เนื่องจากเพิ่งเกิดเื่ขึ้นเมื่อวาน เฉินซื่อจึงได้แต่พานางไปยืนดูอยู่ด้านนอกวงล้อมเพื่อไม่เป็ที่สังเกตของผู้อื่น ดังนั้นพวกนางจึงไม่เห็นยามที่โม่หลันออกไปปรากฏตัวในฐานะของโม่เสวี่ยถง ทำให้แผนการให้ร้ายของหวางอวิ๋นล้มเหลว ขณะที่กำลังนึกก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ว่าไร้ประโยชน์ แต่ไม่รู้ว่าไฉนเขาจึงป้ายความผิดมาที่ตนเอง คนอย่างนางไหนเลยจะทนใจเย็นอยู่ได้ จึงดิ้นรนจากการฉุดรั้งของผู้เป็มารดา ผลักคนที่ขวางทางอยู่ออกไป แล้ววิ่งเข้ามาชี้หน้าด่าทอหวางอวิ๋นอย่างร้ายกาจ
“เ้าไปรับคำสั่งมาจากใคร จึงมาให้ร้ายข้าเช่นนี้”
ใบหน้าของนางมีาแ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง ท่าทางเกรี้ยวกราดสูญเสียการควบคุมตนเอง แววตาดุร้ายปานจะฉีกเนื้อคนออกมาเป็ชิ้นๆ ทำให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายพากันใขวัญหนีดีฝ่อ ผู้คนจำนวนมากต่างถอยห่างออกไปกันเป็ทิวแถว แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน ไม่ว่าจะมองอย่างไรยามนี้อวี้ซือหรงก็ไม่มีความสง่างามเยี่ยงคุณหนูตระกูลผู้ดีแม้แต่น้อย
“ร้อนใจแบบนี้ ดูท่าจะเป็เื่จริง...”
“เป็จริงถึงแปดส่วนแน่นอน หาไม่แล้วของแบบนั้น... จะไปอยู่ในมือของผู้ชายได้อย่างไร”
“สกุลอวี้คงไร้การอบรมสั่งสอนจริงดังว่า ถึงเลี้ยงบุตรสาวเช่นนี้ออกมาได้”
“เพิ่งมาถึงเมืองหลวงแท้ๆ ยังขนาดนี้ ต่อไปจะขนาดไหน...”
เสียงเยาะหยันทำให้อวี้ซือหรงตัวสั่นสะท้านด้วยความคับแค้นใจ “ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ ไม่ใช่ข้า” นางส่ายหน้าราวกับเสียสติ พยายามอธิบาย แต่ทุกคนกลับเข้าใจว่านางกำลังร้อนตัวเท่านั้น
ไม่มีใครเชื่อว่านางเป็ผู้บริสุทธิ์
ยามนี้โม่เสวี่ยถงค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาช่วยพูดแก้ต่างให้ ดวงตาใสซื่อของนางที่ช้อนขึ้นมองแม้จะดูหวาดหวั่นแต่ก็นุ่มนวลอ่อนหวาน “ข้าก็ไม่เชื่อว่าคุณหนูอวี้จะมีอะไรกับบุรุษผู้นี้ หวางอวิ๋นพูดกลับไปกลับมา วาจาของเขาจะเชื่อถือได้อย่างไร”
เมื่อครู่นี้นางเพิ่งถูกคนให้ร้าย ยามนี้ยังก้าวออกมาช่วยเป็พยานให้ ด้วยกิริยานุ่มนวลอ่อนหวานเยี่ยงนี้จึงทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกดี แม้แววตาจะดูขลาดกลัว แต่กลับยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างอวี้ซือหรง ทั้งที่เมื่อวานอีกฝ่ายคิดทำให้นางเสียโฉม สายตาของทุกคนที่มองมาจึงเปลี่ยนไป ยามนี้จึงเห็นเพียงความชื่นชมในตัวสาวน้อยบอบบางผู้นี้
คุณหนูสกุลโม่มีกิริยาวาจาเยี่ยงกุลสตรีชั้นสูง เมื่อเทียบกันแล้วอวี้ซือหรงกลับดูคล้ายหญิงชาวบ้านปากร้ายไร้การอบรมสั่งสอน ลดชั้นตนเองลงมาอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ไม่อาจรักษาภาพลักษณ์ของคุณหนูผู้สง่างาม ยังขาดความสุขุมและความยับยั้งชั่งใจ เมื่อนำเื่เมื่อวานและวันนี้มาผูกรวมกันก็น่าดูแคลนยิ่งนัก
ท่าทางของอวี้ซือหรงเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว ความเสียใจเื่ที่ใบหน้าของตนเสียโฉมก็มากพอจะทำให้นางขาดสติไปแล้ว ผนวกกับวันนี้ยังต้องมาเจอเื่แบบนี้อีก ครั้นเห็นสายตาของผู้คนที่ล้อมรอบล้วนแต่ดูิ่เหยียดหยาม ทำให้ยามนี้นางเกือบจะคลั่งตายอยู่แล้ว ไหนเลยจะรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ มือที่ชี้หน้าหวางอวิ๋นเลื่อนมาชี้หน้าโม่เสวี่ยถง ด่าทอสาดเสียเทเสีย
“โม่เสวี่ยถง เ้ามันแพศยา แสร้งทำเป็คนดี เป็เ้าใช่หรือไม่ที่ให้คนมาทำลายชื่อเสียงข้า”
บัดนี้นางทั้งโกรธทั้งคับแค้น ไหนเลยจะนำพาต่อภาพรวม คิดแต่จะฉีกหน้ากากของโม่เสวี่ยถงออกให้ทุกคนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง แต่ด้วยความโมโหใบหน้าก็ยิ่งหงิกงอ ซ้ำร้ายใบหน้ายังมีาแที่พันด้วยผ้าแพรอยู่ จึงยิ่งดูน่าเกลียดน่ากลัว คุณหนูหลายคนใผวาจนถอยห่างออกไป
“คนอะไร ตัวเองก่อเื่ฉาวโฉ่ไว้ แล้วยังจะมาแสดงท่าทางร้ายกาจเยี่ยงนี้อีก”
“ได้ยินญาติห่างๆ เล่าให้ฟังว่า สกุลอวี้ยามที่อยู่เมืองอวิ๋นเฉิงก็ไม่ใช่ตระกูลดิบดีอะไรนักหนา คราก่อนยังเคยมีคนแนะนำคุณชายใหญ่สกุลอวี้ให้ แต่ดูจากการเลี้ยงดูบุตรสาวแล้ว จะยังหาดีอะไรได้ เป็คุณหนูใหญ่แท้ๆ กลับลอบคบหากับผู้ชาย แล้วยังวางตัวหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ สกุลอวี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ”
“เมื่อวานหน้าเพิ่งเสียโฉม วันนี้ยังต้องอับอายขายหน้าอีก นางไม่ร้อนใจก็แปลกแล้ว เกิดเื่แบบนี้ขึ้นนางจะแต่งให้ใครได้อีก ใบหน้าก็เป็แผล เกียรติยศก็ไม่มีเหลือ ตกต่ำถึงเพียงนี้ยังจะมีเื่ไหนที่ทำไม่ได้อีกเล่า”
โม่เสวี่ยถงยังสงวนวาจาอยู่ แต่สิ่งที่เหล่าคุณหนูวิจารณ์กันคนละประโยคสองประโยคกลับเป็การช่วยนางไขทุกอย่างจนกระจ่างแจ้งหมดแล้ว สีหน้าเหยียดหยันยากจะปกปิดฉายชัดบนใบหน้าของพวกนางแต่ละคน
“คุณหนูทุกท่านอย่าได้ว่ากล่าวคุณหนูอวี้เช่นนี้เลย แม้เมื่อวานจะเกิดเื่แบบนั้นขึ้น แต่ก็เป็เพียงเื่เล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ไม่อาจกล่าววาจาตามใจปากได้ คุณหนูอวี้เป็ญาติทางบ้านมารดาของป้าสะใภ้ซึ่งเคร่งครัดในกฎระเบียบยิ่ง จะเป็ไปได้อย่างไรที่จะมีหลานสาวเยี่ยงนี้ ดังนั้นคุณหนูอวี้ย่อมถูกปรักปรำแน่นอน เื่ของคุณหนูอวี้จะต้องตรวจสอบเป็อย่างดี ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่สกุลอวี้จะให้คนทำลายได้อย่างไร”
โม่เสวี่ยถงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลรื่นหู แต่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ใบหน้างดงามบริสุทธิ์ผนวกกับกิริยาวาจาสุภาพอ่อนหวาน สายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจทำให้คนเห็นแล้วอยากเข้าใกล้ และเลือกยืนอยู่ข้างนางโดยไม่รู้ตัว
เมื่อวานถูกเขาฟ้องร้องให้ได้รับความเสียหาย วันนี้ก็ถูกคนใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่กลับช่วยมาเป็พยานให้ ลักษณะนิสัยและความกล้าหาญเช่นนี้ไหนเลยจะมีในสตรีทั่วไป แม้จะยังเยาว์วัยนัก แต่กลับน่าชื่นชมยกย่อง ยามนี้ทุกคนต่างลืมข่าวลือเสียหายของนางยามที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงมาใหม่ๆ จนหมดสิ้น
บัดนี้หวางอวิ๋นเริ่มร้อนตัวกลัวว่าจะถูกจับส่งทางการ เมื่อเห็นผู้คนต่างคล้อยตามโม่เสวี่ยถงเยี่ยงนั้นก็กัดฟันลุกขึ้นสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุม แล้วโถมเข้ากอดอวี้ซือหรงต่อหน้าทุกคน พร่ำวาจาชวนให้ซาบซึ้งใจ “ซือหรง ข้ารู้ว่าเ้ากลัว ไม่เป็ไร มันไม่สำคัญแล้ว เื่คุณหนูโม่ข้าทำไม่สำเร็จ ข้ามันไร้ประโยชน์ แต่ที่ยอมทำทุกอย่างก็เพื่อเ้าทั้งนั้น”
เขาก็อยากมีชีวิตรอดออกไป จึงกอดอวี้ซือหรงไว้แน่น ไม่ยอมให้นางดิ้นหลุดออกไปง่ายๆ
อวี้ซือหรงทั้งมึนงง ตื่นกลัว น้อยเนื้อต่ำใจ หวาดหวั่น ว้าวุ่นและสิ้นหวัง หลากอารมณ์หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ นางรู้ว่าหากปล่อยให้หวางอวิ๋นพัวพันอยู่เช่นนี้ย่อมไม่เป็การดีอย่างยิ่ง จึงทั้งถีบทั้งดิ้นสุดแรงด้วยความโกรธและร้อนใจ หวังให้หลุดจากพันธนาการของเขา ปากก็ร้องะโด่าทอ “หุบปาก ปล่อยมือนะ เ้าพูดเหลวไหล ข้าไม่รู้จักเ้าเสียหน่อย เ้าคือคนที่โม่เสวี่ยถงส่งมาทำร้ายข้า”
“ซือหรง เ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร สองวันมานี้พวกเรายังนัดพบกันที่หอหรูอวี้ตรงชานเมืองตะวันออกถึงสามครั้ง ไม่เชื่อก็ไปถามคนงานของหอหรูอวี้ก็ได้ พวกเราสองคนพบกันในห้องส่วนตัว ตอนนั้นคนที่เห็นมิได้มีเพียงคนเดียว”
หวางอวิ๋นหรือจะยอมปล่อยมือ หากไม่อ้างเื่นี้สุนัขจนตรอกเช่นเขาคงต้องชะตาขาดแน่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็เื่ที่พูดได้หรือไม่อาจพูดก็ล้วนเปิดปากออกมาหมด
พวกเขาเคยพบกันสามครั้งจริงๆ เพียงแต่เพื่อเป็การซื้อใจ และให้หวางอวิ๋นเตรียมตัวสำหรับวางแผนเล่นงานโม่เสวี่ยถง ไหนเลยจะมีสัมพันธ์อันใดกับเขาจริงๆ เขาเป็เพียงซิ่วไฉยากจนคนหนึ่ง ทั้งยังถูกคนเขี่ยทิ้งออกจากจวน คนแบบนี้หรือที่นางจะชายตาแล แค่พบเจอก็รู้สึกเป็เสนียดสายตาแล้ว
แต่ที่หวางอวิ๋นกล่าวมาเป็เื่จริง หากคนไปตรวจสอบย่อมพบว่านางเคยเจอเขาสองสามครั้ง แต่ใครจะแยกแยะได้เล่าว่านางพบเขาด้วยเหตุอันใด
นางจึงได้แต่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
บัดนี้เฉินซื่อฝ่าฝูงชนเบียดเสียดเข้ามาถึง บ่าวหญิงาุโสองคนที่อยู่ด้านหลังปรี่เข้ามาลากตัวหวางอวิ๋นออกไป จึงช่วยอวี้ซือหรงออกมาได้
เดิมทีคำพูดของหวางอวิ๋นก็ทำให้คนเกิดความแคลงใจอยู่แล้ว มาบัดนี้ต่างเชื่อโดยสมบูรณ์ คำพูดที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจไม่น่าจะเป็การโกหก ในขณะเดียวกันอวี้ซือหรงกลับอ้าปากค้างเถียงไม่ออก จึงพานคิดไปว่าอวี้ซือหรงไปเกลือกกลั้วกับบุรุษแบบนี้จริงๆ ตนเองทำเื่น่าละอายแท้ๆ แต่กลับใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น เป็การกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่ง คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่รอบข้างอวี้ซือหรงต่างพากันถอยห่างอย่างรังเกียจ
“เด็กๆ ลากเขาออกไป มาเอะอะโวยวายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” ฮูหยินผู้เฒ่าฉินเดินไปหาโม่เสวี่ยถงแล้วจูงมือนางมาอยู่ด้านหลังของตนเอง ก่อนหันกลับไปมองเฉินซื่อด้วยสายตาเ็า กล่าวอย่างสิ้นเยื่อใย “เฉินฮูหยิน แม่หนูถงเป็เด็กดี ข้าไม่รู้ว่านางไปทำอะไรให้พวกท่านรำคาญใจ คุณหนูใหญ่ของบ้านเ้าความสามารถสูงเกินไปเซวียนเกอของเราไม่คู่ควรด้วย ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป อวี้ซื่อของพวกท่านจะไม่พยายามจับคู่คุณหนูใหญ่สกุลอวี้กับเซวียนเกออีก พวกเราสกุลฉินไม่สูงส่งพอที่จะเป็ที่พึ่งพิงให้สกุลอวี้”
คำกล่าวนี้เฉียบขาดนัก ฮูหยินผู้เฒ่าฉินปิดตายทุกหนทางของอวี้ซื่อ ต่อให้มิใช่อวี้ซือหรง ไม่ว่าบุตรสาวคนไหนของสกุลอวี้ก็อย่าหมายจะได้แต่งเข้ามาในสกุลฉินทั้งสิ้น ไม่ว่าเื่นี้อวี้ซือหรงจะเป็คนก่อจริงหรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เื่ราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าใครก็ล้วนมองออกว่าโม่เสวี่ยถงคือผู้บริสุทธิ์ ส่วนเื่อื้อฉาวระหว่างอวี้ซือหรงกับหวางอวิ๋น เนื่องจากมิได้สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น จึงให้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของสองตระกูลตามกฎหมายของต้าฉิน หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวจบก็จูงมือโม่เสวี่ยถงออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
อวี้ซื่อซึ่งอยู่ด้านหลังลังเลใจอยู่ชั่วครู่ มองไปที่อวี้ซือหรงกับเฉินซื่อที่อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอัดอั้นแล้วหมุนตัวเดินตามฮูหยินผู้เฒ่าไป นางต้องคำนึงถึงสถานะนายหญิงสกุลฉินของตนเองเป็อันดับหนึ่ง สถานะบุตรสาวของสกุลอวี้มาเป็เื่รอง สตรีที่ออกเรือนแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป หากยังยืนอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะแปดเปื้อนน้ำสกปรกไปด้วย ไหนเลยจะกล้าเสี่ยงอยู่ต่อ
“อาหญิง... อาหญิง...” อวี้ซือหรงร้องเรียกเสียงหลง อวี้ซื่อชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินหน้าฝ่าวงล้อมตามแม่สามีออกไปอย่างรีบร้อน นางยังมีบุตรชาย จึงไม่อาจให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
เมื่อเห็นพวกฮูหยินผู้เฒ่าฉินจากไปกันหมดแล้ว เหล่าฮูหยินและคุณหนูทุกคนต่างมองสองแม่ลูกสกุลอวี้ด้วยสายตาเหยียดหยัน ก่อนสลายตัวแยกย้ายกันไป
“ท่านแม่... ท่านแม่... ท่านต้องส่งคนไปจัดการนังสารเลวนั่น ตีมันให้ตาย”
อวี้ซือหรงที่คล้ายคนสติหลุดไปแล้ว ทันทีที่รู้สึกตัวก็อาละวาดกรีดร้องอย่างสูญเสียการควบคุม ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนเป็เพราะโม่เสวี่ยถง เพราะนางตนเองจึงต้องเสียโฉม เพราะนางตนเองจึงถูกคนหยามหยัน และเพราะนางตนเองกับญาติผู้พี่จึงต้องสิ้นบุพเพวาสนาในชาตินี้ ความอัปยศทั้งหลายที่เกิดขึ้นไหนเลยอวี้ซือหรงจะยอมรับได้
นางจะฆ่ามัน ฆ่าสตรีที่ทำร้ายนางผู้นั้น!
“เพียะ!”
แรงมือไม่เบาสะบัดใส่ใบหน้าของอวี้ซือหรง าแที่ยังไม่หายดีมีเืซึมออกมา อวี้ซือหรงยกมือกุมใบหน้าอย่างตกตะลึง
เกิดเื่อัปยศอดสูมากมายเพียงนั้น อวี้ซือหรงยังจะร้องโวยวายโดยไม่เห็นแก่หน้าตาและศักดิ์ศรีของตนเองแม้แต่น้อย เฉินซื่อโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าอวี้ซือหรงอย่างแรง แล้วหันไปสั่งให้บ่าวจับนางอุดปากแล้วลากกลับไป ไหนเลยจะมีหน้ายืนอยู่ที่นี่อีก พ้นประตูมาได้ก็ให้คนเตรียมรถกลับจวนทันที
ส่วนคนที่ชื่อหวางอวิ๋นเห็นไม่มีใครสนใจตนเองแล้วก็กลอกตาไปมา แล้วรีบวิ่งหนีไปทางด้านนอก ใครจะรู้ เพิ่งก้าวเท้าออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกตีที่ศีรษะอย่างแรง เบื้องหน้ากลายเป็ภาพดำมืดร่างอ่อนยวบนอนกองลงที่พื้น มิทันออกเสียงร้องแม้แต่คำเดียวก็สลบไป
…
หลังแยกจากฮูหยินผู้เฒ่าฉินกลับมาถึงห้องพักของตนเอง โม่เสวี่ยถงก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย เมื่อครู่ระหว่างที่กำลังมีเื่มิได้สังเกต มาบัดนี้จึงรู้สึกว่าตนเองเหงื่อออกทั่วทั้งร่าง นางเกาะแขนของโม่หลัน หลับตาลง รู้สึกวิงเวียนไร้เรี่ยวแรง าแที่คอและแขนก็รู้สึกปวดอย่างยิ่ง
“คุณหนู รู้สึกไม่สบายหรือเ้าคะ” โม่หลันประคองนางให้นั่งลง ไม่ถามถึงเื่อื่นนอกจากสุขภาพของนาง สองสามวันมานี้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณหนูล้วนอยู่ในสายตาของนาง คุณหนูมิใช่คนขี้ขลาดอ่อนแอไร้ความสามารถเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ทุกก้าวย่างล้วนดำเนินไปอย่างมีเป้าหมาย เื่ที่ควรรู้คุณหนูย่อมบอกนางเอง เื่ที่ไม่ควรรู้นางจึงไม่เคยสืบถาม
โม่เสวี่ยถงส่ายหน้า หลับตาพูดอย่างอ่อนล้า “เ้าออกไปก่อนเถิด ข้าจะพักผ่อนสักครู่”
นางรู้สึกเหนื่อยอย่างแท้จริง หลังจากได้มีชีวิตใหม่ ทุกหนแห่งล้วนเจอคนวางแผนการ ทุกก้าวย่างอยู่บนความหวาดกลัวว่าตนเองจะก้าวพลาด จิตใจของคนเ่าั้ช่างอำมหิตนัก คิดทำลายนางไม่เคยหยุดหย่อน นางพิงร่างบนตั่งอย่างรู้สึกอ่อนล้าทั้งใจกาย
เห็นคุณหนูของตนหน้าตาซีดเซียวอิดโรย โม่หลันก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ค่อยๆ ถอยออกไปตามคำสั่ง
แม้คุณหนูจะเฉลียวฉลาดมากมายเพียงใด นางก็ยังคงเป็ห่วง คุณหนูเพิ่งจะอายุเต็มสิบสามปีเท่านั้นเอง หากฮูหยินยังอยู่ไหนเลยคุณหนูจะต้องฝืนตนเองทำตัวเข้มแข็งเยี่ยงนี้
“เป็อย่างไร เข้าถึงบทบาทเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหวเลยเชียวหรือ” วาจาจิกกัดแกมหยอกล้อลอยมาจากด้านข้าง น้ำเสียงเอ้อระเหยลอยลมจนแยกไม่ออกว่าเป็คนจริงหรือไม่
คนผู้นี้ช่างเป็ผีร้ายตามรังควานไม่เลิกแท้ๆ แต่นางก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา
โม่เสวี่ยถงถอนหายใจเสียงเบา แล้วหมุนตัวไปอีกด้านหนึ่ง