หลิ่วจิ้งนึกว่าหั่วอี้ไม่เห็นท่าทีประหม่าอายของตนแต่ก็เพราะท่าทีเขินอายชวนหลงใหลนี้เอง ในขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็เข้ามากอดนางเอาไว้แน่นเสียแล้ว
สมองของหลิ่วจิ้งว่างเปล่าในทันใดตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด หลงลืมหมดสิ้นแล้วว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใดพักใหญ่นางถึงตั้งสติได้ ออกแรงผลักหั่วอี้และดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย พลางถลึงตาดุใส่เขา
แม้หลิ่วจิ้งจะเติบโตมาพร้อมกับหยวนเซิ่งชิงั้แ่เล็กอีกทั้งภายหลังยังให้สัญญาว่าจะร่วมชีวิตกันแต่พวกเขากลับเพียงมีใจให้กันอยู่ในขนบธรรมเนียม ไม่เคยก้าวล้ำล่วงกรอบจารีตสักก้าวแม้แต่มือของนางหยวนเซิ่งชิงก็ยังไม่เคยจับ
“ท่านแม่ทัพท่านจะมาแกล้งคนเช่นนี้ไม่ได้” หลิ่วจิ้งจ้องหั่วอี้ด้วยท่าทีแง่งอน
หลิ่วจิ้งรู้ว่าที่พึ่งพิงเดียวของตนในเวลานี้ก็คือหั่วอี้ดังนั้นนางจึงต้องแสร้งทำทีเป็สาวน้อยแม้จะมีไฟสุมทรวงก็ตาม นางตระหนักดีถึงความสำคัญของการใช้ความอ่อนโยนพิชิตความแข็งแกร่ง
นางรู้ว่าในยามจำเป็หากบางคราต้องเสียสละร่างกายของตนก็ไม่ใช่เื่น่าเสียดายอันใดอย่างไรเสียตอนนี้นางก็เป็ดั่งคนตายที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน เพราะใจนางตายไปแล้วร่างที่เหลืออยู่จะนับเป็อะไรได้
เมื่อถูกแววตาสังหารของหลิ่วจิ้งมองมาหั่วอี้จึงทำได้เพียงหัวเราะลั่นอย่างอารมณ์ดีว่าแล้วเพียงอึดใจเดียวก็เข้าไปโอบเอวนางด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็จับสายชิงช้าออกแรงถีบที่เท้าและพานางแกว่งขึ้นไปบนอากาศทันใด
ชิงช้าลอยคว้างขึ้นไปกลางอากาศลมเย็นสบายพัดเข้ามาที่ใบหน้าของคนทั้งสอง ทำให้ความประหม่าของหลิ่วจิ้งสงบลงไปชั่วขณะ
ในเมื่ออย่างไรก็ไม่อาจหนีรอดหรือหลบพ้นแล้วเหตุใดจึงไม่ควบคุมสิทธิ์ของการเป็ฝ่ายรุกเอาไว้ในมือตนเล่า หลิ่วจิ้งใคร่ครวญอยู่ในใจไม่หยุดหย่อนคอยคิดว่าก้าวต่อไปจะต้องเดินเช่นไร หากเดินถูกนางอาจอยู่ในชางอี้ได้อย่างมั่นคงแต่ถ้าเดินผิดก็ไม่อาจเดินย้อนกลับมาได้อีกมีแต่จะยิ่งตกลงในเหวลึกไปสู่ความตายเท่านั้น
เมื่อคิดตกแล้วหลิ่วจิ้งก็ตัดสินใจวางเดิมพันหมดตัวเอาไว้ที่หั่วอี้ ราวกับนางตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะให้ชายผู้นี้มาเป็ร่มพิทักษ์คุ้มครองนางเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา สิ่งใดควรแลกก็มิต้องไปเสียดายแล้ว
บุรุษผู้ประสบความสำเร็จหาก้าสตรีเช่นใดมีหรือจะไม่ได้มา หลิ่วจิ้งรู้ว่าในดินแดนที่เปลี่ยนสตรีเหมือนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นในชางอี้นี้หาก้าจะเกาะกุมหัวใจของหั่วอี้เอาไว้ให้ได้ ก็ย่อมต้องใช้กลอุบายบ้างเพื่อให้เขาไม่อาจไปจากนาง
หลิ่วจิ้งเอื้อมมือซ้ายไปโอบเอวหั่วอี้เงียบๆพลางซบหัวลงกับอกเขา เพื่อให้ตนเองรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง
นางนึกว่าหัวอี้จะไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีเล็กน้อยของตนแต่นึกไม่ถึงว่ากิริยาอาการเพียงน้อยนิดนี้กลับอยู่ในสายตาของเขาแล้วชิงช้าแกว่งไกวเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงราวกับพาพวกเขาโบยบินไปหั่วอี้ยิ่งโอบหลิ่วจิ้งเอาไว้แน่นกว่าเดิม
ขณะชิงช้าขึ้นลงอยู่หลิ่วจิ้งก็แอบเงยหน้ามองชายหนุ่มแต่กลับไม่รู้ว่าในชั่วพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมานั้นนางจะบังเอิญสบเข้ากับดวงตาอมยิ้มคู่หนึ่ง
“ชอบหรือไม่?” น้ำเสียงของบุรุษที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนดังขึ้นเบาๆกลางค่ำคืนอันแสนเงียบงัน
ความนุ่มนวลของหลิ่วจิ้งชักนำให้หั่วอี้เกิดความอ่อนโยนด้วยเช่นกันทำให้เขาลดทอนนิสัยไม่ละเอียดอ่อนที่เคยมีไปโดยไม่รู้ตัว กลายเป็เช่นสุภาพบุรุษที่คอยปกป้องหลิ่วจิ้งอย่างทะนุถนอม
หลิ่วจิ้งกลับมิได้ตอบตรงๆ หากแต่ยกมุมปากขึ้นยิ้มนางจดจ้องเขาด้วยสายตาเปี่ยมความรู้สึก ก่อนจะพยักหน้าและโน้มลำตัวท่อนบนแอบอิงเข้าในอกของหั่วอี้อย่างแแ่
อ้อมอกของเขาช่างอบอุ่นนัก…หลิ่วจิ้งทอดถอนใจอยู่เงียบๆ
เดิมทีหลิ่วจิ้งเพียงอยากใช้วิธีแกล้งปล่อยเพื่อจับเพื่อให้หั่วอี้เห็นท่าทีบอบบางไม่เหมือนเคยของนางแต่ไม่คิดว่าตนกลับเป็ฝ่ายลุ่มหลงอยู่ในอ้อมอกของเขาเสียเอง
ทันใดนั้นหั่วอี้ก็โน้มหัวลงมาและค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของหลิ่วจิ้ง นางคล้ายััได้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำสิ่งใด จึงหลับตาลงช้าๆ แต่ขนตาที่ไม่ยอมหยุดสั่นนั้นกลับยังคงแสดงความตื่นเต้นของนางออกมา
ปรากฏว่าท่าทีประหม่าเช่นนี้ของหลิ่วจิ้งกลับยิ่งทำให้หั่วอี้ปลื้มปริ่มไม่บ่อยครั้งนักที่เขาไม่ใช่แค่แกล้งกระเซ้าหลิ่วจิ้งเล่น หากแต่จูบลงเบาๆที่ริมฝีปากนาง
หลิ่วจิ้งนึกว่าหั่วอี้จะเพิ่มความ้าของเขาให้ลึกล้ำขึ้นตามไปอีกนางจึงเตรียมตัวรับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่นึกว่าหั่วอี้กลับหยุดที่ความบางเบาเช่นนี้แล้วประคองตัวนางให้ตรงมองตานางพลางพูดอย่างจริงจังว่า “องค์หญิงวันนี้ท่านก็ได้ยินคำที่ข้าพูดกับอาเหมิ่งต๋าแล้ว ข้าคิดมาดีแล้วและตัดสินใจว่าจะใช้พิธีสมรสรับท่านเข้าจวนให้นับแต่นี้ท่านได้มาเป็ภรรยาเอกของข้าอย่างเต็มศักดิ์และสิทธิ์มาเป็นายผู้หญิงแห่งจวนแม่ทัพ”
หลิ่วจิ้งเห็นว่าหั่วอี้มีท่าทีจริงจังนักจึงมองเขาอย่างเปี่ยมล้นด้วยความสงสัย กล่าวว่า “ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพ มิใช่ว่าข้าเป็ภรรยาเอกของท่านแล้วหรือ? เหตุใดยังต้องทำสิ่งใดเพิ่มเติมอีก”
หั่วอี้เอื้อมมือไปลูบใบหน้าของนางอธิบายด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คิดว่าองค์หญิงคงยังไม่เข้าใจธรรมเนียมของแคว้นชางอี้เราจึงได้ถามเช่นนี้
ในแคว้นชางอี้ของเรา สามารถมีภรรยารับอนุได้ตามใจด้วยการประกาศต่อทุกคนในจวนว่าท่านคือภรรยาเอกของข้าดังเช่นที่ข้าพาท่านกลับมาที่จวนในวันแรก ทว่าภรรยาเอกที่มีการประกาศให้คนในบ้านรับรู้นั้นก็เป็ดังที่ท่านพูด ว่ามีเพียงคนจวนที่รู้ ส่วนคนนอกมิได้รับรู้ ดังนั้นไม่จำเป็ต้องมีตำแหน่งภรรยาเอกที่ท่านเป็ก็ไม่สลักสำคัญอย่างไร
แต่ท่านกลับไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชางอี้ของเราก็เป็ดังคำที่ท่านเอ่ยด้วยความขัดเคืองนั้นจริงๆ
มีเพียงการจัดพิธีสมรสเพื่อรับท่านเข้าจวนอย่างยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะทำให้ท่านสามารถนั่งในตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพได้อย่างมั่นคงนั่นเพราะเมื่อข้าจะมีพิธีสมรสก็ต้องส่งเทียบไปทูลต่อกษัตริย์แห่งชางอี้และราชสำนักเพื่อให้ราชสำนักบันทึกชื่อของท่านไว้ในทำเนียบตระกูลหั่วของข้าท่านจึงจะกลายเป็ฮูหยินเอกของข้าหั่วอี้อย่างเป็ทางการและจะได้รับการยอมรับจากญาติผู้ใหญ่ในตระกูลของข้าด้วย
เมื่อเป็ฮูหยินแม่ทัพที่ราชสำนักให้การยอมรับจึงจะนับว่าเป็ฮูหยินอันดับหนึ่งแห่งจวนแม่ทัพอย่างเต็มศักดิ์และสิทธิ์
หาไม่แล้วแค่เพียงพูดไปลอยๆจะไม่นับว่าเป็สิ่งใด ข้าสามารถบอกว่าท่านเป็ภรรยาเอกแต่อย่างไรข้าก็ยังสามารถปลดตำแหน่งภรรยาเอกของท่านแล้วเปลี่ยนหญิงอื่นมาแทนได้อยู่ดี
องค์หญิง ข้าอยากปกป้องท่านให้ข้าเป็ที่พึ่งพิงของท่านเถิด”
คำสารภาพความในใจของเขาทำให้หลิ่วจิ้งตะลึงงันเป็ที่สุดยามนี้เองนางจึงเพิ่งเข้าใจว่าตอนหั่วอี้เอ่ยปากว่าจะแต่งงานและสตรีที่เขาจะแต่งด้วยก็คือนางเหตุใดอาเหมิ่งต๋าจึงได้ต่อต้านรุนแรงขนาดนั้น
ที่แท้ก็เพราะแคว้นชางอี้ยังมีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วยนางนึกเอาเองมาโดยตลอดว่าอาศัยแค่คำพูดคำหนึ่งของหั่วอี้นางก็จะกลายเป็ฮูหยินแม่ทัพแล้ว
“ท่านแม่ทัพ ข้ามีคุณงามความดีใดท่านถึงได้มีใจลึกซึ้งกับข้าเพียงนี้”
ท่าทีที่หั่วอี้มีต่อนางในเวลานี้หากจะบอกว่าหลิ่วจิ้งไม่รู้สึกหวั่นไหวก็โกหกแล้ว แต่หลิ่วจิ้งรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรตนก็มิอาจมีใจให้เขาเพราะนางไม่สามารถทนรับกับการถูกหักหลังได้อีก นางไม่้าผิดหวังซ้ำรอยเดิม จึงสะกดตนเองด้วยยาวิเศษณ์ว่าห้ามให้ตนเองหวั่นไหวห้ามมีใจให้กับใคร
ไม่มีใจไม่มีรักตนเองก็ไม่ต้องเ็ปใจ หลิ่วจิ้งอยากปฏิเสธน้ำใจรักแสนอบอุ่นของหั่วอี้เหลือเกินแต่เมื่อนึกถึงการตายอย่างน่าอนาถของบิดามารดาและคนในครอบครัว นางก็ไม่อาจปฏิเสธเขาได้เพราะการล้างหนี้เืครานี้ เห็นทีคงต้องฝากความหวังไว้ที่ตัวหั่วอี้แล้ว
_____________________________