บทที่ 12 เ้าบ่าวไม่เอาไหน
งานเลี้ยงแต่งงานในชนบทนั้นคล้ายคลึงกับงานที่สวี่จือจือเคยเห็นในชาติก่อน เมื่อถึงเวลาเริ่มงานจะมีผู้ที่าุโและเป็ที่เคารพนับถือของตระกูลนำคู่บ่าวสาวไปรินเหล้าคารวะแขก
คุณนายลู่รักหลานชายคนนี้มาก ตามความตั้งใจของเธอ เธออยากจะจัดงานเลี้ยงให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยซ้ำ แต่ลู่หวยเหรินห้ามเอาไว้เพราะกลัวจะดูไม่ดี เลยเชิญแค่คนในทีมตัวเองเท่านั้น
มีเพียงตระกูลลู่เท่านั้นที่มีกำลังจัดงานเลี้ยงเช่นนี้ คนอื่นๆ แค่หาคูปองเนื้อ คูปองอาหารยังยากเลย ในยุคที่อาหารขาดแคลนเช่นนี้ เมื่อถึงเวลากินเลี้ยง ทุกคนในครอบครัวต่างก็ออกมา ทำให้บรรยากาศดูยิ่งใหญ่เอิกเกริก
“ไอ๊หยา ดูสิว่าลู่จิ่งซานของพวกเราเป็คนรักภรรยาขนาดไหน” ชายในหมู่บ้านพูดพลางหัวเราะล้อเลียน
“ผมก็อยากสวมเสื้อเพิ่มบ้าง” โก่วต้านบีบจมูกพูดเลียนแบบเสียงลู่จิ่งซาน
“ไอ๊หยา พี่จิ่งซาน อย่าเตะผมสิ” โก่วต้านะโหลบพร้อมกับร้องเสียงดัง
สามวันแรกของการแต่งงานไม่มีเื่เล็กใหญ่ แต่เดิมทีเมื่อคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านแต่งงาน ทุกคนก็จะมาป่วนห้องหอ ถึงแม้จะมีการรณรงค์สังคมใหม่ แต่ก็ยังมีประเพณีเก่าๆ หลงเหลืออยู่
มีข่าวว่าบางหมู่บ้านป่วนห้องหอกันมากเกินไป ถึงกับถอดเสื้อผ้าของเ้าสาว ทำให้เ้าสาวต้องวิ่งหนีออกมาทั้งที่เปลือยท่อนบน
ก่อนที่ลู่จิ่งซานจะไปเป็ทหารเขาก็เก่งกาจในหมู่บ้าน คนที่อายุไล่เลี่ยกับเขาต่างก็กลัวเขา เมื่อเข้าค่ายทหารก็ยิ่งดูสง่างาม ทำให้คนในหมู่บ้านกลัวเขามากขึ้นไปอีก
โก่วต้านเป็พวกได้คืบจะเอาศอก เขาพบว่าพี่จิ่งซานของเขาดูเหมือนจะไม่น่ากลัวอย่างที่ร่ำลือกัน เมื่อเช้านี้เขายังพูดเื่ไม่ดีของโจวเป่าเฉิงมากมาย แต่ก็ไม่เห็นพี่จิ่งซานจะโมโหร้ายทำร้ายคนอย่างที่เคยได้ยินมา
คนอื่นๆ ไม่กล้าทำเช่นนี้เพราะลู่จิ่งซานมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี ว่ากันว่าเขาเคยทำให้ข้อศอกของโจวเป่าเฉิงหลุดด้วยความไม่พอใจ จนโจวเป่าเฉิงเ็ปไปหลายวัน
ตอนรินเหล้าคารวะแขกก็ไม่มีใครกล้ากรอกเหล้าให้เขา เมื่อรับเหล้าจากสวี่จือจือก็ไม่มีใครกล้าฉวยโอกาสลวนลาม ไม่ต้องพูดถึงเื่จะป่วนห้องหอเพื่อหาผลประโยชน์เลย
สวี่จือจือถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อส่งแขกกลุ่มสุดท้ายกลับไปแล้ว จานชามในลานบ้านก็ถูกบรรดาพี่สะใภ้ที่มาช่วยงานเก็บกวาดไปเกือบหมด
“ภรรยาเ้าใหญ่” คุณนายลู่ะโจากในบ้าน “กับข้าวที่เหลือให้แบ่งๆ กันไป ให้เอาไปกินที่บ้านซะ”
อากาศแบบนี้เก็บไว้ก็ไม่ได้
“ทราบแล้วค่ะแม่” จ้าวลี่เจวียนตอบ
“จะไปอยู่เป็เพื่อนคุณย่าหน่อย” ลู่จิ่งซานบอกกับสวี่จือจือ
คุณนายลู่เมื่อสองปีก่อนพลัดตกบันได ทำให้ขาหักต้องนั่งรถเข็นมาตลอด
สองสามวันที่ผ่านมาอากาศเย็น เธอเป็ห่วงเื่งานแต่งของหลานชายเลยลงจากเตียงเตาทั้งที่เท้าเปล่าไปหยิบของจนเป็หวัด วันนี้ก็เลยไม่ได้ออกจากห้อง
เมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามา คุณนายลู่ก็มองสวี่จือจือด้วยรอยยิ้มตาหยี แล้วกวักมือเรียก “เด็กดี มาให้ย่าดูหน่อย”
วันนี้งานยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลาได้คุยกันดีๆ เลย
สวี่จือจือมองลู่จิ่งซานแล้วเดินเข้าไปหา
“หลานชายคนนี้ของย่าเป็คนเงียบๆ” คุณย่าจับมือเธอพูด “วันข้างหน้าถ้าเขาทำอะไรไม่ดีก็มาบอกย่าได้เลยนะ ย่าจะจัดการเขาให้เอง”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า” สวี่จือจือไม่คิดว่าคุณนายลู่จะพูดเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังอะไร
“แล้วก็แกด้วย” คุณนายลู่มองหลานชายด้วยรอยยิ้ม “แต่งงานแล้วก็ต้องใช้ชีวิตให้ดี พยายามมีหลานตัวอ้วนๆ ให้ย่าเร็วๆ นะ”
สวี่จือจือ “...”
ใบหน้าเล็กแดงขึ้นมา
มีลูก?
ไม่ๆ ๆ ตัวเธอยังเป็เด็กอยู่เลยนะ!
“ครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามพยักหน้าอย่างหนักแน่น
สวี่จือจือ “...”
ถึงแม้ว่าคุณนายลู่จะอยู่ในห้องทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้พักผ่อน พอพูดคุยกันได้สองสามคำก็เริ่มเหนื่อย ลู่จิ่งซานกับสวี่จือจือจึงออกมาจากห้องก็เห็นเหอเสวี่ยฉินพอดี
เหอเสวี่ยฉินยิ้มให้สวี่จือจือแล้วพูด “จือจือเอ๋ย มาช่วยฉันขนจานพวกนี้ไปห้องเก็บของหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ” สวี่จือจือพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วบอกลู่จิ่งซาน “ฉันไปก่อนนะคะ”
เื่กลับไปพักผ่อนกับลู่จิ่งซานในห้อง เธอตอนนี้ยังค่อนข้างต่อต้าน ถ้าเกิดเขาอยากจะให้เธอมีลูกขึ้นมาจะทำยังไง?
“จือจือ” เมื่อเธอช่วยเหอเสวี่ยฉินขนจานไปห้องเก็บของแล้ว เหอเสวี่ยฉินก็พูดขึ้นมาอีก “เธอช่วยฉันเช็ดจานพวกนี้อีกหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะเรียกซานเอ๋อร์มาช่วยเธอเอง”
พูดจบก็ไม่รอให้สวี่จือจือตอบ รีบสะบัดเสื้อผ้าแล้วเดินจากไป
สวี่จือจือยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม
ในนิยาย เ้าของร่างเดิมก็ถูกเหอเสวี่ยฉินหลอกให้มาเช็ดจานในห้องเก็บของแบบนี้เหมือนกัน ใครจะรู้ว่ากลับถูกขังไว้ในนั้น พอมีคนมาเห็นก็เป็เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
คืนนั้นเพราะเ้าสาวหายไป ทำให้ลู่จิ่งซานเสียหน้าอย่างมาก เ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานหายตัวไปในคืนเข้าหอ เ้าบ่าวจะต้องไม่เอาไหนขนาดไหนกัน?
หลังจากนั้นก็มีข่าวลือต่างๆ นาๆ บางคนก็บอกว่าสวี่จือจือหนีไปมีชู้ ถึงแม้ว่าภายหลังคนในตระกูลลู่จะออกมาอธิบาย แต่ทุกคนก็ยังคงอยากจะเชื่อเื่ที่ตัวเองคิดไปเอง ว่าตระกูลลู่ไปตามสวี่จือจือกลับมาแล้วก็แต่งเื่ขึ้นมาแก้ตัวเท่านั้นเอง
เช็ดจานจนหลับไป? ถึงจะยากจนแค่ไหนก็คงไม่มีใครให้เ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานทำงานในวันแต่งงานหรอก! นอกจากจะให้บทเรียนแก่เ้าสาวเท่านั้น
“น้าเหอ” สวี่จือจือยิ้มแล้วเดินไปที่ประตูเร็วกว่า “ถ้าอย่างนั้นน้ารอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวหนูไปเรียกคนมาช่วย”
พูดจบโดยไม่รอให้เหอเสวี่ยฉินตอบก็ปิดประตูลง
ห้องเก็บของนี้จริงๆ แล้วก็คือห้องใต้ดิน มีแค่ประตูไม่มีหน้าต่าง เมื่อปิดประตูลงไปข้างในก็มองไม่เห็นอะไรเลย ในลานบ้านไม่ได้ยินเสียงอะไรข้างในเลย นอกจากจะยืนอยู่หน้าประตูห้องใต้ดิน
เมื่อเหอเสวี่ยฉินรู้สึกตัวก็รีบไปทุบประตู “สวี่จือจือ เปิดประตูนะ”
ข้างนอกนั้นจะมีร่างของสวี่จือจือได้ยังไง
เมื่อกลับมาถึงห้อง ลู่จิ่งซานก็นอนหลับตาอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเธอเข้ามาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น เห็นได้ชัดว่าทำตัวเหมือนคนแปลกหน้าไม่ให้เข้าใกล้
สวี่จือจือเองก็ไม่อยากคุยกับเขา แต่เธอก็อยากจะนอนพักเหมือนกันนะ
“นี่” เธอเรียก “คุณขยับที่ให้ฉันหน่อยได้ไหม”
ลู่จิ่งซานได้ยินเสียงก็ลืมตาขึ้นมองเธอตาไม่กะพริบ
“เมื่อกี้คุณกลัวผมไม่ใช่เหรอ” เขาพูด “ไม่กลัวแล้วเหรอ?”
เมื่อกี้ยังไม่ทันที่เขาจะพูดก็รีบวิ่งตามเหอเสวี่ยฉินไปแล้ว
“กลัวสิคะ” สวี่จือจือพูด
โดยเฉพาะท่าทางที่ทำหน้าบึ้งตึงเหมือนรูปปั้นน้ำแข็งแบบนี้ มันเหมือนจะแช่แข็งคนให้ตาย
“แต่ฉันก็เหนื่อยมากเหมือนกันนะ” เธอพูดเสียงเบา
ั้แ่ทะลุมิติมาจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิด
ลู่จิ่งซานมองเธอแล้วพลิกตัว ยกที่บนเตียงให้เธอครึ่งหนึ่ง
สวี่จือจือเม้มปาก ลังเลว่าจะขึ้นไปดีไหม สุดท้ายก็ทนไม่ไหวขึ้นไปจนได้
ใครจะรู้ว่าเธอนอนลงไปได้ไม่นาน คนข้างๆ ก็ขยับตัว
“อ๊ะ!” สวี่จือจือร้องเสียงหลง “คุณจะทำอะไรเนี่ย?”
ลู่จิ่งซาน “...”
คนที่กำลังช่วยงานอยู่ข้างนอก “...” มองดูเวลา เหมือนจะค่ำแล้ว รีบทำอะไรให้มันเร็วหน่อย
คนที่มาป่วนห้องหอ “ ...นี่เริ่มกันแล้วเหรอ?”
ตื่นเต้นจนแทบจะถูมือไปมา เตรียมจะไปแอบฟังแล้ว!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้