เรือใหญ่ของหวังเค่อ กลางทะเลพิษ!
“อย่าวู่วาม ตกลงมั้ย?
อย่างมากข้าก็แค่ยกเรือให้เ้า ส่วนข้าพานางโดดลงทะเล? อย่าบุ่มบ่ามเด็ดขาด!” หวังเค่อโน้มน้าวอย่างลนลาน
“ไม่
ถ้าข้าปล่อยนางไปเมื่อไหร่ข้าก็จบเมื่อนั้น เ้าต้องจับข้าแน่!” ถงอันอันตะคอกอย่างร้อนรน
“งั้นเ้าจะเอายังไง?”
หวังเค่อเอ่ยถามเคร่งขรึม
“ข้า้าให้เ้าวางมือแล้วปล่อยข้าไป
ข้าก็แค่ลูกกระจ๊อก เ้าไม่อาจบีบคั้นข้า!” ถงอันอันร้อนใจจนแทบร่ำไห้
“ข้าน่ะหรือบีบคั้นเ้า
เ้าต่างหากที่บีบคั้นข้า?” หวังเค่อสุดจะกลั้น
จ้องมองด้วยสายตาขุ่นแค้น
“นั่นไง! เ้าบีบข้าอีกแล้ว!”
ถงอันอันเอ่ยด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
“ก็ได้
เ้าว่ายังไงว่ายังงั้น ตอนนี้ปล่อยองค์หญิงโยวเยว่ได้รึยัง?” หวังเค่อเร่ง
“ไม่ ไม่! ข้าปล่อยนางเมื่อไหร่ก็จบสิ้นเมื่อนั้น
นี่คือองค์หญิงโยวเยว่ ทารกร่างมาร ใช่หรือไม่?” ถงอันอันเอ่ยตาแดงก่ำ
“คิดจะทำอะไร?” หวังเค่อหน้าเครียด
“ข้าเคยสืบเสาะเื่งานชุมนุมมารปรโลกมาก่อน
องค์หญิงโยวเยว่คือทารกร่างมาร เป็มารในหมู่มาร
เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าสู่วิถีมารเท่านั้น! หากถูกกระตุ้นด้วยไอมาร นางก็จะกลายร่าง
กลายเป็มารอันแข็งแกร่งยิ่ง ทั้งยังจำใครไม่ได้ทั้งนั้น!”
ถงอันอันเอ่ยด้วงั์ตาแดงเรื่อ
“เ้าจะทำอะไร?” หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยน
“เป็มารก็เป็มารเถอะ! นางจะจำใครไม่ได้
แม้แต่เ้าก็ไม่ได้!” ถงอันอันะโ
“อย่า!” หวังเค่อร้องห้ามอย่างแตกตื่น
ทว่า สายเกินไปแล้ว
ถงอันอันยื่นมือออก ปลายนิ้วเปี่ยมไอมารแตะถูกหน้าผากขององค์หญิงโยวเยว่ในพริบตา
องค์หญิงโยวเยว่พลันทั่วร่างสั่นเทิ้มสุดระงับ ดวงตาของนางเบิกโพลง!
นางตื่นแล้ว? ไม่ใช่
นางกำลังเปลี่ยนเป็มาร!
เส้นเืเขียวปูดโปนบนดวงหน้า
ั์ตาเปลี่ยนเป็สีเงิน เขี้ยวสีโลหิตพลันงอกเงยออกมาจากริมฝีปาก
หวังเค่อหน้าเปลี่ยนทันควัน
นี่มันอะไรกัน?
“โฮกกกก~~~~~~~~~~~~~!”
องค์หญิงโยวเยว่พลันคำรามยาวเหยียดสู่ฟ้า
เสียงคำรามดุร้ายทำให้มือที่กุมกระบี่ของถงอันอันสั่นตามสัญชาตญาณ
คล้ายเป็พลังสะกดข่มจากส่วนลึกของิญญา ถงอันอันพลันสังหรณ์ร้ายขึ้นมาทันที
“หยุด อย่าขยับนะ!”
ถงอันอันตวาดสั่งด้วยร้อนรน
“ตูมมม!”
องค์หญิงโยวเยว่ที่กำลังแปลงร่างมารตวัดฝ่ามือเดียวตบกระบี่ถงอันอันปลิวลิ่ว
คนยืนพรวดขึ้นทันควัน
“เป็มารแล้ว? นางคลั่งแล้ว แม้แต่ญาติก็ไม่นับ? เร็ว
ไปจัดการหวังเค่อเร็ว ไปเร็ว!” ถงอันอันร่ำร้องอย่างยินดีปรีดา
ทันทีที่เอ่ยจบ
มันเตรียมตัวะโลงทะเลหนีไป
ปล่อยให้เ้าั์ใหญ่ทารกแกนิญญาหวังเค่อเผชิญกับองค์หญิงร่างมารไปซะ
น่าเสียดาย
ถงอันอันหรือจะผ่านด่านองค์หญิงโยวเยว่ไปได้ ครั้งก่อนที่นางกลายร่างมาร
แม้แต่จูหงอียังต้องออกแรงเฮือกใหญ่กว่าจะจับนางไว้ได้
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงดวงธาตุทองคำอย่างถงอันอัน
“ตูมมม!”
องค์หญิงโยวเยว่สะบัดมือ
ถงอันอันกระอักโลหิตยาวเหยียด
ร่างกระแทกลงดาดฟ้าเรืออย่างแรงจนเรือใหญ่ยุบเป็รูโหว่ขนาดั์ในพริบตา
น้ำทะเลไหลทะลักเข้าสู่นาวา
“อ๊ากกก~~~~~~~!”
ถงอันอันกรีดเสียง
มันถูกองค์หญิงร่างมารยื่นกรงเล็บทีเดียวก็คว้าไว้ ก่อนลากกลับขึ้นเรือ
“ทำไมจ้องเล่นแต่ข้า
ไม่ใช่ว่าเ้าไม่นับญาติกับใครทั้งนั้นหรือไง? หวังเค่อมันอยู่ตรงโน้น
ตรงโน้น เลิกตีข้าได้แล้ว อย่า อ๊ากก~~!” ถงอันอันกรีดร้องหวาดผวา
ตูมมมมมมม!
ถงอันอันกระอักเืรัวๆ
กระดูกทั่วร่างป่นแหลกทันควัน
องค์หญิงโยวเยว่คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์
เพียงเล่นงานถงอันอัน ทุบตีจนอีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงร่ำร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
แป๊บเดียวก็เหลือเพียงลมหายใจร่อแร่รวยริน
หวังเค่อที่ไม่ห่างออกไปเท่าใด “…!”
เรือั์กำลังจะจมเพราะน้ำทะเลท่วม
หวังเค่อตอนนี้เองก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่มันเื่อะไรกันนักหนา?
“โยวเยว่ พอแล้ว พอแล้ว
มันถูกเ้าตีจนตายแล้ว เรือกำลังจะจม พวกเราหาทางหนีก่อนเถอะ!” หวังเค่อยิ้มขื่น
ถงอันอันยังไม่ขาดใจตาย
ทว่าทั่วร่างาเ็สาหัสยิ่ง แต่องค์หญิงโยวเยว่ยังคงเพ่งเล็งพร้อมกระทืบมันต่อไม่วางตา
น้ำตาสองสายไหลหลั่งจากหางตาของถงอันอัน
“ไหนว่าพอกลายร่างมารแล้วไม่นับญาติโกโหติกาอะไรทั้งนั้นไง? ทำไมเอาแต่เล่นงานข้าล่ะ?”
หวังเค่อรีบถลาออกไปรั้งองค์หญิงโยวเยว่ไว้
“ตูมมม!”
องค์หญิงโยวเยว่สะบัดมือ
หวังเค่อถูกปัดจนกระเด็นไปทันที
ตอนนี้น้ำท่วมทะลักเข้าเรือ
หวังเค่อร้อนใจยิ่ง แต่จะปล่อยให้แฟนตัวเองต้องบ้าคลั่งอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มถลาเข้าไปอีกครั้ง
แต่ตอนนั้นเอง
บุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งพลันร่อนลงจากฟ้า
ปรากฏกายต่อหน้าองค์หญิงโยวเยว่ในฉับพลัน มันยื่นมือออก ปลายนิ้วแตะจรดที่หน้าผากของนาง
เพียงััแ่เบา
องค์หญิงโยวเยว่พลันหยุดการเคลื่อนไหว จากนั้นหมดสติไปอีกครา ร่างร่วงพับลง
บุรุษหนุ่มรูปงามนั้นโอบกอดนางไว้ทันที
“เ้าเป็ใคร? ปล่อยแฟนข้านะ!” หวังเค่อสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็โกรธแค้น
กล้ากอดโยวเยว่หรือ? ตัวบัดซบ!
หวังเค่อพุ่งออกไปทันควัน
“ตูมมม!”
เสียงดังสนั่น
หวังเค่อถูกขวางกั้นไว้ ระหว่างมันและบุรุษหนุ่มรูปงามนั้นปรากฏกำแพงโปร่งใส
กำแพงล่องหนกางกั้นหวังเค่อเอาไว้
“นี่มันอะไร? ตัวบัดซบ แตกไปซะ!” หวังเค่อโบกมือ
“ตูมม!”
กระบี่บินสิบเล่มกระแทกเข้าใส่กำแพงล่องหนทันใด
ทว่าไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย
บุรุษหนุ่มมองดูหวังเค่อด้วยความสนใจ
“เด็กน้อย กระบี่บินตั้งเยอะแยะเชียว? เพียงแต่ระดับพลังยังอ่อนด้อยเกินไป!”
“ปล่อยคนรักของข้า! ตัวบัดซบ
ปล่อยนาง!” หวังเค่อะโ
ขณะคำราม หวังเค่ออ้าปากกว้าง
“ซูมมมมมมมมมมมมม!”
ปืนใหญ่ลำแสงเลเซอร์บีบอัดจากสัจปราณขุ่นของหวังเค่อพุ่งออกมาจากปาก
แผดเผารอบข้าง ปะทะเข้าใส่กำแพงล่องหน
“พ่นไฟจากปากได้? นี่ ใครมันเป็คนคิดค้นอาคมนี้กัน? เ้าไม่กลัวมันไหม้ปากตัวเองเหรอ?”
บุรุษหนุ่มรูปงามเอ่ยอย่างประหลาดใจ
แน่นอน
ความสามารถพ่นปืนใหญ่เลเซอร์ออกจากปากนี้เป็ทักษะพิเศษส่วนตัวของหวังเค่อ
แต่ทักษะพิเศษกลับไร้ผล
กำแพงล่องหนนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าเพลิงเลเซอร์จะยิงทะลุผ่านไปได้
บรึ้มมมมมม!
ไอร้อนอัคคีแผดไหม้ทั่วทั้งกำแพงล่องหน
ทั้งยังไม่ดับมอด หากกำแพงล่องหนยังคงไม่สะทกสะท้าน
“คาถาเพลิงประหลาด
กำแพงของข้าหมื่นฝุ่นผงไม่อาจแตะ หมื่นวัตถุไม่อาจต้อง
แต่ไฟนี้กลับเผาไหม้ได้เป็เวลานาน?” บุรุษหนุ่มรูปงามฉงนฉงาย
ท่ามกลางความประหลาดใจ
ชายหนุ่มรูปงามทอดตามององค์หญิงโยวเยว่ในอ้อมแขน ก่อนจะลูบศีรษะของนางอย่างเบามือ
เรื่อยระลงมาที่แผลเป็บนใบหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไอ้โจรราคะ เ้ากล้าล่วงเกินคนรักข้า
ข้าจะฆ่าเ้า!” หวังเค่อะโ
ะโไปก็ทุ่มโถมตัวเองเข้าใส่กำแพงอย่างแรง
ตูมมมมม!
หวังเค่อใช้ร่างกายกระแทกกำแพงอย่างรุนแรง
แค่เพียงเห็นยังเจ็บแทน ลักษณะท่าทางเหมือนคนเสียสติ
ส่งผลให้บุรุษหนุ่มรูปงามที่ด้านตรงข้ามต้องขมวดคิ้ว
“เพื่อนางแล้ว
เ้าเสี่ยงชีวิตถึงเพียงนี้?” บุรุษหนุ่มคล้ายหวั่นไหวต่ออากัปกิริยาใช้ร่างทลายกำแพงอย่างบ้าคลั่งของหวังเค่อ
แต่ใครเล่าจะรู้
ในใจของหวังเค่อกลับคิดหน้ามือเป็หลังเท้า
“กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญมารดาเ้า
ลุกขึ้นมาเซ่ เ้าลุกขึ้นมาได้แล้ว บิดาพุ่งชนกำแพงถึงขนาดนี้ ขยับบ้างเถอะ!
ไม่เห็นเหรอว่าข้าเจ็บตัวขนาดไหน? กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญ
เ้าลุกมาฟันไอ้กำแพงบ้านี่ที ฟันไอ้โจรราคะนี่ด้วย!” หวังเค่อคำรามลั่นในใจ
น่าเสียดายที่ไม่ว่าหวังเค่อจะร้อนใจแค่ไหน
กระบี่มหาสุริยันมิดับสูญก็ไม่ยังกระเตื้อง คล้ายมั่นอกมั่นใจว่านายเหนือของมันมิได้มีภัยคุกคามถึงชีวิต
เพียงแค่สมองอาจจะเคลื่อนผิดทิศคิดผิดท่าทำร้ายตัวเองขึ้นมาเท่านั้น
ต่อให้มันกระแทกจนหัวม่วงหูเขียวปูดโปน
เืกำเดาไหลอาบ กระบี่โคตรมหาเทพก็ยังไม่เอ๊ะไม่อ๊ะ
ขณะที่หวังเค่อกำลังกระแทกใส่กำแพงเหมือนคนบ้า
เหนือศีรษะก็พลันมีเสียงดังขึ้น
“หวังเค่อ เ้าทำอะไร?”
เสียงตวาดนั้น
หวังเค่อรับฟังจนแตกตื่นยินดีเหมือนขึ้น์
“ท่านอาจารย์ เป็ท่านเอง?
วิเศษ!” หวังเค่อเริงร่า
เฉินเทียนหยวนที่กลางฟ้าก้าวลงมาบนเรือ
“อาจารย์ เร็ว
รีบเข้าไปจัดการโจรราคะ คนรักของข้าอยู่ในอ้อมกอดมัน มันแย่งคู่ของข้าไป
แย่งภรรยาในอนาคตของลูกศิษย์ท่าน อาจารย์ เร็ว!” หวังเค่อะโด้วยรีบเร่ง
“เ้าเพ้อเจ้ออะไรอยู่?”
เฉินเทียนหยวนจ้องเขม็ง
“อาจารย์ เื่จริงนะ
โยวเยว่ตกลงแล้ว พวกเราเป็คู่บำเพ็ญเพียร ท่านช่วยข้าด้วย
โจรราคะนี่เมื่อครู่ยังลวนลามโยวเยว่ด้วย! ฆ่ามันซะ!” หวังเค่อร่ำร้องขอ
“มันคือบิดาขององค์หญิงโยวเยว่
เ้าพูดอะไรของเ้า?” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงเข้ม
“ต่อให้เป็พ่อก็ไม่ได้ เอ๋?
ท่านว่าอะไรนะ? พ่อ? มัน
มันเป็บิดาของโยวเยว่?” หวังเค่ออ้าปากตะลึงค้าง
“ฟุ่บ!”
บุรุษหนุ่มรูปงามนั้นโบกมือคราหนึ่ง
กำแพงล่องหนอันตรธานวับไป
เฉินเทียนหยวนกวาดตามองรอบข้างอย่างงุนงง
“อาจารย์
ท่านเข้าใจผิดหรือไม่? มันคือบิดาของโยวเยว่? ยังเยาว์วัยปานนี้?” หวังเค่อตะลึงลาน
“อาจารย์จะหลอกเ้าเพื่ออะไร?”
เฉินเทียนหยวนหน้านิ่ง
“ไม่ ไม่ เพียงแต่
เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึง ตอนมาเขาเองก็ไม่ได้พูดซักคำ ทำข้าเหมือนคนบ้า!” หวังเค่อยิ้มขื่น
บิดา งั้นก็ไม่เป็ไร
เมื่อครู่มันตรวจสอบอาการาเ็ของโยวเยว่ ดังนั้นตนเองเข้าใจผิดไป
“เด็กน้อย ขวัญกล้าเทียมฟ้า
ไม่เคยมีใครเรียกข้าว่าโจรราคะมานานแล้ว!” บุรุษหนุ่มรูปงามหัวเราะ
“ท่านพ่อตาสุดยอด
เมื่อครู่ผู้เยาว์ล่วงเกินแล้ว โปรดอภัยด้วย!” หวังเค่อพลันเอ่ยอย่างนอบน้อม
พ่อตา?
เฉินเทียนหยวนมองหวังเค่อสีหน้าประหลาดพิกล
ลูกศิษย์ของมันคนนี้เืกำเดาขึ้นสมองกระมัง? คำอย่างนี้ก็กล้าเรียกด้วย?
“อย่ามาเรียกข้าพ่อตา
ข้ารับไม่ได้ เ้าไม่มีคุณสมบัติพอ!” บุรุษหนุ่มรูปงามส่ายศีรษะ
“เมื่อครู่เป็เื่เข้าใจผิดทั้งสิ้น!”
หวังเค่อพลันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“เ้าไม่ต้องขอโทษ
ข้าเห็นแล้วว่าเ้าเป็ยังไง ข้ามองออกว่าเ้ามีใจให้ธิดาของข้าจริง!”
บุรุษรูปงามส่ายหน้า
“แน่นอน!” หวังเค่อรับคำทันที
“แต่พลังฝีมือเ้าต้อยต่ำเกินไป
ศักดิ์ฐานะต้อยต่ำเกินไป ธิดาของข้าไหนเลยแต่งให้แก่เ้าได้? ดังนั้น ข้าชื่นชมความจริงใจของเ้า แต่ความจริงใจอย่างเดียวนั้นไม่พอ
ธิดาของข้าเพียงตกยากชั่วคราว จากนี้ไปนางจะโบยบินสู่เก้า์
เ้าไม่อาจปีนป่ายตามไปได้! ดังนั้น เลิกล้มความคิดโดยเร็วซะเถอะ!”
บุรุษหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ
หวังเค่ออ้าปากค้างอย่างแตกตื่น
“าุโ ที่บ้านเกิดข้า ส่วนใหญ่แล้วที่มักดูถูกลูกเขยจะเป็แม่ยาย
นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าเห็นพ่อตาเป็อย่างนี้ นี่ไม่ใช่ว่า…!”
เฉินเทียนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชัดเจนว่ามันเองก็ไม่ใคร่พอใจที่บุรุษนี้ไม่เห็นหัวศิษย์ของตน ทว่ายังคงไม่ออกปาก
“ข้าบอกแล้ว
นี่ไม่ใช่ว่าข้าอคติต่อเ้า กลับกัน ข้าชื่นชอบเ้าด้วยซ้ำ ทว่า ชื่นชอบยังไม่พอ
นี่คือธิดาของข้า ไม่มีทางมอบแก่เ้าเพียงเพราะข้าชื่นชอบในตัวเ้า
นางจะโบยบินสู่เก้า์ ที่ที่เ้าตามไปไม่ถึง นี่คือศิลาิญญาหนึ่งล้านก้อน
ลืมธิดาข้าไปซะ!” บุรุษรูปงามโยนกำไลมิติแก่หวังเค่อ
หวังเค่อจ้องมองกำไลมิติอย่างตะลึงงัน
พล็อตละครน้ำเน่าในทีวีบนโลกกึกก้องขึ้นในหัวทันควัน “นี่เงินหนึ่งล้าน
เลิกกับลูกสาวเราซะ?”
“ท่านผู้าุโ เช่นนั้น
ท่านคอยดูข้อดีของข้า ข้าว่า ความรักใช้เงินซื้อไม่ได้หรอก!” หวังเค่อเสียงขรึม
“ไม่จำเป็!
ขอบใจที่ช่วยดูแลธิดาข้า่ที่ผ่านมา! เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าไปล่ะ!”
บุรุษรูปงามปฏิเสธ
“าุโ าุโ
นี่มันตีพรากยวนยางชัดๆ คุยกันก่อนดีหรือไม่! คุยเื่เงินก็ได้
ท่าน้าสินสอดเท่าไหร่ว่ามาได้เลย!” หวังเค่อเอ่ยร้อนรน
บุรุษรูปงามยิ้มพลางส่ายหน้า
จากนั้นมองไปยังเฉินเทียนหยวน “เฉินเทียนหยวน ข้าไปแล้ว ครั้งนี้ช่วยธิดาข้าไว้
ติดหนี้น้ำใจเ้าหนึ่งครั้ง!”
“เกรงใจแล้ว!”
เฉินเทียนหยวนค้อมศีรษะเล็กน้อย
“ลาล่ะ!”
บุรุษรูปงามโอบองค์หญิงโยวเยว่ก่อนเหินขึ้นฟ้า
“นี่ นี่ รอก่อน!”
หวังเค่อะโอย่างร้อนอก
ทว่าบุรุษหนุ่มรูปงามไม่แยแสแม้แต่น้อย
คนกำลังจะลับหายไปในม่านหมอก
“ข้าชื่อหวังเค่อ!”
หวังเค่อะโ
ทว่า
บุรุษหนุ่มรูปงามโอบร่างองค์หญิงโยวเยว่ลับหายไป
หวังเค่อเหม่อมองทะเลหมอกไร้สิ้นสุด
สีหน้าบูดเบี้ยวอัปลักษณ์
“อาจารย์ เขาเป็ใคร? บิดาของโยวเยว่สูงส่งสุดเทียบเทียมปานนี้? เขาเอาคนรักของข้าไปโดยไม่ยินยอม
ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!” หวังเค่อคับแค้นสุดระงับ
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดมากความ
มันมีคุณสมบัติพูดจาเช่นนั้น!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงหนัก
หวังเค่อ “…!”
รักแรกของข้าไม่ทันเริ่ม
วัยหนุ่มของข้าไม่ทันแย้มบาน ก็ต้องมาตกม้าตายกะทันหัน? ยังไม่ทันตั้งตัวเลย ทำไม?
“แล้วนี่ ศิษย์ลัทธิมาร?
ดวงธาตุทองคำ?” เฉินเทียนหยวนมองถงอันอันที่าเ็กระอักโลหิต
ถงอันอันใกล้ตายอยู่รอมร่อ
แต่มันเห็นทุกอย่างเมื่อครู่
“หวังเค่อ เ้าหลอกข้า
เ้าไม่ใช่ทารกแกนิญญา เ้าเป็แค่เซียนเทียนจริงๆ? เ้าโกหก
อั่ก อั่ก!” ถงอันอันกระอักเืชี้นิ้วมาทางหวังเค่อด้วยความสิ้นหวัง
หวังเค่อเพิ่งพยายามอธิบายบอกต่อมันทุกสิ่ง
มันก็แค่ชนชั้นเซียนเทียนที่ตนเองสามารถบี้ตายได้ด้วยนิ้วเดียว
แต่ตัวเองดันขี้ขลาดตาขาวเอง
“ข้าก็บอกแล้วว่าข้าเป็แค่เซียนเทียน
เ้าดันไม่เชื่อข้าเอง!” หวังเค่อโบกไม้โบกมือ
“แถมเ้ายังเป็ศิษย์ฝ่ายธรรมะ
เป็ศิษย์เฉินเทียนหยวนด้วย? จูเยี่ยนไม่ได้หลอกข้า
เ้าต่างหากที่โกหก ทำให้ข้า ทำให้ข้า…อ่อก!” ถงอันอันกระอักเื
“เ้าก็แค่าเ็ทางกาย
แต่ข้าเสียคนรักไป ข้าเจ็บกว่าเ้าตั้งเยอะ!” หวังเค่อเอ่ยเสียงหม่น
ถงอันอันมองดูหวังเค่อผู้ไร้ยางอาย
คนหมดคำพูด ได้แต่กระอักเืออกมาอีก “…!”
แคร่กกกก!
ตอนนี้เอง ลูกปัดห้าเม็ดบนข้อมือของหวังเค่อแตกกระจาย ชัดเจนว่าเมื่อครู่ที่หวังเค่อกระแทกใส่กำแพงล่องหน พลังสัจปราณขุ่นของมันก็เพิ่มพูนอีกครา ลูกปัดไม่อาจสะกดเพลิงในกายไหวอีก
“อาจารย์ ท่านพาข้ากลับพรรคเร็วเข้า ข้าต้องใช้กุศลในกระจกสะกดแสง ไม่งั้นอาจต้องตาย อาจารย์! เร็ว ช่วยศิษย์ด้วย!” หวังเค่อวิงวอน
