ปรโลกและยมโลก
แห่งหนึ่งค้ำจุนโลกมนุษย์
แห่งหนึ่งดูแลเหล่าเทพเซียน
แห่งหนึ่งนำโดยาาราชินีพี่น้อง และอีกแห่งหนึ่งคือาาเป่ยอิน
ผู้มาเยือนคือผู้ใต้บังคับบัญชาของาาเป่ยอิน หนึ่งในสี่เทพพิพากษาแห่งาาผดุงธรรมนามว่าจื่อโตว
จื่อโตวมองชิงอีด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานก็สงบลงดั่งเดิม
“ราชินีชิงอีมีอารมณ์สุนทรีย์มากใช่หรือไม่? คิดไม่ถึงว่าท่านจะยอมออกจากวังมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์”
ชิงอีมองชายที่มีใบหน้าเหมือนประติมากรรมน้ำแข็งตรงหน้า แล้วอยากจะเหยียบมันทุกครั้งที่เห็น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดาาเป่ยอินถึงเลือกคนแบบนี้มาเป็าาผดุงธรรม!
“เดิมทีโลกมนุษย์อยู่ภายใต้เขตอำนาจของปรโลก ข้ามาที่นี่ก็ไม่จำเป็ต้องถามเทพพิพากษา” ชิงอีเหยียดยิ้มดูถูก แล้วเอ่ยต่อ “กลับกันวัดเก่าแก่บนูเาแห้งแล้งนี่ ไม่ได้มีฮ่องเต้ตเสียหน่อย าาผดุงธรรมแห่งยมโลกอย่างท่านมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
จื่อโตวเริ่มปวดหัว เขารีบมาที่นี่ เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ และสงสัยว่าผีตัวใดกันที่มีพลังอำนาจขนาดนั้น?
ไม่คาดคิดว่าจะเป็อันธพาลสาวหัวโจกแห่งปรโลกผู้นี้!
เมื่อเทียบกับพญามัจจุราชทั้งสิบกับนางแล้ว จื่อโตวไม่อยากพบนางมากกว่า เหตุผลคืออีกฝ่ายมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เย่อหยิ่งและไร้เหตุผลเหลือเกิน!
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพญามัจจุราชทั้งสิบรอดชีวิตมาหลายพันปีได้อย่างไรโดยกลายเป็บ้าเพราะนาง ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อนานมาแล้วเขาเห็นาาฉินกวางเกือบจะหัวล้าน เดาว่าคงถูกนางทรมานมาเหมือนกัน!
แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าเหตุใดชิงอีถึงมาปรากฏตัวที่นี่ แถมยังค่อมอยู่บนตัวคนอีก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะไล่ตามหญิงสาวนี้ อันธพาลสาวผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย หากไม่ระวังให้ดี จนเผยจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ออกไปได้จบเห่แน่
โดยเฉพาะ...คนผู้นั้นที่อยู่ข้างกายนาง...
จื่อโตวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “แน่นอน ว่าข้ามาที่นี่เพื่อปฏิบัติราชการ ชะตาของฮ่องเต้เหยียนไม่ได้ถูกฆ่า แต่โดนทำร้ายโดยสิ่งชั่วร้าย ข้าถึงต้องมาดูแลด้วยตนเอง”
“เช่นนั้นท่านก็มาได้ถูกเวลาจริงๆ เลยนะ” ชิงอีจ้องเขาอย่างเย้ยหยัน “ท่านคิดว่าข้าจะเชื่องั้นหรือ”
เธอขยับนิ้วเรียวยาวแล้วเปลวไฟซาตานสีดำลุกโชน เปลวไฟนั้นพลิ้วไหวเอาแน่เอานอนไม่ได้คล้ายว่ามันสามารถหลุดออกจากมือนางลงใส่ตัวชายหนุ่มที่อยู่ข้างเท้านางได้ทุกเมื่อ
ทั้งหัวใจและเส้นประสาททั้งหลายของจื่อโตวบีบตัวด้วยความตึงเครียด กระนั้น เขาก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา รวมไปถึงกังวลใจที่มี
เขาเบือนหน้าหนี และกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็การเป็งาน “เื่นี้ ราชินีชิงอีจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ ในเมื่อความชั่วร้ายถูกกำจัดไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่ต่อ”
รอยยิ้มของชิงอีแปรเปลี่ยนเป็ความตื่นเต้นขึ้นมาบัดดล “ไหนๆ ก็มาแล้ว จะรีบกลับไปทำไมกันอยู่พูดคุยกันก่อนสิ~"
เปลวไฟซาตานที่มีรูปร่างคล้ายงูพุ่งออกไปพันรอบตัวเขา
“เ้า” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาพ่นคำสบถและรีบหายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ตัวเขาก็ยังคงท่วมเปลวไฟซาตาน จนทิ้งคราบไว้เป็คราบจุดๆ บนเสื้อผ้า
ชิงอีเบะริมฝีปาก “ไหลลื่นเสียจริง”
เ้าแมวอ้วนก้าวออกมาดมคราบนั้น และอดพูดไม่ได้ว่า “สิ่งที่เหม็นที่สุดในนรกก็คือหนุ่มน้อยจื่อโตวผู้นั้น ท่านเผาเสื้อผ้าสีขาวของเขา เขาต้องแค้นฝังใจไปอีกนานแน่ๆ”
“ข้าต้องกลัวเขาหรืออย่างไร?” ชิงอีส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจ แล้วพึมพำด้วยความผิดหวังที่ไม่อาจรั้งคู่ต่อสู้เอาไว้ได้
ส่วนเ้าแมวอ้วนคิดว่าไม่ใช่ว่าท่านแค้นเขา ั้แ่เขาห้ามท่านเจอกับาาเป่ยอินหรือไร? ผ่านมาเป็พันปีแล้วก็ยังคงแค้นไม่หาย!
มายั่วยุท่านเช่นนี้ จื่อโตวผู้นั้นคงโชคร้ายแล้วล่ะ
จื่อโตวที่หนีมานอกวัด การดับเปลวไฟซาตานนั้นไม่ใช่เื่ง่าย และกว่าจะดับได้หน้าเขาก็ถูกเผาไปหมดแล้ว!
โอ๊ยๆๆ! ช่างเป็ความโชคร้ายในรอบแปดพันปีที่ต้องมาเจอนางมารร้ายผู้นั้นจริงๆ! นางมาอยู่ในวัดตงหวาแห่งนี้ได้อย่างไร หรือจะรู้ว่าท่านอ๋องท่านนั้นกลับชาติมาเกิด นางถึงได้ตามมาอย่างนั้นหรือ?
ให้ตายสิ แฟนคลับสาวเดี๋ยวนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หลายพันปีผ่านไป เหตุใดนางยังไม่ยอมแพ้อีกนะ?!
จื่อโตวกระทืบเท้าอย่างหัวเสียว่าจะใช้วิธีใดแอบเข้าวัดตงหวาอีกครั้ง โดยที่ไม่ให้ชิงอีจับได้ เขาเห็นคนคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาจากระยะไกลพร้อมกับองครักษ์กลุ่มใหญ่
และบังเอิญว่าเขารู้จักกับผู้นำกลุ่มนี้!
แล้วจื่อโตวก็คิดแผนการได้
...
ตอนที่ชิวอวี่และฉู่สือมาถึงคุกใต้ดินก็พอดีกับตอนที่จื่อโตวออกไปได้ไม่นาน
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาก็เห็นองค์หญิงประทับอยู่บนเก้าอี้และทรงกำลังดึงขนของเ้าแมวอ้วนออกทีละเส้นๆ ดูท่าแล้วนางคงกำลังขุ่นเคืองพระทัยยิ่งนัก
ท่ามกลางเืเนื้อที่เลือนรางอยู่บนพื้น เมื่อมองไปที่สถานการณ์เช่นนี้ แล้วทำให้รู้สึกแค่เพียงน่ากลัวเท่านั้น
ทั้งคู่ที่ตกตะลึงงันรีบดึงสติกลับมา
“ท่านอ๋อง!” ฉู่สือรีบวิ่งอยู่ข้างๆ เซียวเจวี๋ย แล้วเสียงหวานซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดกล่าวว่า “เขายังไม่ตาย”
“องค์หญิง ทรงเป็อะไรไม่เปล่าพ่ะย่ะค่ะ?” ชิวอวี่ถามอย่างร้อนรน
ชิงอีส่งเสียงอืมแบบเนือยๆ เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อชิวอวี่เห็นว่านางดูจะไม่ได้รับาเ็ก็หันตรวจสอบคนอื่นๆ เมื่อมั่นใจแล้วว่าเถาเซียงกับคนอื่นๆ เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น เขาก็รู้สึกโล่งอก
ชิงอีนั่งบนเก้าอี้โดยคาดเดาได้มีเพียงสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก ชิวอวี่จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถาม “องค์หญิง แล้วคนชั่วบนวัดตงหวาล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
“ตายไปแล้ว”
เยี่ยมไปเลย ชิวอวี่กระตุกมุมปาก และเดาว่าเขากับฉู่สือมัวแต่รับมือกับการต่อสู้ข้างนอก เลยพลาดฉากเด็ดไป
“แล้วพวกผีที่เคยช่วยเราบนูเาด้านหลัง...”
“ไปอยู่ในที่ที่พวกเขาควรจะไปแล้ว นี่เ้าจะเลิกทำตัวน่ารำคาญได้หรือยัง?” ชิงอีกลอกตามองเขา แล้วลุกพรวดเดินออกไป “ไปเก็บกวาดห้องเซียงฝาง ข้าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย เหม็นจะตายอยู่แล้ว!”
ชิวอวี่หน้าบูดบึ้ง เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ดุเดือดมา คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่องค์หญิงทรงกังวลมากที่สุดก็คือการสรงน้ำ ที่แท้นางก็รักความสะอาด...โอ๊ะ ไม่สิ นางไม่ธรรมดาจริงๆ!
ทันทีที่เดินออกจากคุกใต้ดิน หลิงเฟิงก็ปรี่เข้ามาช่วยเหลือ
ชิงอีหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “มาเร็วใช้ได้เลยนี่ ทันเวลาเก็บศพพอดี”
หลิงเฟิงถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าก็เปลี่ยนไป หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านอ๋องงั้นหรือ?! คิดเพียงเท่านี้เขาก็วิ่งหน้าตั้งแซงคนอื่นเข้าไปในคุกใต้ดินอย่างรวดเร็ว
ชิงอีร้องฮึอย่างเ็า แล้วก็เดินตรงไปที่ฝั่งอารามโดยไม่เสียเวลาคิด
นางก้าวไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็หันกลับมามอง
ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มีอะไรแอบเข้ามาไปอีกแล้วหรือ? เหมือนว่านางจะได้กลิ่นที่ค่อนข้างคุ้นเคย
ช่างเถอะ ตอนนี้นางเหม็นไปทั้งตัว และไม่อาจทนได้แม้แต่วินาทีเดียว
อาบน้ำให้เสร็จแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน!
จื่อโตวที่สามารถหลบนางมารร้ายมาได้ ถึงกับลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้นี้ไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่วินาทีเดียว!
เมื่อแน่ใจว่าเซียวเจวี๋ยไม่ได้รับาเ็และแค่หมดสติไปเท่านั้น หลิงเฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉู่สือสั่งให้เขาอยู่เก็บกวาดสถานที่อันเละเทะนี้ และสั่งการให้องครักษ์สองสามนายไปกับตน เพื่อส่งเซียวเจวี๋ยไปพักผ่อนที่ห้อง
พอปิดประตูถูกปิดลง ฉู่สือกำลังจะตรวจสอบว่าท่านอ๋องของตนได้รับาเ็ที่ใดหรือไม่ แต่เมื่อหันหน้าไปก็พบว่ามีองครักษ์นายหนึ่งอยู่ในห้อง
คนผู้นี้เข้ามาเมื่อไรกัน?
เขาไม่รู้จักกับอีกฝ่าย
“เ้า”
ฉู่สือกำลังจะอ้าปากพูดกลับหมดสติไปเสียก่อน
กลายเป็เซียวเจวี๋ยซึ่งหมดสติลืมตาขึ้นมาแทน ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
จื่อโตวมองดูด้วยความตื่นเต้น ก้าวเท้าไปด้านหน้าสองก้าวแล้วคุกเข่า
“าา ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”