“อาเป่ยเ้าคุ้มครองดูแลิเยว่และคนอื่น ๆ ให้ดีแล้วจงรีบออกไปจากที่นี่เสีย”
ฮ่องเต้ิเป็คนกล้าหาญแม้จะอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามหาทางรอดให้กับลูกชายและลูกสาวของตนเอง
“เสด็จพ่อท่านกับิเยว่ออกไปจากที่นี่จะดีกว่า ลูกจะเป็ผู้ออกไปต่อสู้เอง”
ยังไม่ทันที่จะปฏิเสธหูเทียนเป่ยดึงดาบประจำกายของตนเองออกมาแล้วพุ่งตัวออกไปจากกระโจม
ภายในกระโจมเหล่าหญิงสาวตัวสั่นเทิ้มเพราะความหวาดกลัวมีเพียงหลินเมิ้งหยาเท่านั้นที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
“นายหญิงพวกเราควรทำเช่นไรเพคะ?”
ป๋ายจีกระตุกแขนเสื้อหลินเมิ้งหยาดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“อย่าตื่นตระหนกไปรอดูสถานการณ์ก่อน ท่านอ๋องออกไปรับมือแล้ว คาดว่าจะต้องสกัดกั้นได้อย่างแน่นอน”
สิ่งแรกที่หลินเมิ้งหยาคิดคือคนเ่าั้ล้วนเป็นักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋หากชิงหูอยู่แล้วล่ะก็ เขาสามารถบอกจุดอ่อนของคนเ่าั้ได้
ทว่าตอนนี้ชิงหูถูกนางส่งไปตรวจสอบเื่ฮูหยินเยว่
“ไท่จื่อ...ไท่จื่อ!จะออกไปตอนนี้ไม่ได้นะเพคะ”
ไท่จื่อร้อนรนเสมือนมดถูกรนไฟทว่าสถานการณ์ด้านนอกยังคงไม่สงบนิ่ง หากหนีไปก็เกรงจะโดนข้อครหา
“ไท่จื่อหม่อมฉันคิดว่าการสอบสวนในคราวนี้คงไม่อาจทำได้อีกต่อไปแล้วสู้ปล่อยให้ทุกคนกลับไปยังกระโจมของตนเองเพื่อเก็บข้าวของและลงจากเขาดีหรือไม่เพคะ?”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงดังเสนอความคิดเห็นไท่จื่อในเวลานี้กำลังตื่นตระหนก ดังนั้นเขาจึงมิได้สนใจนางเท่าไรนัก
“ได้เอาตามที่เ้าว่าแล้วกัน”
ไท่จื่อรีบร้อนตอบตกลงหากเขาตัดสินใจผิด เกรงว่าชีวิตของตนเองอาจจะจบลงที่นี่ก็เป็ได้ดังนั้นเขาจึงไม่คิดรั้งหลินเมิ้งหยาเอาไว้
นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้วยังมีขุนนางอีกหลายคนกลับไปยังกระโจมประจำตระกูลของตนเอง
ด้านหน้ากระโจมมีทหารองครักษ์ประจำตระกูลยืนเฝ้า
ไม่ไกลกันนั้นทหารของวังหลวงยืนคุ้มกันรอบค่าย
หลินเมิ้งหยายืนอยู่ที่เดิมสายตาทอดยาว
นางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแต่นางไม่รู้ว่าความผิดปกตินั้นคืออะไรกันแน่
กลับไปยังกระโจมของตนเองป๋ายซูจับตามองบริเวณรอบ ๆ หลังจากเห็นว่าหลินเมิ้งหยากลับมา นางจึงถอนหายใจ
“นายหญิงตอนนี้เหตุการณ์ด้านนอกวุ่นวายมากเลยเ้าค่ะนายน้อยสั่งให้หนู่ปี้พานายหญิงไปหลบยังที่ปลอดภัย”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ขึ้นมานางเพิ่งสังเกตเห็นว่าตนเองยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินจงอวี้
“เสี่ยวอวี้อยู่ที่ไหน?เขาปลอดภัยดีหรือไม่?”
ท่ามกลางสถานการณ์ยุ่งวุ่นวายนี้หลินจงอวี้อาจได้รับอันตรายก็เป็ได้ หลินเมิ้งหยากังวลเป็อย่างมาก
“นายหญิงวางใจเถิดเ้าค่ะตอนนี้มีคนคุ้มกันนายน้อยอยู่ ไม่มีทางเกิดเื่อันใดกับนายน้อยอย่างแน่นอน”
อันที่จริงป๋ายซูยังมีอีกประโยคหนึ่งปกปิดไว้ในใจการคุ้มครองเสมือนกักกันชั่วคราวเช่นนี้จะต้องทำให้นายน้อยโกรธเกรี้ยวอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นก็ดีแล้วพวกเ้าไปเก็บของก่อนเถิด อีกเดี๋ยวพวกเราจะต้องไปจากที่นี่แล้ว”
นักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ฝีมือไม่ธรรมดาแม้ทหารแต่ละคนจะแข็งแกร่ง แต่ถึงกระนั้นก็มิได้เจอการโจมตีเช่นนี้บ่อยนัก แม้จะเป็ทหารของวังหลวงที่ได้รับการฝึกฝนร่างกายทุกวันทว่าฝีมือของพวกเขาก็ยังต่างชั้นอยู่มาก
ฉะนั้นหลินเมิ้งหยาจึงคิดพาทุกคนออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านี้หลงเทียนหยู๋และพวกทหารของวังหลวงก็จะได้รีบกลับมาเร็ว ๆ
ท่ามกลางคมหอกคมดาบนางมิอย่างเห็นใครได้รับาเ็
“เ้าค่ะนายหญิง หนู่ปี้เห็นพวกขุนนางชั้นสูงเข้าไปรวมตัวกับไท่จื่อแล้วอีกทั้งสัมภาระของพวกเขาล้วนถูกนำติดไปด้วยหมดแล้วเ้าค่ะ”
ตำแหน่งของไท่จื่อสูงเกินกว่าผู้ใดดังนั้นจึงมีคนคอยปกป้องเขาค่อนข้างมาก
ดังนั้นหากคนเ่าั้อยู่กับไท่จื่อ พวกเขาคิดว่าตนเองจะปลอดภัย
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจตามหลังไท่จื่อ เท่านี้องค์รักษ์ของแต่ละตระกูลทั้งหมดจะอยู่รวมกันการป้องกันจะหนาแน่นยิ่งขึ้น
แต่ว่า...นางยังไม่เข้าใจตกลงคนของเถาฮวาอู๋มาที่นี่ด้วยเหตุใด
หรือพวกเขาคิดจะสังหารขุนนางชั้นสูงของไท่จื่อทั้งหมด?
การกระทำเยี่ยงนี้มิต่างอะไรกับการถมแม่น้ำและทลายูเาเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใครคิดจะก่อฏ
ตกลงวัตถุประสงค์ในการจู่โจมครั้งนี้คืออะไรกันแน่?
หลินเมิ้งหยาตามหลังไท่จื่อสถานการณ์ทางด้านหลงเทียนหยู๋ไม่สู้ดีนัก
“พี่สามหากยังเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเราจะถูกฆ่าตายเสียก่อน”
ใบหน้าของหลงชิงหานท่วมไปด้วยเืแต่โชคดีที่ไม่ใช่เืของเขาแม้เพียงหยดเดียว
เขาไม่เหมือนองค์ชายไม่เอาไหนอีกต่อไปทว่าเขากลับเหมือนนักฆ่ามากฝีมือคนหนึ่ง
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลงชิงหานที่ปกติเป็คนสำมะเลเทเมาจะเก่งกาจเช่นนี้
“อดทนอีกหน่อยอีกไม่นานกำลังเสริมก็จะถึงแล้ว”
เคร่งขรึมก่อนจะดึงดาบออกจากอกของศัตรู
โลหิตสีแดงฉานหวยพุ่งออกมายังไม่ทันที่หลงเทียนหยู๋จะได้เช็ดเืที่กระเซ็นบนร่างของตนเองศัตรูคนใหม่กลับโผล่มาอีกครั้ง
“อ๋องหยู๋คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้กลายมาเป็สหายร่วมรบเช่นนี้”
หูเทียนเป่ยขนาบอยู่ข้างกายทั้งสองแม้ดาบเหล็กจะทั้งหนาทั้งใหญ่ แต่กลับแกว่งไกวได้อย่างปราดเปรียวมิติดขัด
“ยังมีเื่ที่เ้ายังคิดไม่ถึงอีกมากอย่างเช่น เ้าอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่ต้าจิ้นของข้า”
หลงชิงหานกับหูเทียนเป่ยเป็เพื่อนรักกันดังนั้นวาจาที่ใช้จึงมิได้ไพเราะนัก
ทั้งสามเป็คนมีฝีมือในการต่อสู้ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็ผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้
“พวกเขาน่าจะกลับไปแล้วใช่หรือไม่?”
หลงเทียนหยู๋เอ่ยถามเสียงเบาตอนนี้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดทุ่มเทให้กับการฟาดฟันศัตรูดังนั้นเขาจึงไม่รู้เื่ของคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
แม้คนที่มาร่วมงานล่าสัตว์จะมากมายแต่คนที่อยู่ที่นี่ก็มีไม่น้อย คาดว่าพวกเขาจะต้องกลับไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
“เกือบหมดแล้วพวกเราเองก็เริ่มถอยทัพเถิด การต่อสู้ในครั้งนี้พวกเราเป็ฝ่ายเสียเปรียบ”
ตำแหน่งที่ตั้งของหลงชิงหานค่อนข้างสะดวกดังนั้นเขาจึงรู้เื่ราวของคนทางด้านหลัง
“ดีชิงหาน เ้าไปถามกำลังเสริมหน่อยว่าอีกนานหรือไม่กว่าจะถึง”
แม้ทหารหลวงจะมีจำนวนมากเพียงพอที่จะต่อกรกับศัตรูแต่ฝีมือของเขายังมิอาจเทียบได้กับนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋
โชคดีที่ยิ่งฆ่าคนของเถาฮวาอู๋ได้มากเท่าไรจำนวนคนของพวกนั้นยิ่งน้อยลง มิเช่นนั้นต่อให้คนทางฝ่ายเขาจะมากสักเท่าไรก็คงมิอาจสกัดกั้นเอาไว้ได้
“พ่ะย่ะค่ะ”
เหตุเพราะเป็ทั้งพี่น้องและสหายร่วมรบดังนั้นเพียงมองตาก็รู้ว่าอีกฝ่าย้าสื่ออะไร
หลงชิงหานหลบหลีกคมหอกคมดาบมากมายก่อนจะหายตัวออกจากวงล้อมของศัตรู
หลงเทียนหยู๋กับหูเทียนเป่ยััได้ถึงความกดดันแต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ทุ่มเทแรงทั้งหมดที่มีเพื่อต้านศัตรู
“พี่สะใภ้สามพวกท่านมิได้รับาเ็อันใดใช่หรือไม่?”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นหัวใจของหลินเมิ้งหยากระตุกเร็วขึ้นเล็กน้อย
โชคดีที่แม้หลงชิงหานจะมีเืท่วมตัวแต่ดวงตาของเขายังคงเปล่งประกาย
เขาน่าจะไม่ได้รับาเ็
“สถานการณ์ทางฝั่งของพวกเ้าเป็เช่นไร?ได้รับาเ็หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ในรถม้าที่เดินทางออกจากค่ายมาได้สักพักหนึ่งแล้วหากมิใช่เพราะหลงชิงหานใช้วิชาตัวเบาไล่ตามมาแล้วล่ะก็ เขาคงตามไม่ทันอย่างแน่นอน
“วางใจเถิดพี่สามมีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงติดตัว เขาไม่มีทางได้รับาเ็อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นยังมีอาเป่ยคอยช่วยเหลือ กำลังเสริมเองก็กำลังมาเมื่อกำลังเสริมมาถึง พวกท่านจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”
หลงชิงหานไม่พูดพร่ำทำเพลงมากมายนักหลังจากบอกเล่าไม่กี่ประโยค เขาก็จากไป
โชคดีเหลือเกินที่หลงเทียนหยู๋ไม่ได้รับาเ็ยิ่งไปกว่านั้นกำลังเสริมก็ดูจะอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ดีจังเลยท่านอ๋องไม่เป็อะไร เท่านี้นายหญิงก็สบายใจได้แล้ว”
สาวใช้พากันแสดงความยินดีทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเสมือนมีเถาวัลย์พันเลื้อยบีบหัวใจของนางอย่างไรอย่างนั้น
ดูเหมือนกำลังจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เมื่อกำลังเสริมไปถึงต่อให้ศัตรูจะเก่งกาจสักเพียงไหน แต่สองมือหรือจะสู้สี่มือ
ตกลงเป้าหมายที่แท้จริงของเถาฮวาอู๋คืออะไรกันแน่?พวกเขาจะมาต่อสู้ทั้งที่รู้ตัวว่าต้องแพ้ไปทำไมกัน?
“อา....์โปรด!”
ด้านนอกอยู่ ๆ เสียงแผดร้องพลันดังขึ้น หลินเมิ้งหยาโผล่หน้าออกไปทางหน้าต่างแต่กลับได้เห็นรถม้าคันหน้าจอดลงกระทันหัน
เสียงร้องไห้ดังออกมาจากรถม้าคันดังกล่าว
“ไปดูสิว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น”
หลินเมิ้งหยาสั่งให้ทหารองครักษ์ไปตรวจสอบไม่นานทหารองครักษ์ก็รีบกลับมา
“พระชายาด้านหน้าคือรถม้าของใต้เท้าจงผู้รั้งตำแหน่งซื่อหลางพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสืบทราบมาว่าเมื่อครู่ท่านใต้เท้ากำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินแต่อยู่ ๆ บุคคลปริศนาก็เข้ามาฆ่าใต้เท้าพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ?เหตุใดจึงเกิดเื่นี้ขึ้นได้?”
คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแม้แต่สาวใช้ทั้งสี่ของนางเองก็พูดไม่ออก
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้แม้แต่ป๋ายซูที่มีฝีมือการต่อสู้เองก็เช่นกัน
แต่การฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ทุกคนระวังตัวด้วยจะต้องรักษาการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ป๋ายซู จงตามข้ามา”
“เ้าค่ะนายหญิง”
สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกตื่นตระหนกคือวิธีการฆ่าที่แปลกประหลาด
ไม่ซิรถม้าของนางตามหลังใต้เท้าจง เหตุใดจึงเกิดเหตุถูกฆ่าตายเช่นนี้ขึ้นมาได้?
คนในครอบครัวของใต้เท้าจงพยายามเขย่าร่างไร้ิญญาของเขา
องครักษ์ที่อยู่รอบๆ ตื่นตะลึง พวกเขาตั้งท่าป้องกันคนอื่น เหตุเพราะกลัวว่าศพรายต่อไปจะเป็ตัวเอง
“ฮูหยินจงพระชายาของหนู่ปี้มาตรวจสอบสถานการณ์เ้าค่ะ”
พื้นเต็มไปด้วยเืแต่เพราะป๋ายซูเคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางจึงมิได้มีท่าทีหวาดกลัว
“ฮือฮือ ท่านพี่...ท่านพี่...”
ฮูหยินจงซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งใบหน้าเปื้อนน้ำตา แต่กลับมิกล้าเข้าใกล้ศพของสามี
หลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งความกลัวเดินขึ้นไปตรวจสอบร่างจมกองเื
รถม้าของสกุลจงกว้างขวางบนพื้นถูกปูเอาไว้ด้วยเสื่อไม้ไผ่
ทว่าสีเหลืองหม่นของมันกลับถูกโลหิตสีแดงฉานกระเซ็นเปรอะเปื้อน
รูปร่างของใต้เท้าจงมิใหญ่หรือเล็กจนเกินไปแน่นอนว่าเรี่ยวแรงจึงมีมากพอสมควร เหตุใดเขาจึงตายโดยไร้สุ่มไร้เสียงเช่นนี้
ร่างกายนอนหงายอยู่บนพื้นรถม้าศีรษะกลับกระเด็นไปที่มุมหนึ่ง
หลินเมิ้งหยาตรวจสอบบริเวณลำคอที่ถูกบั่นก่อนจะพบว่าพื้นผิวของาแค่อนข้างเรียบ ดูเหมือนจะถูกดาบฟันลงมาอย่างรวดเร็วดังนั้นศพจึงมีลักษณะเช่นนี้
“ฮูหยินจงก่อนที่ท่านใต้เท้าจะตาย มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”
ส่งเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามเสียงของนางเสมือนเสียงปลอบโยน
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ด้านหน้าฮูหยินจงมือเล็กยื่นเข้าไปลูบแขนของนางเบา ๆ
