ทำให้บรรยากาศดูสลัวๆ
ด้วยแสงที่เบาบางจากดวงจันทร์สามารถมองเห็นได้ว่ามีคนยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือไม่ต่ำกว่าร้อยคนสีผิวและเส้นผมแตกต่างกันออกไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจากสถานที่ที่แตกต่างกัน
ตอนนี้เป็เวลาตีหนึ่งแล้วแต่ผู้คนที่ยืนอยู่นี้กลับไม่มีความรู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อยทุกคนต่างพากันมองไปยังท้องทะเลที่สงบนิ่ง ความจริงแล้ว หากมองเพียงแต่ท่าทางก็ดูไม่ออกเลยว่าโดยรอบนี้ ต่างก็เป็ทะเลในโซนของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
หลินลั่วหรานยืนอยู่ด้านหลังของเหวินกวนจิ่ง หลีซีเอ๋อร์พูดขึ้นมาเบาๆ “รุ่นพี่หลิน พี่ดูบรรยากาศสิ อย่างกับถ่ายหนังผีอยู่เลย...” เธอยืดปากออก ก่อนจะขยับเข้าใกล้ตัวของหลินลั่วหรานมากขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ในหัวของหลินลั่วหรานก็ได้แน่นิ่งไปนี่เป็เพียงเวลาหนึ่งวันสั้นๆ แต่หลีซีเอ๋อร์คนนี้กลับมาตีสนิทกับเธอตลอดทั้งวันเอาแต่ตามหลังเธอพร้อมกับเรียก “รุ่นพี่หลิน” ถามนู่นถามนี่ ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจทุกเื่ที่อยู่บนตัวของหลินลั่วหราน
คนเราต่างก็เติบโตมาแตกต่างกันทั้งนั้น แต่การที่หลีซีเอ๋อร์สามารถพูดเื่แบบนี้ออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่จริงจังแบบนี้หลินลั่วหรานก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลย
แต่ว่าโชคดีที่ต่างก็เป็คนจีนทั้งนั้น หลินลั่วหรานก็เลยส่ายหัวให้กับเธอเพื่อเตือนให้หลีซีเอ๋อร์รออย่างอดทน
เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังมองอย่างพิจารณามาทางนี้หลีซีเอ๋อร์ก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร เธอแอบแลบลิ้นออกมา ก่อนจะสงบลงในที่สุด
เพียงแค่การรอคอยเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ได้ทำให้หลินลั่วหรานลำบากอะไรก่อนที่จะมีเื่ใหญ่แบบนี้ เธอต้องมีความอดทนเป็ธรรมดานอกจากสายตาของคริสตัลที่ถูกส่งมาตลอด จนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรไม่อย่างนั้นการที่ได้ยืนรับลมทะเลพัดผ่านเบาๆ ภายใต้ค่ำคืนแบบนี้ก็เป็ประสบการณ์ที่หาได้ยากเช่นกัน ยิ่งอยู่ภายในมหาสมุทรกว้างแบบนี้อีกด้วยเป็สถานที่ที่มีพลังธาตุน้ำอยู่มากจนที่ใดก็ไม่อาจจะเทียบได้
หลีซีเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างสงบลงแล้วในที่สุดหลินลั่วหรานก็สามารถดูดซับพลังได้อย่างสบายใจ ราวกับไข่มุกถูกวางลงในหม้อน้ำมันเดือดไม่ได้ดูดซึมอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับนำตัวเองเข้ามายังหม้อน้ำมันแห่งนั้นแล้วดูดซับพลังธาตุน้ำขึ้นมาโดยไม่ส่งเสียงอะไรดูราวกับการปล้นสะดมอย่างไรอย่างนั้น!
หากไข่มุกเป็นกกระจอกต้นไม้ หลินลั่วหรานก็คงจะเป็ตั๊กแตนตำข้าวพลังธาตุน้ำที่ปั่นป่วนอยู่ในหม้อเดือด ไข่มุกพยายามอย่างหนักเพื่อจะเปลี่ยนพวกมันส่วนมากก็เพื่อประโยชน์ของตัวมันเอง และเหล่าพืชยาในพื้นที่ลึกลับก่อนจะแบ่งส่วนน้อยๆ ให้กับหลินลั่วหรานด้วยขอบเขตและความรวดเร็วในการดูดซึมของเธอในตอนนี้เพียงเท่านี้ก็ได้ประโยชน์เกินพอแล้ว
ที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือตอนแรกหลินลั่วหรานคิดว่าตัวเองทดสอบดาบลูกไฟมั่วๆนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพลัง พลังที่ปนเปจึงได้แยกส่วนที่เป็ธาตุไฟออกมาหลังจากที่เธอฝึกเวทตามตำรา “ศาสตร์ทั้งห้า” ที่ได้รับมาจากชายแก่สกุลกัว การเรียนเวทเป็ได้อย่างง่ายดายพลังที่ปนเปประหลาดๆของเธอนั้น ก็สามารถปล่อยพลังทั้งสี่ออกมาได้แต่กลับไม่มีการแบ่งแยกพลังปรากฏออกมาให้เห็นอีกแล้ว...หลินลั่วหรานก็ไม่รู้ว่ามันเป็ข้อดีหรือข้อเสียเธอตัดสินใจว่าหลังจากค่ำคืนแห่งเบอร์มิวดาผ่านพ้นไปแล้วก็จะมาคิดเื่นี้อีกครั้ง
พลังที่นี่มีอยู่มากทำให้หลินลั่วหรานสบายตัวเสียจนอยากบิดี้เีและยืดตัวออกหาว!
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังรออย่างยากลำบากหลินลั่วหรานก็รีบใช้เวลา่นั้นในการฝึก อีกทั้งยังก้าวเข้าไปในสถานที่ดีๆ อีกไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เธอรู้สึกได้ว่ามีคนมองมาที่เธอเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าเป็หลีซีเอ๋อร์
“รุ่นพี่หลิน ดูนั่นเร็ว!”
หลีซีเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าว่างจนเบื่อก็เลยมากวนเธอตอนนี้เป็เวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของท้องฟ้าทะเลสงบในตอนแรกไม่รู้ว่ามีหมอกขาวปรากฏขึ้นมาั้แ่ตอนไหน เกลียวคลื่นขยับไปมาทำให้เรือท่องสมุทรลำใหญ่ลำนี้ กลายเป็ราวกับเรือลำเล็กๆที่ขยับขึ้นลงไปตามเกลียวคลื่น
“เกือบจะได้เวลาแล้ว”
เหวินกวนจิ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าคว้าเอากล่องผ้าขนาดเท่าฝ่ามือออกมาใบหน้าของเขาหนักแน่นและจริงจัง
คนที่มีท่าทางแบบนั้นไม่ได้มีเพียงเหวินกวนจิ่งเท่านั้นแต่เหมือนว่าทุกประเทศที่มาเข้าร่วมในครั้งนี้ต่างก็มีตัวแทนที่ยกกล่องผ้านั้นขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าที่หนักแน่นของพวกเขาอารมณ์ในตอนนี้เหมือนกับทุกคนต่างพากันมานั่งปรึกษาพูดคุยแทนรัฐบาลของแต่ละประเทศมีความรู้สึกของการ “พบปะรวมตัว” ของหลายประเทศอยู่มาก
หมอกขาวบนผืนทะเลหนาขึ้นเรื่อยๆในที่สุดดวงจันทร์ก็สว่างขึ้นบนจุดสูงสุดของท้องฟ้าเหวินกวนจิ่งเป็ผู้นำในการเปิดกล่องผ้าออก ก่อนที่คนอื่นจะพากันเปิดไปตามๆ กันในจังหวะที่แสงจันทร์สว่างขึ้น ลำแสงเล็กๆ ก็ถูกส่งขึ้นมาจากกล่องผ้าหลินลั่วหรานหันมองตาม ก่อนจะพบว่าแสงสว่างเ่าั้ความจริงแล้วเป็แผ่นหยกที่มีขนาดเท่าๆ กัน
แผ่นหยกค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปยังอากาศ้าท้องทะเลแผ่นหยกทั้งยี่สิบแผ่นหมุนรวมกัน เหมือนกับกำลังตามหาอะไรสักอย่างเรือเริ่มขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง ไปตามทิศทางของแผ่นหยกอย่างระมัดระวัง แผ่นหยกลดความเร็วจากตอนแรกลง
การตามหาเส้นทางโดยอัตโนมัติของเหล่าแผ่นหยกทำให้คนที่เพิ่งเคยมาเข้าร่วมเป็ครั้งแรก ต่างพากันจ้องมองไม่ละสายตารอจนแผ่นหยกเ่าั้หยุดลง ทุกคนต่างก็หยุดลมหายใจมองไปยังสิ่งเกินจินตนาการเบื้องหน้า ท้องทะเลภายใต้แผ่นหยกราวกับถูกคนจุดประกายแสงขึ้นมันค่อยๆ ส่องแสงสีแดงขาวขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณมันจะต้องดึงดูดความสนใจจากเรือที่อยู่บริเวณห่างไกลอย่างแน่นอน
ตามทฤษฎีทั่วไปแล้ว แสงไฟเป็สิ่งที่ว่างเปล่าไร้พลังใดๆแต่ตอนนี้มันกลับส่องตรงไปยังแผ่นหยกทั้งยี่สิบแผ่นทำให้แผ่นหยกลอยค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆ โคจรเป็วงกลมช้าๆ
แม้ว่าเหวินกวนจิ่งจะรู้เื่ของสถานที่ลึกลับอยู่มากแต่ก็ไม่เคยเห็นฉากเปิดอันอลังการของมันด้วยตาของตัวเองมาก่อน ในตอนที่พลังตกต่ำสิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้จิตใจของคนเรากระเจิดกระเจิงได้อย่างไร?
หลีซีเอ๋อร์จับชายขายเสื้อของหลินลั่วหรานขึ้นมาอย่างอดไม่ได้แสงไฟทั้งยี่สิบสว่างขึ้นเรื่อยๆ หมอกขาวปกปิดแสงสว่างเอาไว้แต่กลับไม่อาจจะปิดบังแสงจันทร์ได้ คนมักพูดกันว่าดวงจันทร์สว่างแสงดาวจะบางเบาเื่ความแตกต่างของดวงจันทร์และดวงดาวต่างก็เป็เื่ที่รู้ได้ทั่วไปคืนนี้ดวงจันทร์ทั้งกลมและสว่าง แสงดาวเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเมื่อมาอยู่ในผืนฟ้าแห่งเดียวกัน ขยับไปตามแสงไฟสุดท้ายแสงดาวที่อยู่ห่างไกลก็ตอบสนองกลับมาก่อนจะส่งแสงยิงตรงมายังแสงไฟ...ทุกอย่างต่างก็เกิดขึ้นภายใต้การมองเห็นที่ชัดเจนของหลินลั่วหรานสถานที่ลึกลับจะเปิดขึ้นในทุกๆ ร้อยปีหรือว่านี่ก็เป็การใช้ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ร้อยปีกัน?
หรือที่ลึกลงไปมากกว่านั้น ก็คือการใช้ประโยชน์จากดวงดาว?
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป ไม่ได้ต่างจากที่หลินลั่วหรานจินตนาการเอาไว้มากนักเมื่อแสงไฟได้รับพลังจากดวงจันทร์และดวงดาว แผ่นหยกก็ส่งแสงสว่างพุ่งตรงขึ้นไปสลับซับซ้อนสอดประสานกัน เส้นด้ายขนาดใหญ่ประหลาดตากำลังถักทอขึ้นท่ามกลางแสงไฟก่อนจะค่อยๆ กลายเป็แผ่นกลมกว้างที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าหนึ่งร้อยตารางเมตรตอนแรกก็ส่องแสงสลัวๆ ออกมา ก่อนจะมั่นคงขึ้นตามเวลาที่ไหลผ่านไป
นี่คือ...แท่นบูชา? ประตูเคลื่อนย้าย?
ทั้งสองอย่างต่างก็มีความเป็ไปได้ทั้งนั้นหลีซีเอ๋อร์จับชายแขนเสื้อของเธอแน่นแววตาของเธอมีประกายในแบบของเด็กสาวที่ได้เป็พวกอัญมณีพิเศษ แต่หลินลั่วหรานกลับมองไปยังแผ่นหยกทั้งยี่สิบแผ่นด้วยความคิด
มองไปยังแท่นที่เป็รูปเป็ร่างแล้ว เหวินกวนจิ่งก็ถอนหายใจออกมาเขาหันไปสบตากับตัวแทนจากอีกหลายประเทศ ก่อนที่ทุกคนจะลดมือลงแผ่นหยกที่อยู่ในแสงไฟก็ลอยกลับมา เหวินกวนจิ่งมองไปยังของล้ำค่า และจัดการเก็บมันลงในกล่องผ้าเล็กอีกครั้งเพียงชั่วพริบตาก็เก็บมันลงไปแม้แต่หลินลั่วหรานก็ยังไม่สามารถมองได้ทันว่าเขาเาไปเก็บไว้ที่ไหน
“ไปเถอะ เข้าไปได้แล้ว”
เหวินกวนจิ่งหันกลับมาพูดกับหลินลั่วหราน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้