อีกสามเดือนต่อมา
่กลางดึกท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้องและสายฝนที่กระหน่ำมาแบบไม่ขาดสายนานนับสองชั่วโมงแล้วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ตรงบ้านหลังเล็กท้ายสวนผลไม้ ได้มีเสียงตวาดของสายดังลั่นอยู่ทั่วบ้าน
“แม่วรรณ! เธอจะมาตายที่บ้านนี้ ฉันไม่ว่า เธอจะมาเป็ผีเฝ้าที่นี่ ฉันก็ไม่ถือ แต่เธอจะปล่อยให้ลูกไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกแบบนี้ไม่ได้ ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
...ลูก?
ลูกหรือ...
พูดเื่อะไร...ลูกใคร?
ลูกแม่!
ลูกแม่อยู่ไหนตอนนี้!
“อึก...เฮือก...” หญิงสาวตัวสะท้านเยือกพร้อมกับหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
“ดี หายใจเข้าแรง ๆ อย่างนั้น ดี ดี หายใจลึก ๆ เธอยังมีลูกอยู่ จำเอาไว้ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด” เสียงแหบ ๆ ของสายพูดดังขึ้นที่ปลายเท้า ผสานกับเสียงฝนตกฟ้าร้องที่ดังอย่างต่อเนื่องดั่งฟ้าถล่ม
วรรณารีเลื่อนสายตาที่ยังพร่ามัวไปยังที่มาของเสียง ก็เจอกับหญิงสูงวัยรูปร่างผอม ใบหน้าตอบ แววตาแข็งกระด้าง ผมเผ้ารุงรังไม่อยู่ทรง แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้
“ป้าสาย” หญิงสาวเรียกอย่างอ่อนระโหย
“จ...เจ็บมาก วรรณไม่ไหวแล้ว”
“อย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เธอจะยอมแพ้ไม่ได้นะวรรณ จำเอาไว้ ลูกของเธอต้องมีโอกาสเติบใหญ่ แล้วเธอต้องมีโอกาสอยู่ดูลูกไปจนโต รวมสมาธิแล้วเบ่งอีกที” สายพูดปลุกใจ
“ลูก?” แววตาของวรรณารีดูเลื่อนลอยก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
ใช่...ลูก เธอกำลังปวดท้องคลอดลูก ลูกเธอเป็อย่างไรแล้วตอนนี้!
วรรณารีใช้มือััท้องของตัวเอง ก็เจอท้องที่ยังปูดนูนเนื่องจากทารกในครรภ์ เธอจำได้แล้วว่าหกล้มอย่างแรง่หัวค่ำจนกระเทือนถึงลูกในท้องและปวดท้องคลอดจนถึงตอนนี้ มี่หนึ่งก่อนหน้าที่ดูเหมือนจะสติดับวูบลงเพราะความเ็ป แล้วลูกเธอล่ะจะเป็อันตรายไหม?
วรรณารีลูบสำรวจท้องของตัวเองอีกครั้ง พลันรู้สึกถึงแรงกระเสือกกระสนของทารกในท้องพร้อมกับแรงบีบตัวของมดลูก
“โอ๊ย”
“เอาล่ะ ลูกเธออยากจะออกมาแล้ว คราวนี้รวบรวมแรงให้ดี” สายพูดด้วยน้ำเสียงยินดี “รวบรวมแรงเยอะ ๆ แล้วค่อยเบ่ง”
ลูกแม่ อย่าเป็อะไรนะ ลูกแม่ต้องมีโอกาสได้เติบใหญ่ ลูกต้องสบายดี
“เทวดาทั้งหลายโปรดช่วยลูกของวรรณด้วย ช่วยให้แกมีโอกาสได้เกิด...ให้แกเกิดมาเป็ที่รัก ให้แกโชคดีในทุกเื่ ให้แกเกิดมาอย่างแข็งแรงด้วยเถอะค่ะ...ช่วยลูกของวรรณด้วย” วรรณารีพูดพึมพำก่อนยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างอ่อนแรง
เปรี้ยง!
ทันทีที่วรรณารีพูดจบก็บังเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนพื้นบ้านสั่นะเือยู่หลายรอบ สายขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“เห็นไหมแม่วรรณ พวกเขารับรู้คำขอของหล่อนแล้ว อย่าหมดแรงใจเด็ดขาด ฮึดสู้ให้เต็มที่ ลูกเธออยากจะออกมาเต็มทีแล้ว ตั้งสมาธิแล้วเบ่งออกมาแรง ๆ”
วรรณารีที่เริ่มมีสติสมบูรณ์ได้สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อย ๆ เบ่งตามจังหวะที่สายพูดกระตุ้น
“ดี...ดี...ออกแรงอีก...ดีมาก...สูดหายใจลึก ๆ อีกรอบ...ออกแรงเพิ่มอีกนิด นั่นแหละ ใกล้แล้ววรรณ ใกล้แล้ว เบ่งอีก เบ่ง!”
“อุแว้...อุแว้”
ทันทีที่สิ้นสุดแรงเบ่งเฮือกสุดท้ายก็มีเสียงร้องไห้จ้าของทารกแรกเกิดดังขึ้น และไม่น่าเชื่อคือทันทีที่เสียงอุแว้แรกดังออกมา สายฝนและเสียงฟ้าร้องที่กำลังโหมกระหน่ำได้หยุดลงราวกับสับสวิตช์ สายที่กำลังอุ้มเด็กทำความสะอาดเนื้อตัวถึงกับก้มมองดูเด็กในอ้อมแขนด้วยแววตาเป็ประกาย
“ผู้หญิงหรือผู้ชายคะป้า” วรรณารีหายเจ็บเป็ปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูก
“เป็นางฟ้าตัวน้อย ๆ” น้ำเสียงของสายเจือด้วยความเอื้อเอ็นดูอย่างหาได้อยาก “น่าเกลียดน่าชังเชียว เลี้ยงดูแกให้ดีล่ะ” สายพูดพลางวางห่อผ้าเล็ก ๆ ลงในอ้อมกอดของคนเป็แม่
วรรณารีก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างเต็มตื้น ลูกสาวตัวน้อยของเธอช่างน่ารักนัก ผิวขาวอย่างหยวกกล้วย หน้ากลมอิ่ม ริมฝีปากแดงฉ่ำน้ำ ถ้าไม่ติดว่าตัวเล็กมาก เธอคงคิดว่าเด็กคนนี้คือเด็กที่คลอดมาแล้วหนึ่งเดือนเป็แน่แท้
ระหว่างนั้นเอง เด็กน้อยที่กำลังหลับตาพริ้ม จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ คล้ายกับกำลังมองหาใครอยู่ และดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นของเธอทำให้วรรณารีถึงกับจ้องมองด้วยความเงียบงัน
ดวงตาเรียวชี้และดำขลับของลูกช่างถอดแบบมาจากผู้ชายคนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน วรรณารีใช้นิ้วสั่นระริกไล้ไปตรงหางตาที่ชี้ขึ้นทั้งสองข้างของลูกเบา ๆ
“น่าเอ็นดูนะ ถึงจะตัวเล็กมากแต่ก็ดูแข็งแรง ไม่น่ามีปัญหาสุขภาพอะไร”
วรรณารีกะพริบตาถี่แล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา เด็กหญิงจะรูปลักษณ์คล้ายกับใครก็แล้วแต่ เธอไม่สนใจ เพราะนี่คือลูกสาวที่เธอรัก
“จะตั้งชื่อแกว่าอะไรล่ะ”
“ตัวเล็กแบบนี้เรียกแกว่าจิ๊ดริดเถอะค่ะ ชื่อจริงว่าที่รัก แกจะได้เป็ที่รักของคนทุกคน ลูกสาวของแม่น่ารักเหลือเกินนะลูก” วรรณารีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ