สามเณรน้อยนามว่าหยวนเป่าเป็สามเณรที่ไล่นกไล่แมลงวันในสำนักจีเหรินจาย แต่ในวัดตงหวาจะรับผิดชอบในการเลือกผัก ปลูกผัก และเตรียมอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาขอความช่วยเหลือที่วัด
ก่อนที่ชิงอีจะมาถึงสำนักจีเหรินจาย เขาได้รับคำสั่งให้พาขอทานสองสามคนขึ้นไปบนูเา เพื่อมาอยู่ทีู่เาด้านหลัง
เหตุมันเกิดจากเื่เล็กน้อย เมื่อไปถึงได้ครึ่งทางเขาก็ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน จึงขอให้พวกขอทานไปรอที่ปากทางขึ้นของูเาก่อน แต่เมื่อเขากลับมากลายเป็ว่าพวกขอทานกลับหายตัวไป
เขาค้นทุกหนทุกแห่งในวัด จนไปพบคนเ่าั้ในศาลเ้าของพญามัจจุราชน้องสาว พวกเขากำลังขโมยเครื่องถวายบูชามากินตอนกลางวันแสกๆ อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ อาจเพราะ่นั้นเป็เวลาอาหารกลางวันพอดี จึงไม่มีศิษย์คนใดอยู่ที่นั่น แถมไม่รู้ว่าพวกเขาไปขโมยเสื้อผ้า และหมวกของภิกษุมาจากที่ใด
หยวนเป่าะโห้ามพวกเขา แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขามีเจตนาร้าย จึงทำร้ายเขาจนสลบ ก่อนนำตัวไปซ่อนไว้ใต้อาราม
หลังจากนั้น...
พอฟื้นขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จึงเลิกม่านของอารามขึ้นเพื่อแอบมอง เขาถึงเห็นหนูตาแดงขนาดเท่าแมวกำลังสั่งหนูตัวเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนให้กินพวกขอทานเ่าั้ทั้งเป็
โดยข้างๆ หนูตาแดงตัวใหญ่นั้นมีคนยืนอยู่หนึ่งคน
นั่นก็คือท่านปรมาจารย์เหลี่ยวทิง!
หยวนเป่าซ่อนอยู่ใต้อารามไม่กล้าส่งเสียงใดๆ หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวจากด้านนอก จึงออกมาจากใต้โต๊ะด้วยตัวที่สั่นเทิ้ม
แต่เมื่อแหงนหน้า เขาก็พบกับหนูตาแดงตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนคานกำลังส่งยิ้มให้
ทั้งยังมีร่างอ้วนท้วนเดินออกมาจากด้านหลังรูปปั้นหินสีทองของพญามัจจุราชน้องสาว
เหลี่ยวทิงคงสังเกตเห็นเขานานแล้วสินะ ถึงได้ดักรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน!!
เดิมทีหยวนเป่าเองควรจะตาย และถูกกลืนลงท้องหนูเหมือนขอทานพวกนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่า มีคนเดินผ่านศาลเ้าเสียก่อน เหลี่ยวทิงที่กลัวว่าเื่จะถูกเปิดเผยเลยดึงซานหุนซีพั่วของเขา ก่อนจะเรียกศิษย์พี่ศิษย์น้องเข้ามาแทน และหลอกว่าเขาป่วยเป็โรคจากการสูญเสียจิติญญาให้นำตัวเขามาที่คุกใต้ดินแห่งนี้
“ในเมื่อเขาดึงซานหุนซีพั่วของเ้าไป เช่นนั้นิญญาของเ้ากลับคืนร่างได้อย่างไรกัน?” ชิงอีหรี่ลงตามองเณรน้อยหัวโล้นอย่างพินิจพิจารณา
“ข้าไม่รู้ ระหว่างที่กำลังสับสนอยู่...ข้าก็กลับมาแล้ว” หยวนเป่าเกาหัวโล้นๆ ของตนเอง สีหน้าดูไร้เดียงสา
“เณรหัวโล้นยื่นหน้ามาใกล้ๆ สิ”
หยวนเป่ายื่นใบหน้าเล็กๆ ของตัวเองมาแนบตรงช่องว่างระหว่างซี่กรง
นิ้วชี้ของชิงอีจิ้มไปที่หว่างคิ้วของเขา ั์ตาสั่นระริก พร้อมคลี่ยิ้มอย่างอดไม่อยู่
ไม่แปลกใจเลยที่เณรหัวโล้นตัวน้อยผู้นี้ถูกพรากิญญาไปแต่กลับมาได้ เพราะเขามีเซียนเกิน[1] และยังมีพลังของสถานที่นั้นติดอยู่กับดวงิญญา เกรงว่าเมื่อก่อนเณรหัวโล้นตัวน้อยผู้นี้อาจจะเป็กุมารที่นั่งอยู่ข้างเซียนตนใดตนหนึ่งมาก่อน จึงได้ถูกส่งให้มาเกิดบนโลกใบนี้...
หยวนเป่ารู้สึกเย็นตรงหว่างคิ้วจึงหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง หลังจากหญิงสาวถอนนิ้วออกไป เมื่อเผชิญกับสายตาของชิงอี ตัวของเขาก็สั่นสะท้าน
ดวงเนตรขององค์หญิงที่ทรงจับจ้องเขา ทำให้เขานึกถึงหมาป่าแสนดุร้ายสองสามตัวที่วิ่งอยู่บนูเาด้านหลังเมื่อสองสามปีก่อน สายตาของพวกมันราวกับมองเนื้อชิ้นใหญ่อันโอชะ!
“หากเป็อย่างที่พูดมา ในวัดตงหวาแห่งนี้นอกจากเ้าแล้ว คนอื่นล้วนถูกปิดหูปิดตาสินะ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง เซียวเจวี๋ยที่ทำปราณยามะ[2]เสร็จเมื่อใดก็ไม่รู้ หน้าเขาดูมีสีเืขึ้นกว่าเดิม
ชิงอีหันไปมอง เหตุใดเขาถึงได้ชอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ นัก หากไม่หลบฟังอยู่มุมใดใหนึ่งก็ชอบเดินตามต้อยๆ
หยวนเป่าพยักหน้าด้วยแววตากังวล “เ้าอาวาสเจี้ยชือและเหล่าศิษย์พี่เป็คนดี พวกเขาไม่เคยคิดทำร้ายผู้ใดเลย”
ชิงอีและเซียวเจวี๋ยต่างนิ่งเงียบกับสิ่งที่เณรน้อยพูด
“เวลามองผู้ที่อยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้ พวกเ้าไม่นึกสงสัยบ้างเลยหรือ?”
หยวนเป่าก้มหน้าเอ่ยเสียงแ่ “ตอนแรกก็มีบางคนข้องใจบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสงสัยเหลี่ยวทิงเลย อีกอย่างเ้าอาวาสเจี้ยชือไว้วางใจและเชื่อใจเขาเสมอมา เขายังบอกอีกว่าคนเหล่านี้กำลังทุกข์ทรมานจากการสูญเสียิญญา ดังนั้น...ดังนั้นทุกคนเลยเชื่อใจเขา...”
เฮอะ โง่
“เช่นนั้นเหตุใดต้องขังคนพวกนี้ไว้ที่นี่ด้วยล่ะ?”
“มันไม่ใช่การกักขัง แต่เป็การรักษา” หยวนเป่ารีบตอบกลับ “เดิมที เหลี่ยวทิงตั้งใจจะปล่อยคนพวกนี้ไป แต่เ้าอาวาสเห็นว่าพวกเขาไม่มีที่พักพิง จึงสั่งให้คนสร้างคุกใต้ดินแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อจัดหาอาหารและให้เสื้อผ้าแก่พวกเขา ทั้งยังคิดหาหนทางรักษาพวกเขามาโดยตลอด ท่านอย่ามองว่าพวกเขาเป็คนโง่เลยนะ ก่อนหน้านี้เหล่าศิษย์พี่ได้รับาเ็หนัก เพราะพวกขอทานกัดพวกเขาตอนที่นำอาหารมาส่ง ก็เลยต้องขังพวกขอทานในห้องขังเช่นนี้”
“แล้วตอนนี้ล่ะ เ้าคิดว่าคนพวกนี้ป่วยหรือไม่ล่ะ?” สีหน้าของชิงอีเต็มไปด้วยความดูแคลน
หยวนเป่ากัดฟันแน่น พลางส่ายหน้า
ชิงอีและเซียวเจวี๋ยสบตากัน พวกเขาต่างนึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้พร้อมกัน
เซียวเจวี๋ยถามว่า “เณรน้อย ใครเป็คนดูแลเื่การจัดส่งน้ำมันตะเกียงของวัดตงหวา ซึ่งเป็บรรณาการไปให้วังหลวงงั้นหรือ?”
หยวนเป่าส่ายหน้า เขาเป็แค่สามเณรเท่านั้น ไม่ได้รู้เื่อะไรมากมากถึงเพียงนั้น “เื่นี้มีเพียงเ้าอาวาสเจี้ยชือเท่านั้นที่ทราบ แต่ข้าอยู่ในวัดมานาน กลับไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อนเลย”
พอมาถึงตรงนี้ เบาะแสดูจะขาดหายไปอีกครั้ง
“ถ้าจัดการกับคนชั่วนั้นได้ ความจริงต่างๆ ก็จะกระจ่างเอง” ชิงอีพูดเบาๆ
เซียวเจวี๋ยพยักหน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสืบเื่นี้
ดวงตาของชิงอีไหววูบ “เช่นนั้นเหลี่ยวทิงเป็คนของวัดตงหวามาตลอดเลยงั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชิงอีก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เกรงว่าเหลี่ยวทิงในตอนนี้ก็คงเป็ตัวปลอมเหมือนกัน!
“งั้นศาลเ้าพญามัจจุราชน้องสาวล่ะ? เพิ่งจะทำนุบำรุงในปีนี้ใช่หรือไม่?”
หยวนเป่าพยักหน้าด้วยสีหน้าที่แปลกไปเมื่อกล่าวถึงเื่นี้ “ในตอนแรกมีหลายคนในวัดคัดค้านเื่นี้ ที่นี่คือดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาจะมาบูชาเทพเ้าแห่งปรโลกได้อย่างไรกัน
อย่างไรก็ตาม ได้ยินว่าพญามัจจุราชน้องสาวเป็ผู้รับผิดชอบชีวิตและความตายในโลกมนุษย์ นางเป็เทพปีศาจจึงถือว่าเป็หนึ่งในเทพเ้าเช่นกัน นอกจากนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมากมายในวัด กระทั่งเ้าอาวาสเองก็เคยฝันว่าพญามัจจุราชน้องสาวมาขอให้พวกเขาสร้างร่างทองให้ จึงเป็เหตุผลว่าทำไมถึงได้มีศาลเ้านั้นขึ้นมา”
ชิงอีกระตุกยิ้ม นี่นางกลายเป็แพะรับบาปสินะ
“ถึงอย่างนั้น ข้าก็คิดเสมอว่าพญามัจจุราชน้องสาวเป็คนเลวทรามต่ำช้า ยิ่งมีคนอย่างเหลี่ยวทิงศรัทธาเช่นนั้นต้องไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดีอะไรแบบนั้นแน่นอน! โอ๊ย”
หยวนเป่ากุมหัว และมีน้ำตาเล็ดออกมา “องค์หญิงทรงเคาะหน้าผากข้าทำไมกัน?”
“ฮึ ข้าแค่อยากจะรู้ว่าหัวของเ้าทำมาจากมู่อวี๋[3]หรือไม่” แววตาของชิงอีเหี้ยมเกรียม จนหยวนเป่าทำหน้าหงอยพร้อมกับยู่ปากเล็กๆ ด้วยความน้อยใจ
ฮึ่ม ถ้าไม่ได้เห็นแก่สามเณรหัวโล้น ซึ่งเป็กุมารกลับชาติมาเกิด นางได้ตีหัวแตกไปแล้ว! เณรหัวโล้นนี่น่าหงุดหงิดจริงๆ!
ชิงอีที่กำลังรังแกเด็กอย่างขะมักเขม้น จึงไม่ทันสังเกตสายตาที่ดูมีเลศนัยซึ่งมองมาจากด้านหลังของนาง
ข้อสงสัยเกี่ยวกับวัดตงหวาได้รับการคลี่คลายไปส่วนหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่ตัวคนบงการแล้ว
ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงโซ่ดังครืดๆ ดังขึ้น แล้วประตูก็ถูกเปิดออกจนเกิดเสียงแอ๊ด
กลุ่มภิกษุหัวโล้นเดินเข้ามา โดยมีเจี้ยชือเดินนำหน้า
ข้างหลังเขามีพระอาจารย์ที่มีหูใบใหญ่และร่างกายอ้วนท้วม ซึ่งแต่งกายเหมือนภิกษุ และยังมีคนที่คุ้นเคยอีกหนึ่งคน...
คนนั้นคือวั่งจีตัวปลอมที่จ้องมองชิงอีอย่างอาฆาตแค้น นางสารเลว วันนี้แหละ จะเป็วันตายของเ้า!!
***********************
[1] เซียนเกิน คือ ชะตากรรมที่สามารถเข้าไปสู่โลกะได้
[2] ปราณยามะ คือ การควบคุมลมหายใจหรือการควบคุมปราณ
[3] มู่อวี๋ หรือเรียกอีกอย่างว่าปลาไม้ คือ สิ่งที่ทำจากไม้ เวลาที่พระสงฆ์จีนท่องบทสวดมนต์มักจะเคาะมู่อวี๋ไปด้วย