เย่ชิงหานกลับไม่รู้ว่าในความคิดของคนอื่นเขาได้กลายเป็ลิงที่ะโโลดเต้นไปมาข้างกายของนักรบเผ่าคนเถื่อนไปเสียแล้ว เขายิ่งเล่นยิ่งสนุกภายในเวลาเพียงแค่สามนาทีเขาถูกหมัดของนักรบเผ่าคนเถื่อนโจมตีถูกถึงห้าครั้ง เพียงแต่ภายใต้เกราะพลังปราณรบที่หุ้มกายอยู่และสุดยอดการป้องกันจากเกราะเต่าดำ ทำให้เขาแค่รู้สึกจุกเสียดไปเพียงเท่านั้นแต่ไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใด ขอเพียงรักษาส่วนศีรษะไว้ไม่ให้ถูกโจมตีก็พอ ส่วนอื่นๆ ล้วนไม่ต้องเป็กังวล
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเขายิ่งสนุกคึกคักขึ้น ระดับความชำนาญของท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อัตราการถูกโจมตีโดนก็ลดน้อยลงไปตาม...ส่วนนักรบเผ่าคนเถื่อนก็ราวกับเครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอย่างไรอย่างนั้น ควงหมัดใหญ่โตของมันโจมตีเข้าใส่เย่ชิงหานอย่างต่อเนื่อง ดูท่าการโจมตีของเย่ชิงหานก่อนหน้าจะทำให้มันเดือดดาลไม่เบา...
ครึ่งชั่วโมง!
หนึ่งชั่วโมง!
แขนที่ควงโจมตีออกมาของนักรบเผ่าคนเถื่อนเริ่มลดระดับความเร็วลงเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของร่างกายเริ่มเชื่องช้าลงไปเป็อย่างมาก ต้องเผชิญกับการสู้รบสองครั้งติดทำให้พลังทางร่างกายของมันถูกใช้ไปอย่างมหาศาล แต่ในทางกลับกันระดับความเร็วของสิบแปดจังหวะก้าวเท้าที่แปลกประหลาดของเย่ชิงหานยิ่งใช้ออกมายิ่งรวดเร็วและชำนาญมากยิ่งขึ้น แม้จะยังห่างไกลจากทักษะขั้นสูงของระดับชั้นแรกก็ตามทีแต่เขาก็พอใจมากแล้ว ตอนนี้ในสายตาของทุกคนเย่ชิงหานกลายเป็ปลาไหลตัวหนึ่งไปแล้ว แม้จะยังคงเคลื่อนที่หมุนวนรอบร่างของนักรบเผ่าคนเถื่อนอยู่เช่นเดิม แต่การโจมตีของมันกลับไม่สามารถััถูกได้แม้กระทั่งชายเสื้อของเย่ชิงหาน
ในตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเย่ชิงหานกำลังใช้นักรบเผ่าคนเถื่อนฝึกท่าร่างนี่เอง
‘ฝึกอีกสักพักก็น่าจะพอแล้ว’
เย่ชิงหานคิดอยู่ในใจ ส่วนนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ตรงข้ามถลนตาวัวของมันมองด้วยความฉงนสนเท่ห์ ตอนแรกมันคิดว่าเ้านักรบเผ่ามนุษย์ตัวจ้อยคนนี้เป็หมูสนามที่เคี้ยวได้ง่ายๆ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็เหมือนดั่งแมลงสาบที่ฆ่าเท่าไรก็ไม่รู้จักตาย แถมพลังป้องกันยังแข็งแกร่งกว่าตนเองเสียอีก...
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงมันจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเย่ชิงหานกำลังหลอกใช้มันเพื่อฝึกปรือฝีมือ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะรู้ว่าคงหนีไม่รอดเป็แน่ ทั้งสามเผ่าพันธุ์ต่อสู้เข่นฆ่ากันมานับพันปีความแค้นยิ่งใหญ่หยั่งรากฝังลึก แน่นอนว่าคงจะไม่ยอมรับการขอยอมแพ้หรือใจอ่อนปล่อยให้หนีไปอย่างแน่นอน...มันจึงทำได้เพียงแค่ฝืนทนโจมตีต่อไป หวังว่าจะโชคดีฆ่าเย่ชิงหานได้อาจจะมีโอกาสรอดมากขึ้น
แต่หลังจากที่เสียงร้องของนกแปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังลอยมาแต่ไกล นักรบเผ่าคนเถื่อนพบว่าดวงตาของนักรบเผ่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนเป็แหลมคมขึ้นในทันที กริชสีเขียวที่ไม่ปรากฏมาเป็เวลานานตอนนี้ปรากฏมาอยู่ในมือของเย่ชิงหานอีกครั้ง จากนั้นกริชตวัดกรีดผ่านลำคอของมันไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวมันก็สูญสิ้นความรู้สึกไป...
สัญญาณระวังภัยส่งมาจากสมาชิกกองกำลังที่อยู่ทางด้านทิศเหนือ เย่ชิงหานไม่กล้าประมาท ทันทีที่สังหารนักรบเผ่าคนเถื่อนอย่างง่ายดายก็รีบเก็บเอาแหวนแล้วเคลื่อนตัวออกไปทางพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นนักฆ่าของตระกูลฮวาปรากฏตัวมาตรงหน้าของเขารายงานสถานการณ์ว่าพบนักรบเผ่าปีศาจจำนวนสองคนพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตขุนพลปีศาจทั้งคู่
เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ ออกมา รู้สึกนับถือฝีมือของตระกูลฮวาที่สามารถเสาะหาสถานที่วิเศษเหมาะแก่การดักซุ่มสังหารได้ดีถึงเพียงนี้ นักรบเผ่าปีศาจสองคนที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตขุนพลปีศาจ เท่ากับยี่สิบคะแนน ได้คะแนนมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ย่อมทำให้เขาปลื้มปีติเป็อย่างมาก จากนั้นจึงสั่งการให้รวบรวมสมาชิกของกองกำลังที่อยู่ใกล้ๆ แล้วรีบพรางกายเข้าไปในทันที
นักรบเผ่าปีศาจทั้งสองตัวที่ถูกเคลื่อนย้ายมาล้วนเป็เพศเมียทั้งคู่ ใบหน้ามีรูปรอยสักต่างๆ ปรากฏอยู่ เย่ชิงหานไม่ได้ใจอ่อนหรือทะนุถนอมที่เห็นว่าเป็เพศเมียแต่อย่างใด เรียกนักฆ่าของตระกูลฮวาให้อำพรางกายออกไปถ้าสบโอกาสก็ให้ลงมือ จากนั้นตนเองกับนักรบลูกหลานตระกูลเย่คนหนึ่งพุ่งทะยานออกไป ตัวคนลอยอยู่กลางอากาศ นักรบเผ่าปีศาจมองมาด้วยความตื่นใ เย่ชิงหานรวมร่างสัตว์อสูรในทันที ใช้วิชาเนตรสยบิญญาทำให้นักรบเผ่าปีศาจตัวหนึ่งหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ จากนั้นเงาร่างขยับวูบลงมาจากกลางอากาศใช้กริชัเขียวจบชีวิตของนักรบเผ่าปีศาจเพศเมียตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย
นักรบลูกหลานของตระกูลเย่อีกทางหนึ่งก็สังหารศัตรูได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากเย่ชิงหาน เขาปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาเป็ค้อนขนาดใหญ่ทุบจนศัตรูาเ็สาหัส จากนั้นใช้ดาบฟันสังหารจบชีวิตของนักรบเผ่าปีศาจอีกตัวลง พลังฝีมือในระดับขอบเขตนักรบต่อสู้กับนักรบเผ่าปีศาจที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตขุนพลปีศาจที่เทียบได้กับระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ แน่นอนว่าย่อมต้องจัดการได้โดยง่ายเพราะพลังฝีมือที่ต่างกันถึงหนึ่งระดับขอบเขตใหญ่เช่นนี้
สมาชิกของกองกำลังที่อยู่รอบมองอย่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง นักฆ่าของตระกูลฮวาเองก็เตรียมพร้อมทำการช่วยเหลือทุกเวลาหากเย่ชิงหานต่อสู้รับมือไม่ไหวขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่าเย่ชิงหานจะสามารถสังหารนักรับเผ่าปีศาจที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตขุนพลปีศาจได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังเป็การสังหารในพริบตาอีกด้วย
นักรบของตระกูลเย่อีกคนที่สังหารนักรบเผ่าปีศาจได้ในพริบตาไม่ได้เป็เื่แปลกอะไร เพราะด้วยระดับขั้นพลังฝีมือที่สูงกว่าหนึ่งระดับขอบเขตใหญ่ แต่เย่ชิงหานที่อยู่เพียงแค่ระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์กลับสามารถสังหารนักรบเผ่าปีศาจที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตขุนพลปีศาจได้ในพริบตา นี่สิถึงจะเป็เื่ที่แปลกประหลาดมาก สัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดของตระกูลเย่หลังจากรวมร่างแล้วอานุภาพร้ายกาจถึงเพียงนี้เลยรึ?
สำหรับเื่นี้เย่ชิงหานทำเพียงยิ้มออกมาไม่ได้อธิบายอะไร เขารู้ดีว่าเื่ที่เขามีวิชาต่อสู้ร่างอสูรไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะต้องรู้ ตอนนี้เขาใช้มันออกมาในขณะที่ทุกคนไม่ทันได้สังเกตก็เพื่อจะทดสอบดูว่าวิชาต่อสู้ร่างอสูรนั้นสามารถใช้กับนักรบเผ่าปีศาจได้หรือไม่ คำตอบที่ได้รับเป็ไปตามที่เขาคาดคิดไว้ ขอเพียงเป็สิ่งมีชีวิตที่มีิญญาหากถูกโจมตีด้วยเนตรสยบิญญาของเขาจะต้องได้รับผลกระทบทำให้มึนงงวิงเวียนศีรษะในทันที...
ตามที่ปรึกษาหารือกันไว้ หน่วยของเย่ชิงหานจะต้องเข้าเวรเป็เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ด้วยระดับพลังฝีมือของพวกเขาในตอนนี้เื่แค่นี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นหลังจากที่จัดการกับศพของนักรบต่างเผ่าเสร็จทุกคนก็กลับเข้าประจำตำแหน่งดังเดิม เย่ชิงหานกลับขึ้นไปยังบนต้นไม้ใหญ่ฝึกฝนพลังปราณรบต่อ
โชคของวันนี้คล้ายกับว่าได้ใช้หมดไปแล้ว ั้แ่เมื่อคืนวานและเมื่อตอนรุ่งสาง ตลอดทั้ง่กลางวันอาณาเขตที่เย่ชิงหานรับผิดชอบเฝ้าระวังภัยกลับไม่ได้ปรากฏนักรบต่างเผ่าอีกเลยแม้แต่คนเดียว
.................................
หลังจากเข้าเวรจนครบกำหนดเย่ชิงหานนำหน่วยของตนเองกลับมาพักผ่อนที่สระน้ำ ส่วนตนเองยังมีเื่ที่ต้องทำอีกเื่หนึ่ง และเื่นี้จำเป็ต้องเป็เขาเพียงคนเดียวที่ต้องกระทำ ถูกต้อง! คือการเก็บคะแนน เื่เช่นนี้สั่งการให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ ระเบียบของการแลกเปลี่ยนของรางวัลงานประลองาระหว่างเขตปกครอง การนับคะแนนจะนับจากภายในแหวนของคนที่นำมาแลกเพียงคนเดียวเท่านั้น คะแนนจากแหวนของคนอื่นๆ ไม่สามารถนำมาบวกรวมเข้าด้วยกันได้...
ดังนั้น ทุกคนจึงตกลงกันว่าหน่วยต่างๆ ที่เฝ้าระวังอยู่ในทิศทั้งสี่หลังจากที่สังหารศัตรูเรียบร้อยแล้ว ให้แต่ละหน่วยที่รับผิดชอบในอาณาเขตของตนเองเก็บร่างของศัตรูรวมไว้ในเขตนั้นก่อน หลังจากที่เย่ชิงหานหมดเวรที่ต้องเฝ้าระวังภัยแล้วค่อยให้เขาเก็บรวบรวมแหวนเ่าั้ด้วยตนเอง
หลังจากออกเก็บแหวนจนครบหมดทั่วทุกทิศ เย่ชิงหานกลับมายังสระน้ำอีกครั้งเพื่อพักผ่อน เขามองดูตัวเลขคะแนนที่อยู่บนตัวแหวนจิตใจพลันปลื้มปีติยินดีขึ้นมา หลังจากที่ทุกคนผ่านงานที่ยากลำบากเป็เวลาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน สามารถเก็บสะสมคะแนนได้ทั้งหมดถึงเก้าสิบห้าคะแนน บวกกับของเดิมที่มีอยู่อีกสามสิบห้าคะแนน เท่ากับว่าตอนนี้มีคะแนนสะสมทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบคะแนนแล้ว เขาลองคิดยอดทั้งหมดดูทั้งก่อนและหลัง สังหารนักรบเผ่าปีศาจพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตขุนพลปีศาจไปหกคนได้มาหกสิบคะแนน นักรบเผ่าคนเถื่อนพลังฝีมือในระดับขอบเขตขุนพลคนเถื่อนห้าคนได้มาห้าสิบคะแนน ที่เหลือก็จะเป็ระดับขอบเขตจ้าวปีศาจและระดับขอบเขตจ้าวคนเถื่อน เพียงแค่ดักซุ่มรออยู่เช่นนี้ก็ได้รับคะแนนง่ายๆ ถึงร้อยกว่าคะแนน หากทุกๆ วันโชคดีเช่นนี้ละก็ การดักซุ่มรออยู่ที่นี่ตลอดทั้งสามเดือนก็จะสามารถเก็บสะสมคะแนนได้ถึงหนึ่งพันหรือสองพันคะแนนก็เป็ได้
เย่ชิงหานมองดูแหวนที่อยู่บนนิ้วและกำลังคิดคำนวณไว้อย่างสวยงาม อย่างไม่ทันตั้งตัว... ในตอนนี้เองประสาทััรับรู้ของเขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนตัวของอากาศที่แปลกออกไป ร่วมมือกับตระกูลฮวาหลายครั้งจนรู้ได้ว่าผู้ที่มาจะต้องเป็คนของตระกูลฮวาอย่างแน่นอน และผู้ที่กล้าอำพรางตัวมุ่งหน้าเข้ามาหาเขาเช่นนี้จะเป็ใครไปไม่ได้นอกเสียจากฮวาเฉ่ากระเทยสวยคนนั้น มุมปากของเย่ชิงหานโค้งงอขึ้น้าเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้เปิดโปงผู้ที่มาแต่อย่างใด ยังคงนอนอิงอยู่บนต้นไม้เช่นเดิมรอคอยให้ฮวาเฉ่าปรากฏกายออกมาเอง
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงของฮวาเฉ่าดังขึ้น จากนั้นร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเย่ชิงหาน ใบหน้ามีแววดำคล้ำและผิดหวัง
“เป็อะไร?” เย่ชิงหานเห็นเข้ารีบผุดลุกขึ้นนั่งแล้วถามออกมาด้วยความห่วงใย
“เสียหาย เสียหายหลายแสน! ยิ่งร่วมมือกับพวกเ้านานเท่าไรสุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลฮวายิ่งจะถูกพวกเ้าจับทางได้หมดแล้ว แม้กระทั่งเ้าที่พลังิญญาอยู่ในระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ยังััได้ถึงการมาของข้า แล้วอย่างนี้ต่อไปตระกูลฮวาจะหากินอย่างไรเล่า!” ฮวาเฉ่าบุ้ยปากบ่นออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจราวกับว่าขาดทุนย่อยยับอย่างไรอย่างนั้น
เย่ชิงหานกลอกตาขาวมองไปครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น “อย่ามาพูดหน่อยเลย สุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลข้าก็ถูกพวกเ้าศึกษาเรียนรู้เหมือนกันมิใช่รึ? ตระกูลใหญ่ทั้งห้าก็ไม่เห็นจะมีความลับต่อกันั้แ่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว! เ้าไปเสียท่าจากที่ไหนมาถึงได้มาบ่นระบายกับข้าที่นี่?”
“เฮ้อ...ปิดบังเ้าไม่ได้จริงๆ แหะๆ เ้ามองดูที่นั่น!” ถูกเย่ชิงหานเปิดโปงออกมา ฮวาเฉ่าใบหน้าแดงขึ้นในทันทีพูดออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ จากนั้นดันแขนของเย่ชิงหานแล้วชี้นิ้วไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไป
มองตามทิศทางที่ฮวาเฉ่าชี้ไปเย่ชิงหานมองเห็นค่ายที่พักของสมาชิกกองกำลังหญิงสาวของตระกูลเยว่ ส่วนตำแหน่งที่ฮวาเฉ่าชี้นั้นกลับเป็ห้องอาบน้ำของเหล่านักรบหญิงตระกูลเยว่ที่สร้างขึ้น
“นายน้อยหาน อย่าเพิ่งเข้าใจผิด! ฆ่าให้ตายข้าก็ไม่กล้าไปแอบดูภรรยาของเ้ากับแม่นางเย่ชิงอู่อาบน้ำอย่างเด็ดขาด...ข้าเพียงแค่อยากจะดูหญิงสาวของตระกูลเยว่คนอื่นๆ เพียงเท่านั้นเอง แหะๆ! เ้าลองดูหน่อยว่าจะสามารถพูดภรรยาของเ้าให้สั่งนักรบหญิงที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกออกไปที่อื่นก่อนได้ไหม? ให้ข้าได้เข้าไปชมเป็บุญตาเสียหน่อย ข้ารับรองจะตอบแทนอย่างงาม...” ฮวาเฉ่าเห็นใบหน้าของเย่ชิงหานดำคล้ำขึ้นมาทันทีเมื่อมองเห็นห้องอาบน้ำ เขารีบตบอกพูดรับประกันขึ้นมา จากนั้นเห็นใบหน้าของเย่ชิงหานกลับคืนสู่ปกติจึงรีบถามขึ้นด้วยความเ้าเล่ห์และประจบสอพลอ
“เ้าไปตายซะเถอะ...ทำไมเ้าไม่ไปพูดกับนางเอง? เ้านี่นะภายนอกดูเป็สุภาพบุรุษมีคุณธรรม ภายในจิตใจกลับทะลึ่งลามก มักมากในกาม โรคจิต...” เย่ชิงหานเมื่อได้ยินรีบปัดมือของฮวาเฉ่าออกทันที เขาสะดุ้งใเล็กน้อยที่ฮวาเฉ่าปกติจะสุภาพเรียบร้อยกลับพูดประโยคขอร้องเช่นนี้ออกมา
ฮวาเฉ่าแบมือออกทั้งสองข้างทำท่าอับจนปัญญาพร้อมกับอธิบายขึ้น “ข้าก็ไม่อยากจะเป็อย่างนี้หรอก เพียงแต่การฝึกฝนหลายปีจนกลายเป็นิสัยมันแก้ยาก เ้าไม่รู้หรอกว่าั้แ่เป็เด็ก หลังจากที่พวกข้าปลุกพลังทางสายเืสำเร็จ สุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลที่ต้องฝึกฝนให้ได้ลำดับแรกคือการอำพรางกาย หลังจากที่ฝึกฝนจนสำเร็จตระกูลจะมอบภารกิจให้ไปแอบดูสาวๆ อาบน้ำ ทุกๆ เดือนจะต้องแอบดูให้สำเร็จหนึ่งครั้ง ฝึกฝนอย่างนี้มาสิบกว่าปีจนกลายเป็นิสัย หลายเดือนมานี้ไม่ได้แอบดูจึงรู้สึกใจอยู่ไม่เป็สุข...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้