“เรียกตัวทั้งหกกรมและศาลต้าหลี่”
เมื่อยามที่เสนาบดีทั้งหกกรมและต้าหลี่ซื่อชิงถูกเรียกตัวเข้าวังนั้น ต่างไม่รู้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น กระทั่งหลังจากอ่านสารที่ฉีอ๋องเขียนให้จ้าวหนิงฮ่องเต้ ล้วนเหงื่อออกจนเปียกชุ่มเสื้อผ้าอาภรณ์ ผู้ใดช่างกล้าหาญชาญชัยเช่นนี้?
“พวกเ้า ผู้ใดเป็คนทำ?” พระเนตรอันคมปลาบราวกับดวงตาพญาอินทรีของจ้าวหนิงฮ่องเต้จ้องเขม็งไปยังพวกเขา ไม่พลาดการจับตามองความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของพวกเขาแม้แต่คนเดียว
แววตาของเสนาบดีฉินมีความตกตะลึงพาดผ่าน คลางแคลงใจเล็กน้อย “เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็ฝีมือของฝูชิวพ่ะย่ะค่ะ? คิดจะฉวยโอกาสสังหารฉีอ๋อง ทำให้ชายแดนซีเป่ยเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่?”
“สังหารจวิ้นเฉินแล้วจะก่อความวุ่นวายให้กับชายแดนซีเป่ยได้หรือไร?” จ้าวหนิงฮ่องเต้ย้อนถาม “อวี๋เจิ้นซีหายตัวไปคนหนึ่ง เจิ้นย่อมส่งอวี๋เจิ้นซีคนที่สองไปรักษาการณ์ชายแดน ฉีอ๋องยังมิได้รั้งตำแหน่งแม่ทัพรักษาการชายแดนซีเป่ย สังหารฉีอ๋องแล้วจะทำให้ซีเป่ยเกิดโกลาหลครั้งใหญ่ได้เช่นนั้นหรือ?”
“เฉินเลอะเลือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฉินไม่กล้าพูดจาแล้ว
“พวกเ้าล่ะ?”
กรมโยธาธิการรู้สึกว่าตนเองอยู่เฉยๆ ก็ถูกลูกหลงได้เช่นกัน เื่ใหญ่เช่นนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรมโยธาธิการของเขากระมัง ที่เกี่ยวข้องกับกรมโยธาธิการของพวกเขาคือวัสดุชั้นนอกของอาวุธลับชิ้นนี้ต่างหาก
“ไป นำวัสดุชั้นนอกของเ้าสิ่งนี้ไปวิเคราะห์ตามวัสดุที่ใช้ จงวิเคราะห์ข้อมูลเ้าของสิ่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ลองสืบหาดูว่าสถานที่แห่งใดสามารถทำสิ่งของชนิดนี้ออกมาได้” จ้าวหนิงฮ่องเต้หันไปตรัสกับกรมโยธาธิการ
“พ่ะย่ะค่ะ เฉินจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมโยธาธิการรับวัสดุห่อหุ้มชั้นนอกชิ้นนั้นแล้วหนีเอาตัวรอดออกไปทันที
“คนอื่นๆ เล่า? พวกเ้าเห็นเป็เช่นไร? พวกเ้าเห็นว่าผู้ใดกันที่ช่างกล้าหาญเช่นนี้?” จ้าวหนิงฮ่องเต้ตรัสถาม
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็...ลูกหลานฏพ่ะย่ะค่ะ?” เสนาบดีกรมคลังกล่าว
“คนของฝูชิว ลูกหลานฏ...ยังมีการคาดเดาอย่างที่สาม อย่างที่สี่อีกหรือไม่? มา ทุกคนคาดเดามาให้เจิ้น”
บรรยากาศภายในห้องทรงพระอักษรดุเดือดรุนแรง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจ้าวหนิงฮ่องเต้ทำเช่นนี้มีความหมายว่าอย่างไร ในขณะเดียวกันหลี่ลั่วก็ได้รับสารสองฉบับเช่นกัน ฉบับหนึ่งเป็ของกู้จวิ้นเฉิน และอีกฉบับหนึ่งเป็ของหลี่จงิ
‘ลั่วเอ๋อร์
พบสารเหมือนพบข้า ห้ามคิดถึง’
ประโยคเดียว ไม่ได้เอ่ยอันใดเพิ่มเติม แต่ทว่าหลี่ลั่วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ตลอดมากู้จวิ้นเฉินเขียนสารให้กับเขานั้นเป็เช่นปกติทั่วไป ครั้งนี้ในสารกลับเขียนง่ายๆ เพียงประโยคเดียว สาเหตุนั้นเมื่อหลี่ลั่วเปิดสารของหลี่จงิจึงแจ่มแจ้ง หลี่จงิติดตามกู้จวิ้นเฉินไปค่ายทหารซีเป่ย ยังมีภารกิจอีกอย่างหนึ่ง คือไม่ว่าจะเกิดเื่เล็กหรือเื่ใหญ่ในค่ายทหารซีเป่ย ล้วนต้องบอกกล่าวกับหลี่ลั่ว
อาวุธลับยาพิษ? ควันสีขาว? หัวใจของหลี่ลั่วพลันกระตุก นี่ถ้าหากเปลี่ยนวัสดุที่ใช้เสียหน่อย ก็คือะเิควันดีๆ ในยุคปัจจุบันนั่นเอง? และตามที่หลี่จงิได้อธิบายมานั้น มันก็คือวัสดุห่อหุ้มชั้นนอกของะเิควัน คิดไม่ถึงว่าในยุคสมัยโบราณที่ยังคงล้าหลังเช่นนี้จะปรากฏสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนะเิควันได้
หลี่ลั่วไตร่ตรองอย่างละเอียด ตอนที่เขาเรียนประวัติศาสตร์ เขาจำได้ว่าะเิควันปรากฏขึ้นครั้งแรกคือเมื่อเกิดาโลกครั้งที่หนึ่งกระมัง? แต่จำได้ไม่ชัดเจนนัก น่าจะเป็ประมาณ่เวลานั้น ทว่าคิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะยังมีสิ่งของที่คล้ายคลึงกัน แต่ว่า ะเิควันต้องมีวัตถุทางเคมีที่ยุคสมัยโบราณไม่สามารถทำออกมาได้ ใช้ยา...ดูแล้วฝ่ายตรงข้ามเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
หลี่ลั่วเก็บสารไว้อย่างดี “ฉางเฉิง”
“ขอรับโหวเหฺย”
“เตรียมรถม้า ไปกรมโยธาธิการกับข้า”
ทั้งเมืองหลวงต่างรู้จักหลี่เสี่ยวโหวเหฺยดี ว่าที่พระชายาของฉีอ๋อง ขุนนางตัวน้อยที่ฮ่องเต้ค่อนข้างรักและเอ็นดู หลี่เสี่ยวโหวเหฺยมีความสามารถเก่งกาจอยู่สองเื่ด้วยกันคือ เื่ที่หนึ่ง มีฝีปากอันคมกล้า เื่ที่สอง พูดจาประจบสอพลอฮ่องเต้ได้ดียิ่งนัก แม้กระทั่งอ้อยก็ยังส่งเข้าวัง ลองถามผู้อื่นดูสิว่ากล้าทำหรือไม่?
แต่ทว่า กิจการบ้านการกุศลของหลี่เสี่ยวโหวเหฺยนั้นออกตัวไม่เลวเลยทีเดียว หลังจากขุนนางในราชสำนักรู้ว่าองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง องค์ชายสาม และฉีอ๋องต่างมาบริจาคเงินทั้งสิ้น พวกเขาจึงมาเช่นกัน
อย่างเช่น องค์หญิงฉางหนิง ด้วยฉีอ๋องบริจาคเงินหนึ่งพันตำลึง นางจึงปฏิบัติตามอย่างน้องชายของตน เช่นจวนฉุนหยางอ๋อง ไม่สามารถบริจาคเงินมากกว่าจวนฉีอ๋อง ดังนั้นจึงบริจาคด้วยเงินจำนวนแปดร้อยแปดสิบแปดตำลึง เช่นคังจวิ้นอ๋อง บริจาคหกร้อยหกสิบหกตำลึง สำหรับท่านหญิงฉุนเหอและหลี่จือ หลี่หลิน พร้อมด้วยเพื่อนฝูงของตนล้วนบริจาคเงินทั้งสิ้น ท่านหญิงหลิงโหมวเป็หลานสาวของฉีอ๋อง นางย่อมมาสนับสนุนกิจการค้าของน้าสะใภ้ จึงได้พาเพื่อนฝูงกลุ่มเล็กๆ ของตนมาด้วยเช่นกัน
เหล่าพ่อค้าที่อยากจะมีชื่อเสียงว่าจิตใจดีทำการกุศลล้วนไม่ยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นกิจการค้าบ้านการกุศลของหลี่เสี่ยวโหวเหฺยจึงรุ่งเรืองยิ่งนัก ซ้ำยังไม่เพียงแต่รับบริจาคเป็เงิน บริจาคเป็สิ่งของก็ได้ด้วยเหมือนกัน อย่างเช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ไม่ใส่แล้ว รองเท้าที่ไม่ใช้แล้ว ข้าวสารในเรือน ข้าวสาลี เป็ต้น ล้วนรับบริจาคทั้งสิ้น
เช่นเสื้อผ้าอาภรณ์ หลังจากพวกเขาได้รับบริจาคเสื้อผ้า ล้วนใช้น้ำยามาซักล้างจนสะอาดสะอ้าน จากนั้นจึงเก็บเอาไว้ อย่างเช่นข้าวสาร เมื่อได้รับบริจาคเป็ข้าวสาร พวกเขาจะนำไปต้มเป็ข้าวต้มแจกที่หน้าวัดก่วงเปย
หลี่เสี่ยวโหวเหฺยมีชื่อเสียงในเมืองหลวงแล้ว หลี่เสี่ยวโหวเหฺยเป็คนช่างเจรจา เขาทำได้ดีล้วนเป็เพราะฮ่องเต้อบรมสั่งสอนได้ดี ในชั่วพริบตา ชื่อเสียงของจ้าวหนิงฮ่องเต้ในสายตาของไพร่ฟ้าประชาชนก็ดีไปด้วย
ณ กรมโยธาธิการ
“ไฉนเสี่ยวโหวเหฺยจึงมาที่นี่ได้ขอรับ?” ขุนนางใหญ่น้อยของกรมโยธาธิการจะไม่รู้จักซื่อจื่อตระกูลใดนั้นย่อมได้ แต่ไม่รู้จักหลี่เสี่ยวโหวเหฺยผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลวงนั้นไม่ได้
หลี่ลั่วได้นำเหล้าและของว่างมาให้ทุกคนเล็กน้อย “ข้ามาหาเสนาบดีกรมโยธาธิการ เขาอยู่หรือไม่? นี่เป็ของว่างที่เตรียมมาให้พวกท่าน กินแล้วหากอร่อยให้ไปซื้อที่ร้านค้าของข้าด้วยเล่า”
“หลี่เสี่ยวโหวเหฺยช่างรู้จักทำการค้ายิ่งนัก ขอบคุณขอรับ”
ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเหล้าองุ่นในร้านค้าของหลี่เสี่ยวโหวเหฺยรสชาติดีเพียงใด
หลี่ลั่วขายเหล้าองุ่นได้ปริมาณมากในแต่ละวัน เดือนหกปีนี้เหล้าองุ่นรอบแรกที่หมักไว้ได้ที่แล้ว ทั้งหมดห้าสิบหมู่ เมื่อถัวเฉลี่ยออกมาแล้วพื้นที่หนึ่งหมู่จะเก็บองุ่นได้สามพันชั่งโดยประมาณ สัดส่วนการหมักเหล้าองุ่นของหลี่ลั่วคือองุ่นสามสิบชั่ง เหล้าขาวเจ็ดสิบชั่ง นั่นหมายความว่าพื้นที่ทุกๆ หนึ่งหมู่จะหมักเหล้าองุ่นได้หนึ่งหมื่นชั่ง หากใช้ขวดเหล้าสำหรับบรรจุหนึ่งร้อยชั่งต่อขวด พื้นที่หนึ่งหมู่ก็จะได้หนึ่งร้อยขวด สิริรวมทั้งหมดพื้นที่ห้าสิบหมู่จะได้เหล้าองุ่นห้าพันขวด
แต่ทว่าระยะเวลาการหมักเหล้าองุ่นยิ่งนาน เหล้าก็จะยิ่งหอม ดังนั้นเหล้าองุ่นรอบที่หมักเมื่อเดือนเก้า หลี่ลั่วคิดว่าจะหมักต่อไป
แต่ปัญหาก็ได้เกิดขึ้น เหล้าองุ่นจำนวนห้าพันขวดของเดือนหกวางขายในร้านค้าของเขา ดูเหมือนจะขายไม่หมด ด้วยหนึ่งขวดมีปริมาณหนึ่งร้อยชั่ง ดังนั้นหลี่ลั่วจึงคิดว่าผ่าน่เวลานี้ไปเขาจะเริ่มพูดคุยเพื่อหาตัวแทนจำหน่าย
รองเสนาบดีกรมโยธาธิการมีอายุค่อนข้างสูงวัยแล้ว ก่อนหน้านี้ได้พบหลี่ลั่วในงานเลี้ยงของแคว้น แต่เขายังจำหลี่ลั่วได้ติดตาอยู่มากทีเดียว
“ท่านปู่เสนาบดี” ความสามารถที่เก่งกาจที่สุดของหลี่ลั่วก็คือ ปากหวานยิ่งนัก อยู่ในยุคสมัยนี้ เด็กบ้านไหนบ้างที่ปากไม่หวาน? “นี่คือเหล้าองุ่นที่นำมาให้ท่านขอรับ”
“หลี่เสี่ยวโหวเหฺยเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านมากรมโยธาธิการเพื่อหาตาแก่อย่างข้าดื่มเหล้าหรือ?” เขาเพิ่งจะออกมาจากห้องทรงพระอักษร คาดว่าคนในห้องนั้นคงจะอิจฉาเขาแทบตาย
“ไม่ใช่ขอรับ ข้านั้นอิจฉาความสามารถของท่านปู่เสนาบดี ดังนั้นจึงมาเดินๆ ที่กรมโยธาธิการ” หลี่ลั่วกล่าว ขุนนางของกรมโยธาธิการไม่มีอำนาจที่แท้จริง สิ่งเดียวที่เอามาพูดคุยกันได้ไม่ใช่ฝีมืองานช่างหรอกหรือ?
“อ้อ?” เสนาบดีกรมโยธาธิการมีหรือจะเชื่อว่าเด็กน้อยอายุเท่านี้จะมีความสนใจต่อสิ่งของน่าเบื่อเหล่านี้ “กรมโยธาธิการมีสิ่งใดที่เสี่ยวโหวเหฺยสนใจเล่า”
“ได้ยินมาว่าท่านพี่ฉีอ๋องได้ส่งตัวอย่างวัสดุชั้นนอกของอาวุธลับมาชิ้นหนึ่ง ข้าเพียงแต่ประหลาดใจนี่นา ท่านปู่เสนาบดีให้ข้าดูสักหน่อยจะได้หรือไม่ขอรับ” หลี่ลั่วถามยิ้มๆ
“ไม่ได้ เ้าเด็กน้อยเช่นเ้าอย่าได้เอาความคิดชั่วร้ายมาป้ายสีให้กับตาแก่อย่างข้าเลย” เสนาบดีกรมโยธาธิการปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด
“ท่านปู่เสนาบดี ต่อให้ท่านไม่บอกกับข้า ข้าก็ไปขอร้องฝ่าาได้ และข้ายังให้ท่านพี่ฉีอ๋องส่งมาให้ข้าอีกชิ้นหนึ่งได้” หลี่ลั่วกล่าว
“จะเป็ไปได้อย่างไรกัน” เสนาบดีกรมโยธาธิการไม่เชื่อ แม้หลี่ลั่วจะได้รับความโปรดปรานเป็อย่างมาก แต่อย่างไรก็เป็เพียงเด็กน้อย สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่จะให้เด็กน้อยแตะต้องััได้
“หากข้าบอกกับฝ่าาว่าข้ารู้โครงสร้างของสิ่งของชิ้นนี้เล่า?” หลี่ลั่วกล่าว
“เสี่ยวโหวเหฺยจะรู้ถึงโครงสร้างของสิ่งของชิ้นนี้ได้อย่างไรกัน?” เสนาบดีกรมโยธาธิการรีบถาม
“ท่านพี่ฉีอ๋องเขียนอธิบายให้ข้าไว้ในสารของเขา ข้าจึงคาดเดาได้อยู่แล้วน่ะขอรับ ท่านปู่เสนาบดี อย่างไรข้าก็เป็เพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งนี่ขอรับ หากข้าไปบอกกับฝ่าาแล้วต่อให้ข้าเดาผิด ฝ่าาย่อมไม่กล่าวโทษข้า และต่อให้ข้าไม่รู้โครงสร้างของเ้าสิ่งของสิ่งนี้ ข้าก็สามารถรู้ได้ว่ามีสิ่งของอย่างอื่นที่มาใช้แทนกันได้อยู่ดี” หลี่ลั่วพูดจาด้วยท่าทีก้ำกึ่งระหว่างแง่งอนและมีลับลมคมใน
ใต้เท้าเสนาบดีเมื่ออยู่ในเรือนของตนนั้นเป็คนที่เข้มงวดกวดขันอย่างยิ่งยวด ไหนเลยจะรับมือกับเด็กเยี่ยงนี้ได้ คิดสะระตะดูแล้วจึงเห็นด้วย ต่อให้หลี่ลั่วคาดเดาผิดก็ไม่เห็นเป็อันใด และเมื่อฝ่าามอบสิ่งของชิ้นนี้ให้เขานั้น เสนาบดีอีกห้ากรมเห็นกับตา เื่ที่ฉีอ๋องได้พบกับนักฆ่าที่ค่ายทหารซีเป่ย เกรงว่าจะถูกแพร่งพรายออกไปอย่างรวดเร็ว “ได้ เ้าตามข้ามา” พูดแล้ว ยังไม่ลืมที่จะหยิบเหล้ามาด้วย ไม่เช่นนั้นต้องถูกเพื่อนขุนนางแย่งไปเป็แน่
หลี่ลั่วตามเสนาบดีกรมโยธาธิการไปถึงในเรือนหลังหนึ่ง เสนาบดีกรมโยธาธิการหยิบวัสดุชั้นนอกของอาวุธลับชิ้นนั้นออกมาจากลิ้นชัก “นี่คือสิ่งที่ทำด้วยเหล็ก” เสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าว “แต่สิ่งของเหล่านี้ไม่จำเป็ต้องมีวิธีการเป็พิเศษอันใด ร้านเหล็กทั่วไปล้วนทำออกมาได้ ดังนั้นหากฝ่าา้าสืบหา เป็เื่ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มสืบหาจากที่ใด”
“ทว่าผู้อื่นย่อมไม่สั่งทำในร้านตีเหล็กเป็แน่” หลี่ลั่วกล่าว “สิ่งของชิ้นนี้ปรากฏที่ค่ายทหารซีเป่ย เห็นได้ว่าการนำมาใช้งานไม่ปกติ หากทำออกจากร้านเหล็ก ย่อมต้องถูกสงสัยอย่างง่ายดาย และง่ายดายต่อการสืบหาต้นตอ ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามไม่ไปทำที่ร้านเหล็กแน่นอนขอรับ”
“เสี่ยวโหวเหฺยฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ดังนั้นที่ฝ่าาให้ข้าสืบหาของชิ้นนี้ จริงๆ แล้วไม่มีความหมายอันใด” เสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าว “ทั้งยังไม่ต้องคิดอันใดทั้งสิ้น กรมโยธาธิการของพวกเราก็สามารถทำสิ่งของชนิดนี้ออกมาได้เช่นกัน”
“ฝ่าาย่อมมีจุดประสงค์ของฝ่าา” หลี่ลั่วกล่าว “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เ้าของสิ่งนี้ แต่อยู่ที่เื่นี้ต่างหากเล่า”
“อ้อ?” เสนาบดีอยู่มาจนอายุปูนนี้ สาเหตุที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อฏเมื่อหกปีก่อนนั้นมีอยู่ด้วยกันสองเหตุผล ข้อหนึ่ง กรมโยธาธิการไม่มีอำนาจในราชสำนักอย่างแท้จริง ข้อสอง ชายชราอย่างเขาไม่ว่าจะยืนอยู่ฝ่ายใดก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ดังนั้นเื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน ขอเพียงจงรักภักดีต่อฝ่าาเป็พอ แต่นี่ก็เป็การพิสูจน์แล้วเช่นกันว่าเขาเป็คนฉลาด “เสี่ยวโหวเหฺยคิดว่าปัญหาอยู่ที่ไหน?” หากเขาต้องมาคุยกับบุตรหลานตนเองด้วยเื่เหล่านี้ เสนาบดีกรมโยธาธิการรับรองได้ว่าต้องลงมือตีสักหนึ่งฝ่ามือ แล้วให้เขาไปอ่านหนังสือ แต่ทว่าหลี่ลั่วนั้นแตกต่างออกไป
ความฉลาดเฉลียวของเขาทำให้คนตกตะลึงพรึงเพริด
“ปัญหาของเื่นี้อยู่ที่ท่านพี่ฉีอ๋องถูกลอบสังหาร” หลี่ลั่วกล่าว
เสนาบดีกรมโยธาธิการถึงกับตะลึง และหัวเราะออกมา “เสี่ยวโหวเหฺยกล่าวถูกต้องแล้ว”
“ที่จริงแล้วหาก้าทำอาวุธลับชนิดนี้ ไม่จำเป็จะต้องเลือกใช้วัสดุชั้นนอกชนิดนี้ ขอเพียงแค่สามารถทำวัสดุชั้นนอกชนิดนี้ออกมาโดยที่ไม่ทำให้เกิดปัญหากับยาที่อยู่ในอาวุธลับก็ได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถเลือกวิธีที่ต้นทุนต่ำที่สุดด้วย” หลี่ลั่วกล่าวอีก