ตัวละครเอกของการสนทนาในค่ำคืนนี้ เดิมทีคือหวังก่วงผิงและศาสตราจารย์หลิ่ว
ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวสนทนาเื่การงาน และมีความตั้งใจจะจับคู่ระหว่างหวังเจี้ยนหัวกับหลิ่วซานด้วย นึกไม่ถึงว่าจะถูกเซี่ยจื่ออวี้ชิงโอกาสเอาหน้าไปกลางทาง ตอนแรกที่เธอปรากฏตัวหวังก่วงผิงรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์อย่างถึงที่สุด เพียงแต่หวังก่วงผิงมีความสุขุม ไม่ได้แสดงออกต่อหน้าทุกคนก็เท่านั้น ทว่าหลังจากเซี่ยจื่ออวี้บรรยายอย่างฉะฉานมั่นใจ หวังก่วงผิงก็มองเซี่ยจื่ออวี้ใหม่ด้วยความชื่นชม—พอฟังเธอพูดจา ความเงอะงะอย่างเด็กสาวชนบทกลับหายไปเสียแล้ว
ระดับความสามารถที่เซี่ยจื่ออวี้สำแดงให้เห็นนั้นผันผวนมาก หวังก่วงผิงเองก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
สักพักก็เกาะติดวนเวียนอยู่กับหวังเจี้ยนหัว อีกสักพักกลับสร้างกิจการได้?
สถาบันกวดวิชาย่อมสร้างเงินได้อย่างแน่นอน ทว่ามันไม่ใช่แค่ทำเงินได้เท่านั้น ก็เหมือนครูที่ถ่ายทอดความรู้และอบรมผู้คน พวกเขารับเงินเดือนเช่นกัน แต่มีใครบอกว่าครูทั้งหลายคือพวกเห็นแก่เงินทองบ้าง? ถ้าเป็ก่อนหน้านี้ หวังก่วงผิงคงไม่ใส่ใจ ทว่าตอนนี้เขารับตำแหน่งในฝ่ายอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการกวดวิชาที่เซี่ยจื่ออวี้จัดตั้งขึ้นนี้ อาจเป็ส่วนเติมเต็มของรูปแบบการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ได้
สร้างคุณค่าให้ความคิดนี้สักหน่อย หวังก่วงผิงเชื่อว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ศาสตราจารย์หลิ่วตั้งใจฟังไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเซี่ยจื่ออวี้พูดว่ารับนักเรียนสองร้อยกว่าคนั้แ่การทดลองทำครั้งแรก ศาสตราจารย์หลิ่วถอนหายใจกับตนเอง เดิมทีการสอนกวดวิชาเป็ความคิดของหลิ่วซาน แต่กลับถูกพัฒนาให้ใหญ่โตโดยเซี่ยจื่ออวี้ หากเื่นี้รับผิดชอบโดยหลิ่วซานแทน เขาสามารถคว้าเกียรติคุณระดับประเทศให้บุตรสาวได้อย่างแน่นอน
ศาสตราจารย์หลิ่วและครอบครัวทั้งสามคนกลับไปทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น
ระหว่างทางศาสตราจารย์หลิ่วก็เอ่ยขึ้นมา “ต่อจากนี้ห้ามลูกไปมาหาสู่กับหวังเจี้ยนหัวอีก”
หลิ่วซานไม่ยอม “ความรักเป็สิ่งเสรีและเท่าเทียม ตราบใดที่เจี้ยนหัวยังไม่ได้แต่งงาน หนูก็มีสิทธิ์คบกับเขา!”
คุณนายหลิ่วถอนหายใจ “ลูกคนนี้นี่ ความหมายของพ่อลูกคือเซี่ยจื่ออวี้น่ะเป็คนรับมือด้วยยาก ลูกจะเสียเปรียบในกำมือเธอ! เธอมุ่งมั่นเอาชนะใจหวังเจี้ยนหัว ลูกดูสิว่าวันนี้เธอมาเพื่อประกาศสิทธิ์ความเป็เ้าของ แถมทำท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ด้วย ช่างเ้าเล่ห์ยิ่งนัก! อีกอย่างตอนนี้หัวใจของหวังเจี้ยนหัวก็อยู่ที่เธอแล้ว ลูกสู้ไม่ได้หรอก”
คนเราจะดันทุรังไม่ได้สินะ?
ทั้งที่มีความรู้สึกดีพอต่อกัน แต่ไม่ว่าหลิ่วซานจะทำสิ่งใด ล้วนย้อนกลับมาทำให้เซี่ยจื้ออวี้และหวังเจี้ยนหัวแยกจากกันไม่ออกยิ่งกว่าเดิม
ถ้าจะแก่งแย่งกับเซี่ยจื่ออวี้ให้ได้ ก็จำต้องรอให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเกิดปัญหาก่อนถึงจะบุกรุกใน่อ่อนแอได้
คุณนายหลิ่วไม่สนับสนุนให้หลิ่วซานกระทำเื่ประเภทนี้ ถ้าหลิ่วซานไม่ชอบนักศึกษาชายคนอื่นในวิทยาลัย เธอกับสามีสามารถแนะนำชายหนุ่มที่พร้อมสรรพทั้งหน้าตาและศักยภาพคนอื่นๆ ให้แก่หลิ่วซานได้อย่างไม่มีปัญหา ทำไมจะต้องแขวนคอตัวเองไว้กับต้นไม้อย่างหวังเจี้ยนหัวด้วย คุณนายหลิ่วไม่เข้าใจว่าบุตรสาวชอบอะไรในตัวเขา
หลิ่วซานดูมีความคิดของตนเองอย่างเห็นได้ชัด
“ความรักเป็เื่ของหนูเอง แม่กับพ่ออย่าเพิ่งมายุ่งเลย!”
หวังเจี้ยนหัวมีลักษณะที่มั่นคงและพึ่งพาได้ ทว่าเจือความทุกข์ใจอันมิอาจอธิบายได้อีกสามส่วน ภาระหนักอึ้งที่จะเรียกร้องหน้าที่การงานคืนให้บิดามารดากดทับอยู่บนบ่าของหวังเจี้ยนหัว สุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ ผ่านพ้นความยากลำบากมาได้แล้ว!
หลิ่วซานคิดว่าเขามีความสามารถ
อีกอย่างหวังเจี้ยนหัวไม่ยอมทิ้งเซี่ยจื่ออวี้ หลิ่วซานยิ่งคิดว่าเขาน่าไว้วางใจ ปัจจุบันผู้ชายคนนี้ยึดมั่นภักดีต่อเซี่ยจื่ออวี้ ในอนาคตย่อมจะไม่ทรยศเธอด้วยเช่นกัน
หวังเจี้ยนหัวไม่ชอบเธอแม้แต่น้อยจริงๆ หรือ?
หลิ่วซานพิจารณาด้วยลางสังหรณ์ของผู้หญิง สถานการณ์ยังไม่แน่นอนก็จริง ทว่าสายตานั้นหลอกกันไม่ได้ ยามหวังเจี้ยนหัวมองเธอมีความรู้สึกที่พรั่งพรูอยู่โทนโท่นี่นา
พอบ้านหลิ่วกลับไป หร่านซูอวี้ยังไม่ทันได้เกรี้ยวกราด หวังก่วงผิงกลับมีท่าทีที่เป็มิตรต่อเซี่ยจื่ออวี้ทันที
“เมื่อครู่ตอนอยู่ต่อหน้าศาสตราจารย์หลิ่วเธอยังพูดไม่จบสินะ เกี่ยวกับชั้นเรียนกวดวิชาน่ะ เธอยังมีความคิดอะไรอีก?”
เซี่ยจื่ออวี้โล่งใจ เธอรู้ทันทีว่าคืนนี้ตนเองชนะเดิมพันแล้ว
์กำลังเกื้อหนุนเธออย่างแน่นอน หวังก่วงผิงกลับเข้าเมืองมารับราชการ ถูกบรรจุเข้าทำงานในฝ่ายอุดมศึกษาประจำกระทรวงศึกษาธิการเสียได้! และชั้นเรียนกวดวิชาที่เซี่ยจื่ออวี้จะทำ สุดท้ายก็เพื่อตอบสนองการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงเช่นกัน
“เป็อย่างที่คุณลุงพูดเลยค่ะ ฉันอยากพัฒนาชั้นเรียนกวดวิชาให้กลายเป็เครือสถาบันกวดวิชาขนาดใหญ่ เหมือนเวลาพูดถึงจักรยาน ผู้คนก็นึกถึง ‘ยี่ห้อเฟิ่งหวง’ นึกถึงเป็ดย่างก็คิดว่าต้องมาปักกิ่ง และถ้าจะนึกถึงกวดวิชา ตัวเลือกแรกก็คือสถาบันกวดวิชาที่ฉันทำน่ะค่ะ”
หวังก่วงผิงพยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด นี่คือการพัฒนาให้ยิ่งใหญ่และมั่นคง
ไม่ว่าสิ่งใด ขอเพียงริเริ่มเป็คนแรก และมีอยู่หนึ่งเดียว ต่อให้เป็โรงงานที่ผลิตเข็มด้ายก็เลิศล้ำได้เหมือนกัน
หร่านซูอวี้ไม่เข้าใจว่าชั้นเรียนกวดวิชามีอะไรให้น่าจับตามอง แต่ในเมื่อหวังก่วงผิงสนใจ เธอก็ทำได้เพียงเก็บความโกรธเกรี้ยวนี้ไว้ เซี่ยจื่ออวี้บอกว่าตอนนี้เป็เพียง่เริ่มต้น หนึ่งเดือนทำเงินได้ราวสองสามร้อยหยวน หากปริมาณนักเรียนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือสิบเท่าตัว กำไรถึงจะเป็ชิ้นเป็อันจริงๆ
หร่านซูอวี้ไม่ค่อยเชื่อนัก ของแบบนี้ทำกำไรได้มากมายจริงๆ หรือ?
ถ้าอย่างนั้นทำไมคนอื่นเขาไม่ทำกันเล่า!
ทว่าเธอได้ยินเซี่ยจื่ออวี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระดากอายเล็กน้อย “ฉันมีความสามารถพื้นๆ น่ะค่ะ ปริมาณผู้เรียนของทุกวันนี้ยังพอบริหารได้ แต่ถ้าขยายใหญ่ขึ้นจริง ฉันอยากขอให้เจี้ยนหัวช่วยเสียหน่อย อย่างไรเสียเจี้ยนหัวเขามีศักยภาพอยู่แล้ว สิ่งที่ขาดก็คือเวทีสำหรับแสดงมันออกมาน่ะค่ะ...”
หวังเจี้ยนหัวคือผู้ชายของเซี่ยจื่ออวี้ ดังนั้นเธอจะส่งเวทีให้แก่เขา และปล่อยให้หวังเจี้ยนหัวสยายปีกขึ้นไปโบยบินบนฟ้า!
เธอจะทำให้หวังก่วงผิงและหร่านซูอวี้รู้ แม้เธอไม่มีชาติตระกูลเกื้อหนุน สู้หลิ่วซานไม่ได้ รวมถึงเหล่าผู้หญิงที่อาจปรากฏตัวต่อหน้าหวังเจี้ยนหัวในอนาคต แต่สิ่งที่เธอสามารถมอบให้หวังเจี้ยนหัวได้ ไม่ด้อยไปกว่าบุตรสาวของศาสตราจารย์หรือข้าราชการคนไหนแน่นอน!
หวังก่วงผิงอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะเบาๆ
“จื่ออวี้ ลุงเชื่อมั่นในสายตาของเธอ และเชื่อว่าเธอกับเจี้ยนหัวสามารถทำเื่นี้ให้สมบูรณ์ได้!”
ั้แ่รับรู้ว่าหวังเจี้ยนหัวคบกับหญิงสาวชนบทคนหนึ่ง มีเพียง ณ ขณะนี้ที่หวังก่วงผิงรู้สึกปลาบปลื้มจากใจจริง สร้างสถาบันกวดวิชาเพื่อหาเงินคือเื่รอง ตัวหวังก่วงผิงเองก็ทำงานในขอบเขตของกระทรวงศึกษาธิการแล้ว เขาย่อมต้องพยายามปูทางแก่หวังเจี้ยนหัวผู้เป็ลูกชายเท่าที่จะทำได้
เซี่ยจื่ออวี้มองเห็นเพียงชั้นเรียนกวดวิชาสามารถสร้างเงินได้เท่านั้น เธอไม่เห็นผลประโยชน์ที่แท้จริงโดยสิ้นเชิง
และหวังก่วงผิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกเธอเช่นกัน ถึงกระนั้นใบหน้าของหร่านซูอวี้ได้แค่นยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมองเซี่ยจื่ออวี้ในเวลานี้กลับรู้สึกใกล้ชิดอีกครั้ง
“เจี้ยนหัวบอกว่าพ่อแม่หนูมาปักกิ่ง? เมื่อไรล่ะ เชิญพวกเขามาที่บ้านด้วยสิ...”
หวังเจี้ยนหัวปลื้มปีติ จื่ออวี้พูดถูก พอบอกเื่ชั้นเรียนกวดวิชานี่ พ่อแม่ของเขาอาจเปลี่ยนท่าที
เซี่ยจื่ออวี้เผยรอยยิ้มบาง
ขอแค่เป็สิ่งที่เธอ้า มันจะต้องเป็ของเธอ บางครั้งขั้นตอนอาจขรุขระไปบ้าง ทว่าผลลัพธ์จะต้องสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่เธอยังใจเย็นได้ อดทนได้ และจับจุดอ่อนของคนอื่นได้
เธอกำลังหยั่งเชิงค้นหาจุดอ่อนของบิดามารดาหวังเจี้ยนหัว และพอเห็นเค้าโครงบ้างแล้ว
เช่นนั้นจุดอ่อนของเซี่ยเสี่ยวหลานคืออะไรกันเล่า? ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานสอบเข้าหัวชิงสำเร็จ คงภาคภูมิใจมากสินะ หัวเราะไปก่อนเถอะ เธอต้องอดทนอดกลั้นไว้ และจะโจมตีจุดตายทีเดียวในตอนที่เซี่ยเสี่ยวหลานประมาท!
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ภาคภูมิใจแม้แต่น้อย
ตอนนี้เธอกำลังสาละวนกับการจัดการปัญหาหัวใจของตนเอง
หลังเขียนจดหมายหนึ่งฉบับให้โจวเฉิง ชีวิตมหาวิทยาลัยของเซี่ยเสี่ยวหลานก็เริ่มต้นอย่างเป็ทางการ ตารางเรียนออกมาเรียบร้อย การจัดรายวิชาของภาคเรียนแรกไม่เบาเลย นอกจากต้องเรียนวิชาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมแล้ว วิชาพื้นฐานอย่างภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ขั้นสูงก็ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘วิชาพลศึกษา’ ปรากฏเด่นเป็สง่าบนตารางเรียนเช่นกัน ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยวิชานี้น่าจะถูกใช้ทำอย่างอื่นบ่อยครั้ง อาจารย์แต่ละวิชาต่างไม่ให้ความสำคัญนัก ‘อาจารย์พละของพวกเธอป่วย อาจารย์พละของพวกเธอมีธุระ ดังนั้นคาบนี้จึงให้อาจารย์มาสอนแทนเขา...’
บนตารางเรียนมีสองสัปดาห์ที่เว้นว่างได้
ในตารางเขียนไว้เพียงสองคำ : ฝึกทหาร
หลังจากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็เผชิญหน้ากับความฉงนในเส้นทางการเรียน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ท่าทางอาจารย์หลายคนจะไม่โปรดเธอสักเท่าไร?