อันหนิงสตรีขี้อิจฉาโมโหร้ายทั้งร้ายกาจในคนเดียวกัน นางมีปมในใจมากมายในวัยเด็กจึงเติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว บิดา มารดาให้ความรักความสนใจน้องสาวตัวน้อยมากมาย นางผู้เป็พี่สาวกลับถูกทิ้งขว้างไร้การโอบกอด บิดาก็เอาแต่ตำหนิต่อว่า ซ้ำร้ายถูกลงโทษด้วยการตี ยิ่งเห็นน้องสาวถูกพ่อแม่เอาใจปลอบประโลมมากเท่าไร อันหนิงก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังอันเล่อผู้เป็น้องสาวมากขึ้นทวีคูณ
ทุกครั้งที่อันเล่อได้ความรักจากผู้อื่น อันหนิงก็มักจะจับจ้องอยากสิ่งเดียวกัน โดยเฉพาะความสนใจที่ได้จากบุรุษนามว่าหวังเหล่ย อันหนิงก็มักจะแอบอิจฉาริษยาที่น้องสาวได้รับความรักจากเด็กชายตรงหน้า มากกว่าการที่ตนถูกมองและปฏิบัติด้วยความเห็นใจ
“อันเล่อตุ๊กตาผ้าพี่ให้” เด็กชายวัยสิบขวบปียื่นตุ๊กตาผ้าที่ได้จากแดนไกลให้เด็กสาวตรงหน้า ทั้งสองครอบครัวทำการค้าร่วมกันมานาน จึงค่อนข้างจะสนิทสนมกัน ยามบิดากลับมาจากตรวจร้านสาขาก็มักจะมีของเล่นแปลก ๆ ติดไม้ติดมือมาเสมอ เขาจึงเผื่อแผ่ของสิ่งนั้นมาให้น้องสาวด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณเ้าค่ะพี่เหล่ย” เด็กสาววัยสี่ขวบรับมากอดไว้แน่น อันเล่อส่งยิ้มแฉ่งกลับไปให้พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ
กระนั้นเมื่อรับมาไม่นานจากความดีใจกลายเป็ใบหน้าที่เรียบเฉย เด็กน้อยรีบซุกตุ๊กตาผ้าที่ได้มาไว้ด้านหลัง พานทำให้หวังเหล่ยนึกสงสัยการกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ แอบซ่อนด้วยเหตุใด ทั้งที่เป็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ขณะเดียวกันสายตาของเด็กชายเหลือบไปเห็นสาวน้อยอีกคน ซึ่งนางอายุห่างกับเขาเพียงแค่สามปี
อันหนิงเด็กสาวขี้โมโห ไม่เคยยิ้มสักครั้งยามเมื่อได้พบหน้ากัน
“ถ้าเ้าอยากได้วันหลังข้าจะเอามาให้” แม้พยายามเข้าหาเอาของเล่นมาล่อ อันหนิงกลับวางท่าเมินเฉยใส่เสียทุกครั้ง
“เฮอะ แค่ตุ๊กตาผ้าไม่เห็นน่าสนใจสักนิด ข้าไม่้าเ้าค่ะ” อันหนิงกล่าวไว้เพียงเท่านั้นเด็กน้อยสะบัดหน้าเดินหนีไปทันที ภายนอกแสดงสีหน้าใบหน้าบูดบึ้งทว่าภายในกลับน้อยเนื้อต่ำใจ
ถ้าหากอยากได้หรือ ทุกคนมักจะพูดกับนางเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเลยที่จะมอบให้โดยที่ไม่ต้องถาม เพียงแค่พวกเขาหยิบยื่นให้จากใจไม่ว่าของสิ่งนั้นเป็แค่เศษขยะ นางก็ล้วนแล้วแต่เต็มใจรับมันมาทั้งสิ้น ช่างแตกต่างจากอันเล่อเหลือเกิน น้องสาวไม่ต้องเอ่ยปากทุกคนก็พร้อมจะประเคนให้ทุกอย่าง
เหตุใดข้าถึงเกิดมาเพื่อเป็ที่ชิงชัง ทั้ง ๆ ที่ข้าก็ไม่เคยทำผู้ใดก่อน นั่นคือความในใจของอันหนิงที่มักจะตัดพ้ออยู่ตลอดเวลา
เด็กน้อยเก็บงำความน้อยใจมาเนิ่นนาน จนกระทั่งวันหนึ่งบังเอิญเห็นสาวใช้กำลังซักตุ๊กตาผ้าตัวนั้น อันหนิงรอให้สาวใช้ประจำตัวน้องสาวจากไป นางใช้เก้าอี้ปีนเก็บมันมาได้ในที่สุด ก่อนจะปาทิ้งลงพื้นที่เปียกแฉะ แล้วใช้เท้าเหยียบย่ำตุ๊กตาที่ถูกซักจนสะอาดเอี่ยมบัดนี้กลับเปรอะเปื้อนโคลนดิน เพียงเท่านั้นมันยังไม่สาแก่ใจ เด็กน้อยดึงแขนขาตุ๊กตานั้นจนขาดแยกเป็ส่วน ๆ
หลังจากได้กลั่นแกล้งจนสาแก่ใจ ร่างเล็กก็ได้หนีหายจากไป โดยไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำจะมีผู้ใดรู้เห็น
เช้าอีกวันอันเล่อได้เห็นสภาพของรักของหวงพังเกินกว่าจะเก็บมาเล่นต่อได้ ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เสียใจไม่ยอมหยุด
“ฮือออ ตุ๊กตาของลูก”
ผู้เป็มารดารู้ได้ในทันทีว่านั่นคือฝีมือผู้ใด หลี่ฟางเหนียงรีบให้คนจับแยกตัวบุตรสาวคนเล็กออกไป ด้วยกลัวว่าอาการป่วยด้วยโรคหอบหืดของอันเล่อจะกำเริบ จากนั้นจึงได้หันกลับมาต่อว่าบุตรสาวคนโตเป็การใหญ่
“อันหนิง นั่นฝีมือเ้าใช่หรือไม่” ฮูหยินหลี่หันขวับมองบุตรสาวคนโตด้วยสายตาตำหนิ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แม้จะทำโทษอย่างไรบุตรสาวก็ไม่เคยหลาบจำ ยังคงกระทำอยู่เรื่อยมาทั้งนางและสามีก็จนใจ ไม่รู้จะดัดนิสัยร้าย ๆ นี่ได้อย่างไร
เด็กสาวนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ ครั้งนี้นางก็เป็คนทำจริง ๆ จึงไม่จำเป็ต้องเอ่ยคำแก้ตัวอย่างไรเสียนางจะผิดหรือไม่ผิดท่านแม่ก็ตีอยู่ดี สายตาเด็กน้อยมีเพียงความว่างเปล่าไม่หลงเหลือความรู้สึกใด ๆ สภาพแวดล้อมมันสอนให้นางนึกถึงแต่ตนเอง ไม่สนวิธีการหากนางอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ ร่างเล็กถูกมารดาดึงให้ไปยืนหันหน้าเข้ามุม ก่อนที่ฮูหยินหลี่จะใช้ไม้เรียวในมือฟาดไปที่ก้นเด็กน้อยเพื่อหวังสั่งสอนให้หลาบจำ
ทุกวันในวัยเด็กต่างผ่านพ้นไปด้วยความเจ็บแค้น อันหนิงกลายเป็สตรีสาวสวยวัยสะพรั่งอายุยี่สิบปี ต่างกันกับอันเล่อที่นับวันยิ่งผ่ายผอมตัวซีดเซียว นางไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับอันเล่อในระหว่างที่ถูกผลักไสให้ไปอยู่กับท่านตาที่นอกเมือง แต่น้องสาวกลับได้อยู่อย่างสุขสบายกับพ่อแม่ที่นางเฝ้าโหยหาอ้อมกอดเช่นเดียวกัน
ต้องขอบคุณอันเล่อหรือไม่ หากไม่เพราะน้องสาวกำลังจะแต่งงานกับบุรุษอันเป็ที่รัก นางก็คงไม่ได้กลับมาจวนหลังนี้อีกครั้ง ทว่าเพียงแค่เข้าจวนมาวันแรกหน้าบิดามารดาต่างพากันเบือนหน้าหนี ช่างเป็เื่ราวดี ๆ เสียเหลือเกิน