หลิ่วจิ้งรู้ว่าแม้นางจะอยากพักอย่างเต็มที่แต่เพื่อให้สามารถพบกับตะวันในวันพรุ่งและวันถัดๆ ไป นางไม่อาจวางใจได้ด้วยเหตุนี้นางจึงจำเป็ต้องรู้ความเคลื่อนไหวของทุกๆ ฝ่ายในจวน ส่วนคนที่นางจะใช้สอยได้ข้างกายก็มีเพียงอิ๋งเหอผู้เดียวคนอื่นแม้อยากจะใช้สอยก็กลับไม่กล้า
“ฮูหยินคงยังไม่ทราบวันนี้ท่านทำบ่าวใแทบแย่แล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งนั่งเงียบๆ ฟังอิ๋งเหอเล่าเื่ราวในวันนี้อย่างละเอียดเมื่ออิ๋งเหอเล่าว่าเดิมทีท่านแม่ทัพตัดสินใจจะใช้วิธีค่อยเป็ค่อยไปรักษานางกระทั่งท่านหมอจินก็ยังเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้วแต่อวี้จิ่นกลับอาจหาญไปเสนอให้ท่านแม่ทัพใช้การรักษาด้วยวิธีเร่งด่วน
หลิ่วจิ้งพลันสะดุ้งในใจรู้สึกว่ามีบางสิ่งแล่นผ่านหัวใจนางแต่กลับมองเห็นไม่ชัดจับต้องไม่ได้
“ท่านไม่ทราบหรอกเ้าค่ะฮูหยินตอนนั้นข้าใแทบแย่ กลัวว่าท่านแม่ทัพจะโกรธจนฆ่าอวี้จิ่นตาย ดีที่ภายหลังท่านแม่ทัพไม่เพียงไม่โกรธกลับกันยังทำตามคำของอวี้จิ่นเลือกใช้วิธีเร่งด่วนรักษาท่านเพียงแต่ตอนที่ท่านหมอจินฝังเข็มนั้น ท่านแม่ทัพไล่พวกเราทุกคนออกมาจากห้องนอนดังนั้นภายหลังฮูหยินฟื้นขึ้นมาได้เช่นใด ข้าเองก็ไม่ทราบเ้าค่ะ”
ใน่ที่หลิ่วจิ้งหมดสติไปอวี้จิ่นทำในสิ่งที่เกินกว่าที่นางคาดไว้นัก
นึกไม่ถึงว่าขณะที่กำลังคิดถึงอวี้จิ่นอยู่นั้นจะเห็นอวี้จิ่นถือถาดเดินเข้ามาหาพวกนางจากไกลๆ
“ฮูหยิน ท่านไม่ได้ดื่มน้ำสักหยดมากว่าครึ่งวันแล้วทานของว่างก่อนเถิดเ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าไปนึ่งอุ่นเต้าทึงลำไยเห็ดหูหนูขาวถ้วยหนึ่งมาให้ท่านท่านดื่มสักหน่อยเพื่อให้อุ่นกายสบายคอ ดีหรือไม่เ้าคะ?”
อวี้จิ่นเดินไปข้างๆ พวกนาง ใช้สองมือวางถาดใส่ของว่างลงที่โต๊ะกลมข้างชิงช้าพลางเอ่ยกับหลิ่วจิ้งว่า“เชิญฮูหยินทานสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
อวี้จิ่นพูดจบ ก็ยืนอยู่ข้างกายนางอย่างสงบเสงี่ยมด้วยท่าทีรอรับคำสั่งอย่างว่าง่าย
“อิ๋งเหอ เ้ากลับไปดูสักหน่อย ตอนที่พวกเราออกมานั้นท่านแม่ทัพยังอยู่ในห้องนอนเ้าไปดูว่าทางท่านแม่ทัพมีเื่ใด้าใช้สอยหรือไม่ ข้าอยากอยู่เงียบๆ ตรงนี้เมื่อครู่เ้าเดินมากับข้าตั้งไกลคงจะเหนื่อยแย่แล้ว หากท่านแม่ทัพไม่มีเื่ใดใช้สอยเ้าก็ไปพักผ่อนเถิด ทางนี้ให้อวี้จิ่นคอยดูแลเป็พอ”
หลิ่วจิ้ง้าเข้าใจเื่ที่อวี้จิ่นมีท่าทีเปลี่ยนไปั้แ่เมื่อครู่ที่อิ๋งเหอบอกว่าท่านแม่ทัพฟังคำของอวี้จิ่นและเลือกวิธีการรักษาใหม่ให้นางจิตใต้สำนึกของหลิ่วจิ้งก็บอกว่าอวี้จิ่นไม่เหมือนเดิมแล้วด้วยเหตุนี้นางจึงหาข้ออ้างแยกอิ๋งเหอออกไปเพราะ้าสอบถามอวี้จิ่นให้ชัดเจน
อิ๋งเหอััไม่ได้ว่านางถูกหลิ่วจิ้งให้แยกตัวออกมาจึงเอ่ยคำขอบคุณฮูหยินอย่างฟังความ ก่อนหันกลับเดินไปทางเรือนหลัง
“ฮูหยิน โปรดให้อภัยที่เมื่อครู่อวี้จิ่นตัดสินใจเองทำให้ท่านได้รับความเ็ป”
รอจนอิ๋งเหอเดินไปไกลแล้ว อวี้จิ่นก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลิ่วจิ้งทันที
ประการแรกเพื่อให้สะดวกในการพูดคุยเพราะเมื่ออวี้จิ่นคุกเข่าลงก็จะใกล้หลิ่วจิ้งเข้ามาอีก เพียงกระซิบกันเสียงเบาก็ได้ยินที่อีกฝ่ายพูดอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องกังวลผู้อื่นได้ยินประการที่สองเพื่อให้สะดวกหากมีคนเดินผ่านก็จะมองดูเหมือนหลิ่วจิ้งกำลังสอนสั่งอบรมอวี้จิ่นอยู่หลิ่วจิ้งจึงไม่ได้ให้อวี้จิ่นลุกขึ้น
“พูดมาซิ ที่เ้าทำวันนี้ต้องเป็เพราะเ้าตัดสินใจบางสิ่งแล้ว”
หลิ่วจิ้งถามไปพลางสังเกตท่าทางของอวี้จิ่น
“บ่าวจำที่องค์หญิงเคยพูดไว้ได้ดีนั่นคือไม่ว่าอย่างไรก็อย่าปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสภาพที่ไม่อาจควบคุมอิสระได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นองค์หญิงไม่รู้สึกตัวบ่าวจึงรวบรวมความกล้าแนะนำท่านแม่ทัพ ให้บอกท่านหมอจินใช้วิธีเร่งด่วนรักษาท่าน”
“อวี้จิ่น ไม่เสียงแรงที่ตลอดหลายปีมานี้เราให้เ้าคอยอยู่ข้างกายอย่างไรเ้าก็เข้าใจเราเป็ที่สุด ความภักดีของเ้าเราจดจำเอาไว้แล้วเ้าลุกขึ้นเถิด”
หลิ่วจิ้งพูดไปผ่านๆ สองประโยค เมื่อคนนอกได้ฟังก็เหมือนองค์หญิงกำลังอบรมบ่าวเื่การปฏิบัติตนแต่นั่นก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับหลิ่วจิ้งและอวี้จิ่น
ไม่ว่าจะเป็หลิ่วจิ้งหรืออวี้จิ่นล้วนถ่ายทอดความคิดอ่านของตนให้แก่อีกฝ่ายได้ครบสมบูรณ์
หลิ่วจิ้งรู้ว่าอวี้จิ่นคิดได้แล้ววันหน้าก็จะมาเป็คนของนางส่วนอวี้จิ่นก็เข้าใจความหมายในคำพูดของหลิ่วจิ้งแล้วว่านางได้รับการยอมรับจากหลิ่วจิ้งวันหน้าพวกนางก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน ร่วมรบในสมรภูมิเดียวกัน
หลิ่วจิ้งคิดไม่ถึงว่าที่วันนี้ตนหมดสติไปจะได้รับผลตอบรับเช่นนี้ที่สุดจึงผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
“อวี้จิ่นวันนี้เ้าทำถูกต้องทีเดียว วิธีที่เ้าเลือกก็คือสิ่งที่ข้า้า ดูท่าเ้าก็เป็คนมีไหวพริบคนหนึ่งวันหน้าจงคอยสังเกตความคิดอ่านของแต่ละเรือนในจวนให้ดีพวกเราจะต้องครองสิทธิ์รุกก่อนให้ได้ หาไม่แล้ววันใดจะถูกจัดการจนตายก็มิอาจรู้ได้เลย”
หลิ่วจิ้งชมเชยอวี้จิ่นจากใจจริงหากวันนี้อวี้จิ่นไม่ออกหน้านางก็ไม่กล้าจินตนาการว่าใน่เวลาหลายวันที่นางหมดสติไม่รู้ตัวอยู่ในจวนแม่ทัพกินคนแห่งนี้ ก็พูดยากว่านางยังจะได้ฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่
เมื่อได้รับการยอมรับจากหลิ่วจิ้งอวี้จิ่นพลันโล่งอก นางรู้ว่าหากหลิ่วจิ้งอยากให้นางตายก็มีวิธีและกลอุบายมากมายนักอย่างไรเสียตอนนี้หลิ่วจิ้งก็อยู่ในฐานะองค์หญิง ส่วนท่านแม่ทัพดูไปแล้วก็ประทับใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย เหตุใดก่อนหน้านี้ตนถึงได้โง่งมหลงคิดว่าองค์หญิงตัวจริงจะทำตามคำพูดมารับนางกลับไปแคว้นต้าเว่ย
ยามนี้หลิ่วจิ้งอารมณ์ดีนักจึงยกถ้วยเต้าทึงลำไยเห็ดหูหนูขาวที่อวี้จิ่นทำขึ้นมากิน
ทันใดนั้นเองจู่ๆหั่วอี้ก็มานั่งอยู่ข้างกายนางราวกับเล่นกล ไม่ให้ซุ่มให้เสียงเหมือนภูตผีเช่นนี้ทำเอานางใเสียจนถ้วยในมือหล่นลงพื้นดัง ‘ตุบ’
หลิ่วจิ้งมองหั่วอี้ที่บัดนี้เหมือนมีรัศมีล้อมรอบตัวก่อนเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ทัพคิดจะให้ข้าใตายหรือ? ท่านไม่รู้หรือว่าคนเราใจนตายได้?”
หลิ่วจิ้ง้าให้หั่วอี้จดจำนางได้ดียิ่งขึ้นจึงจงใจทำน้ำเสียงตำหนิแต่อ่อนโยน
หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งที่ดูงดงามผสานความเอียงอายเขาอดใจเต้นตูมตามขึ้นมามิได้ รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับองค์หญิงก้าวหน้าไปอีกขั้นนางไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเหมือนอยู่ห่างกันเป็พันลี้อีกแล้ว
ใบหน้าของหั่วอี้ถูกบดบังอยู่ท่ามกลางแสงแห่งราตรีหลิ่วจิ้งจึงไม่อาจมองเห็นได้ถนัดตา แต่กลับััได้อย่างชัดเจนว่ามือของเขากำลังออกแรงเกาะกุมมือนางอยู่และคล้ายจะโน้มตัวลงมาหา
หลิ่วจิ้งใจนรีบหยัดตัวขึ้นนั่งตรงๆเมื่อเห็นท่าทางใของนางเช่นนี้หั่วอี้ก็หัวเราะลั่น
ตอนที่หั่วอี้มาถึงอวี้จิ่นก็รีบหลบไปอย่างรู้ความแล้ว ในยามนี้ที่แห่งนี้จึงเหลือแค่หลิ่วจิ้งกับหั่วอี้เพียงสองคน
ขณะที่หลิ่วจิ้งหยัดตัวหั่วอี้ก็ขยับร่างกายเข้ามาเพื่อให้นั่งสบายยิ่งขึ้น
หลิ่วจิ้งหันหน้ากลับมาก็พบว่าตนกำลังถูกหั่วอี้จดจ้องด้วยสายตาร้อนแรงดั่งไฟยามนี้ทุกแห่งในแววตาของหั่วอี้ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน หัวใจของหลิ่วจิ้งพลันเต้นเร่าๆขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม นางทั้งใและกลัดกลุ้มขณะเงยหน้ามองหั่วอี้แต่แล้วก็คล้ายว่านางััได้ถึงบางสิ่งจึงรีบหันขวับขึ้นมองฟ้า
หลิ่วจิ้งรู้ว่านางไม่ได้รู้สึกอย่างใดกับหั่วอี้ยิ่งไม่อาจบอกได้ว่านี่คือความหวั่นไหวแต่นางกลับไม่รู้ว่าเหตุใดยามถูกหั่วอี้จับจ้องมา หัวใจจึงได้เต้นรัวราวกับได้เห็นคนรักที่ไม่ได้พบกันมานานจึงทำได้เพียงหันเหสายตาไปที่ไกลๆ เพื่อปกปิดความประหม่าของตน
_____________________________