ขณะที่ป้าิ่จับมือเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มของเด็กหญิง ความรู้สึกประหลาดก็แล่นริ้วเข้ามาในหัวใจ ราวกับว่าในฝ่ามือเล็กๆ ที่ไร้กระดูกนั้น มีพลังงานบางอย่างแฝงอยู่ สามารถดึงดูดผู้คนได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ปล่อยให้เธอทำตามใจปรารถนา จนไม่อาจมองข้ามเด็กสาวคนนี้ไปได้ ช่างเป็เด็กผู้หญิงที่น่าทึ่งเสียจริง
"หลันเยว่ เธอเองก็รู้ใช่ไหมว่าเมื่อเื่ร้านค้าตกลงกันแล้ว ป้าก็อยากจะสะสางเื่นี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะเตรียมตัวไปต่างประเทศได้อย่างสบายใจ เพราะงั้น เธอพอจะจ่ายเงินทั้งหมดในคราวเดียวได้ไหม ถ้าได้ วันนี้ป้าจะพาเธอไปทำเื่ให้เสร็จ ถึงจะเสร็จไม่ทันภายในวันเดียว แต่ก็จะส่งมอบทุกอย่างให้เรียบร้อย ร้านค้าก็จะเป็ของเธอ"
"ส่วนเื่ที่เหลือ เธอก็แค่รอรับโฉนดที่ดินอะไรพวกนั้น ป้าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว"
หมี่หลันเยว่รู้ดีว่าป้าิ่คิดอะไรอยู่ เธอไม่ได้กังวลแค่เื่เตรียมตัวไปต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังกังวลเื่ความสามารถในการชำระเงินของหมี่หลันเยว่อีกด้วย ต้องเข้าใจว่าในยุคสมัยนี้ การที่จะมีเงินหมื่นหยวนได้นั้น ต้องเป็มหาเศรษฐีเท่านั้น
ในกลางยุค 80 เมื่อพูดถึง 'เศรษฐีหมื่นหยวน' ใครๆ ก็ต้องอิจฉา ดังนั้น การที่เธอสงสัยในความสามารถในการจ่ายเงินของหมี่หลันเยว่ก็ไม่ใช่เื่แปลก เพราะหมี่หลันเยว่อายุยังน้อย อีกด้านหนึ่ง ครอบครัวของเธอดูเหมือนจะไม่สนับสนุนการซื้อร้านค้าของเธอเท่าไหร่
"คุณป้าิ่คิดมากไปแล้วค่ะ หนูบอกไปแล้วนี่คะว่าหนูมีอั่งเปา ตอนนี้หนูสามารถจ่ายเงินให้คุณป้าได้เลยค่ะ ดังนั้น เรามาเซ็นสัญญาเบื้องต้นกันก่อนนะคะ คุณป้ารับเงินไป หนูรับโฉนดที่ดินและสัญญาซื้อขายของคุณป้า แล้วเราก็ไปทำเื่โอนกรรมสิทธิ์ด้วยกัน เื่นี้ไม่ยุ่งยากอะไรหรอกค่ะ แค่มีเ้าหน้าที่ทำงานก็พอแล้ว"
เมื่อได้ยินว่าเด็กสาวสามารถนำเงินออกมาได้ทันที ไม่ใช่แค่ป้าิ่ที่ใ แม้แต่แม่เจิ้งและเจิ้งซวี่เหยาเองก็ใมากเช่นกัน นี่มันเงินหมื่นหยวนเลยนะ เด็กสาวคงไม่ได้พกติดตัวมาหรอกใช่ไหม แต่พวกเขาก็ต้องแปลกใจ เพราะเด็กสาวพกติดตัวมาจริงๆ
ความจริงแล้ว แผนเดิมของหมี่หลันเยว่คือเมื่อลงจากรถไฟ ก็จะหาร้านค้าเพื่อนำเงินไปฝากธนาคารทันที แต่ยุคนี้ยังไม่สามารถฝากและถอนเงินข้ามจังหวัดได้ เธอจึงต้องแบกเงินสดติดตัวไปด้วย นี่คือเหตุผลที่เธอ้านั่งรถไฟตู้นอนเข้ามาในเมืองหลวง ไม่ใช่แค่เพื่อความสบาย แต่พี่ชายของเธอยังเด็กเกินไป ไม่มีสติในการป้องกันตัวแบบนี้เลย
"คุณป้าเซ็นสัญญาก่อนนะคะ แล้วค่อยเอาโฉนดที่ดินมาให้หนู หนูพูดจริงทำจริงค่ะ"
เด็กสาวตบเบาๆ ไปที่กระเป๋าผ้าใบเล็กๆ ลายดอกไม้ที่สะพายอยู่ ไม่มีใครคิดว่ากระเป๋าผ้าที่ดูธรรมดา นอกจากจะดูทันสมัยเล็กน้อยนั้น จะซุกซ่อนเงินจำนวนมหาศาลเอาไว้
หมี่หลันเยว่รู้สึกโชคดีมากที่ตอนนี้มีธนบัตรใบละร้อยหยวน ไม่อย่างนั้น ถ้าในกระเป๋าเต็มไปด้วยเงินสิบหยวน เธอคงต้องแบกกระเป๋ามาหลายใบ แค่คิดถึงภาพนั้น หมี่หลันเยว่ก็อดขำไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่ในหนังที่ฉายภาพนักธุรกิจในยุคสมัยนี้ มักจะถือกระเป๋าเอกสารกัน กระเป๋าเล็กๆ มันใส่ไม่พอจริงๆ
"ได้สิ ในเมื่อหลันเยว่มีน้ำใจขนาดนี้ ป้าก็จะเซ็นสัญญายื่นข้อเสนอขายร้านค้านะ"
ไม่คิดเลยว่าจะได้เงินในมือเร็วขนาดนี้ ป้าิ่ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ต้องเข้าใจว่าตอนที่เธอซื้อร้านนี้มา ถึงราคาจะแค่หนึ่งหมื่นหยวน แต่เธอก็ใช้เวลาเกือบครึ่งปีในการชำระค่าบ้านทั้งหมด
"พี่เจิ้ง มาเป็พยานให้หน่อยนะคะ"
ในเมื่อเป็คนกลางในการติดต่อทั้งสองฝ่ายแล้ว การเป็พยานก็ย่อมทำได้เช่นกัน อีกทั้ง เธอก็เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เล่นตลก เธอเชื่อใจหมี่หลันเยว่เด็กสาวคนนี้ ส่วนเสี่ยวิ่ เธอก็คิดว่าคงไม่กล้าเล่นกลกับเธอ เพราะในเมืองปักกิ่ง ครอบครัวของเธอพอมีเส้นสายอยู่บ้าง พวกเขารู้จักกันดี
"ได้สิ ฉันจะเป็พยานให้เอง ทั้งสองคนเป็เพื่อนที่ดีของฉันทั้งคู่ ฉันดีใจที่พวกเธอสามารถตกลงธุรกิจกันได้ หวังว่าคงจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีกนะ"
แม่เจิ้งพูดเป็นัยๆ
"ไม่มีทางแน่นอนค่ะ เราจะเซ็นสัญญากันเลย แล้วเราจะไปที่สำนักงานที่ดินทันที ที่นั่นฉันก็มีคนรู้จักอยู่ จะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนค่ะ แค่มีหลักฐานอยู่ที่นั่น เื่ก็จะเสร็จเร็วค่ะ"
เมื่อป้าิ่ได้ยินคำพูดของแม่เจิ้ง เธอก็รีบรับปาก เธอไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะไปต่างประเทศ ด้วยความสามารถของสกุลเจิ้ง การที่จะกักตัวเธอไว้ก็เป็ไปได้
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี เสี่ยวิ่เธอเขียนสัญญาเลย แล้วหลันเยว่เธอดูให้ดีๆ ถ้าไม่มีอะไรน่าสงสัย ฉันที่เป็พยานก็จะเซ็นชื่อ"
แม่เจิ้งพูดสรุป ป้าิ่ก็หยิบกระดาษปากกาที่เตรียมไว้แล้วออกมา เขียนสัญญายื่นข้อเสนอขายร้านค้าและใบเสร็จรับเงินเต็มจำนวนตามที่คิดไว้ในใจอย่างรวดเร็ว
หมี่หลันเยว่รับสัญญามาดูอย่างละเอียด คิดว่าไม่มีอะไรตกหล่น แต่ก็ไม่ได้มั่นใจถึงขนาดพยักหน้า แต่กลับยื่นสัญญาให้กับเจิ้งซวี่เหยา
"อาจารย์เจิ้ง ช่วยดูให้หน่อยค่ะ ฉันไม่ค่อยถนัดเื่นี้"
เจิ้งซวี่เหยายิ้ม
"ยัยหนูนี่ร้ายใช่เล่นนะ รู้ว่าการทำเื่โอนกรรมสิทธิ์ไม่ใช่เื่ยาก แค่มีเ้าหน้าที่ทำงานก็ง่ายแล้ว เธอยังบอกว่าไม่ถนัด สงสัยจะเคยซื้อบ้านมาแล้วมั้ง"
ไม่คิดว่าเจิ้งซวี่เหยาจะฟังออกถึงเบื้องลึกจากคำพูดที่พูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หมี่หลันเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะประเมินอาจารย์เจิ้งคนนี้ใหม่ ดูเหมือนว่าคนที่สามารถประสบความสำเร็จในต่างประเทศได้นั้น คงไม่ใช่คนธรรมดาๆ ตัวเองคงต้องเรียนรู้อีกเยอะจากอาจารย์เจิ้งคนนี้ในอนาคต
ถึงจะล้อเลียนไปอย่างนั้น เจิ้งซวี่เหยาก็รับสัญญามาดูอย่างละเอียด เขาไม่อาจทำให้ความไว้วางใจของเด็กสาวต้องผิดหวัง ตราบใดที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ เขาก็จะทำอย่างเต็มที่ โชคดีที่ในสัญญานี้ไม่มีอะไรที่ไม่ชัดเจน ความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
"สัญญาเขียนไว้ชัดเจนดี ไม่มีปัญหา"
เมื่อได้ยินว่าลูกชายบอกว่าไม่มีปัญหา แม่เจิ้งก็ให้ทั้งสองคนเซ็นชื่อ จากนั้นเธอก็เซ็นชื่อของตัวเองในตำแหน่งพยานอย่างเป็ทางการ
"ไม่คิดเลยว่าเธอจะอายุน้อยแค่นี้ แต่กลับมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ถ้าซวี่เหยาไม่บอกว่าเธอเคยทำธุรกิจซื้อขายบ้านมาแล้ว ฉันคงประเมินเธอต่ำไปจริงๆ คลื่นลูกหลังย่อมแรงกว่าคลื่นลูกแรก คนเก่งๆ ต่างทยอยกันออกมา พวกเราคนแก่ๆ ก็คงจะต้องถอยฉากไปแล้วละมั้ง"
ป้าิ่ที่รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยลุกขึ้นยืน เดินไปที่ตู้เซฟ ไม่ได้ระวังคนอื่นๆ เลย หมุนรหัสผ่านโดยตรง แล้วหยิบโฉนดที่ดินออกมาจากข้างใน ยื่นให้กับมือของหมี่หลันเยว่
"นี่ โฉนดที่ดินของร้านนี้ ตอนนี้เป็ของเธอทั้งหมดแล้ว"
เมื่อรับโฉนดที่ดินที่ป้าิ่ยื่นให้ หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าในมือของเธอหนักอึ้ง นี่คืออสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของเธอในปักกิ่ง และยังเป็อสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารพาณิชย์อีกด้วย ไม่ต้องใช้เวลามาก แค่อีกสิบปีข้างหน้า ราคาของที่นี่จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าสิบเท่าตัว อีกสิบปีต่อจากนั้น คงจะมากกว่าร้อยเท่า
"พี่ ถือไว้ทีค่ะ"
ถึงหัวใจของหมี่หลันเยว่จะเต้นแรงจนแทบจะะโออกมาจากอก แต่ภายนอกเธอก็ยังคงสงบอย่างที่สุด ท่าทางที่ยื่นให้กับพี่ชายนั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของร้านนี้เลย ป้าิ่แม้จะเป็คนที่เจนโลก ก็ยังไม่แน่ใจในเื้ัของเด็กสาวคนนี้
หมี่หลันเยว่เปิดกระเป๋าสะพายข้างลายดอกไม้ของตัวเอง หยิบเงินออกมาสองปึก เปิดปึกหนึ่งออก นับไปสามสิบใบ แล้วรวมกับปึกที่เหลือ ยื่นให้กับมือป้าิ่
"ป้าิ่ ลองนับดูนะคะ หนึ่งหมื่นสาม"
เมื่อเห็นเด็กสาวหยิบเงินออกมาสองหมื่นหยวนอย่างไม่ใส่ใจ ป้าิ่ก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นไม่เป็จังหวะ ฝีมือแบบนี้ ไม่ธรรมดาแน่นอน โชคดีที่เมื่อกี้ตัวเองไม่ได้เล่นตลกอะไร ไม่อย่างนั้นตัวเองคงตายแบบไม่รู้ตัว
"ไม่ต้องหรอก เธอนับมาแล้วนี่"
ตอนนี้ ป้าิ่มีความเชื่อมั่นในหมี่หลันเยว่อย่างมาก ท่าทางที่เด็กสาวหยิบเงินออกมานั้น ไม่ใช่คนที่โกงเงินแค่ร้อยสองร้อยหยวนแน่นอน
"ป้าิ่ พี่น้องท้องเดียวกันยังต้องจัดการบัญชีกันให้ชัดเจนเลยนะคะ เงินนี่ คุณป้าต้องนับให้ดีๆ นับต่อหน้า จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง"
หมี่หลันเยว่ยังคงยืนกราน เพราะตัวเองรู้ดีที่สุดถึงเื้ัของตัวเอง ถ้าเกิดป้าิ่คนนี้ใช้เงินพวกนี้เป็ข้ออ้าง มาทวงบุญคุณทีหลัง ตัวเองคงไม่คุ้มเสีย นับต่อหน้าดีที่สุด
"โอ้ ไม่นึกเลยว่าจะเป็คนที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้น ป้าจะนับต่อหน้าก็แล้วกัน"
เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของหมี่หลันเยว่ ป้าิ่ก็ไม่ได้เกรงใจอีกต่อไป นับเงินอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็ใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างหนังใบเล็กของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ดูจากการกระทำแล้ว ก็รู้ว่าปกติก็เป็คนที่เคยจับเงินจำนวนมากอยู่บ่อยๆ
"เอาล่ะ เื่ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้ว เราไปที่สำนักงานที่ดินกันเลยนะคะ เื่น่าจะเสร็จเร็ว"
ป้าิ่ก็สั่งพนักงานของตัวเอง แล้วคล้องแขนแม่เจิ้ง ออกจากร้านไป ตอนที่กำลังจะออกจากประตู เธอก็หันหลังกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว ในใจก็มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง
ร้านค้าที่ตัวเองบริหารมาห้าปี วันนี้ก็จะเปลี่ยนมือไปแล้ว ถึงตัวเองจะยังสามารถใช้อยู่ได้จนถึงสิ้นเดือน แต่พอพ้นเดือนนี้ไป ร้านนี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองอีกต่อไป เมื่อคิดได้แบบนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและเสียใจ
"ไปเถอะ อย่าไปอาลัยอาวรณ์เลย เธอกำลังจะไปได้ดิบได้ดีนะ"
แม่เจิ้งมองออกถึงความอาลัยอาวรณ์ของป้าิ่ เพราะใช้ชีวิตอยู่ในปักกิ่งมานานขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงร้านค้าเลย แม้แต่แผ่นปูนซีเมนต์ที่เหยียบย่ำไปมา ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันด้วย
"ไม่คิดเลยว่าจะต้องจากไปเร็วขนาดนี้ ทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน การพบพรากจากกันเป็เื่ง่ายๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และเราก็ไม่สามารถยึดติดกับมันได้"
ป้าิ่พูดความรู้สึกออกมา แล้วก็ปล่อยวางความอาลัยอาวรณ์ไป เพราะนี่คือสิ่งที่ตัวเองเลือก ไม่มีใครไล่ตัวเองไป
เื่การโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ไม่ใช่เื่ยากจริงๆ ขั้นตอนในยุคนี้ ค่อนข้างง่ายกว่าในยุคหลังมาก เพียงแต่โฉนดที่ดินที่เขียนชื่อหมี่หลันเยว่นั้น จะต้องรออีกสักพักถึงจะออกมาได้ ส่วนขั้นตอนอื่นๆ ก็ทำเสร็จได้อย่างง่ายดาย
"กระเป๋าสะพายข้างลายดอกไม้ของเธอเป็หีบสมบัติเหรอ ทำไมถึงมีทุกอย่างที่้าออกมาได้ตลอดเลย"
เมื่อ้าเอกสารต่างๆ อยู่เรื่อยๆ เจิ้งซวี่เหยามองไปที่หมี่หลันเยว่ที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างลายดอกไม้ใบเล็กๆ อย่างสบายๆ ตราประทับ สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐาน เงินทอน อะไรก็ตามที่เธอ้า เธอจะต้องหยิบออกมาได้แน่นอน
"จะมีหีบสมบัติอะไรกัน ฉันแค่เตรียมตัวมาพร้อมเท่านั้นเอง ในเมื่อวันนี้มาเพื่อซื้อบ้าน แน่นอนว่าต้องเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อมสิคะ จะให้วิ่งกลับไปเอาที่บ้านหรือไง"
หมี่หลันเยว่ไม่เคยทำการรบที่ไม่มีการเตรียมตัว ดังนั้น กระเป๋าสะพายข้างลายดอกไม้ของเธอจึงได้ชื่อว่ามหัศจรรย์
