เจียงหงหย่วนมีขอบเขตด้านศีลธรรมเป็ของตัวเอง
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็คนดี ลงมือโหดร้ายกับผู้อื่นได้เช่นกัน
แต่ถ้าต้องบีบให้ผู้ใดขายลูกขายภรรยาขายน้องสาวเพื่อทวงหนี้ เขายินดีฆ่าผีพนันให้ตายเสียดีกว่า
“ท่านได้ส่วนแบ่งมาแปดสิบกว่าตำลึง คนผู้นั้นติดหนี้เท่าไรกัน?”
“เกือบสองพันตำลึง” เจียงหงหย่วนตอบ
ครอบครัวนั้นนำที่นาและโฉนดที่ดินไปจำนองจำนวนไม่น้อยเพื่อจ่ายหนี้ให้ลูกชาย เครื่องประดับมีค่าถูกนำไปขายเช่นกัน
สองสามีภรรยาเสียดายเงิน คิดจะเอาลูกสะใภ้ ลูกสาวและหลานสาวไปทดหนี้ ไม่คิดเสียบ้างว่าคนเหล่านี้จะทดหนี้ได้เท่าไรกันเชียว ลูกชายพวกเขาติดหนี้ตั้งสองพันตำลึง!
“สองพันตำลึง?” หลินหวั่นชิวสูดหายใจดังเฮือก เสียเยอะขนาดนี้เชียว?
เจียงหงหย่วนพูดว่า “ครอบครัวนี้ถือว่ามีที่ดินเยอะเช่นกัน แต่ที่บ้านมีลูกชายแค่คนเดียว ตามใจั้แ่เด็ก เ้าหมอนี่ถูกคนหลอกไปติดพนัน ขายสมบัติที่บ้านจนแทบไม่เหลือแล้ว ไม่มีเงินก็กู้จากบ่อน กู้ไปแค่สองร้อยตำลึงแต่ไม่มีคืน ดอกเบี้ยทับถมจนกลายเป็สองพันตำลึง”
“บ่อนเป็ที่กินคนจริงๆ” หลินหวั่นชิวพูด
เจียงหงหย่วนพูดว่า “ไม่มีผู้ใดเอามีดไปขู่ให้พวกเขาเข้าบ่อน ไม่มีผู้ใดบังคับให้กู้เช่นกัน คนที่เข้าบ่อนต่างก็อยากรวยจากการลงทุนเล็กน้อย ชนะได้เงินแล้วอยู่ดีกินดี ละโมบโลภมากเกินไป ไม่คิดบ้างหรือว่าทางบ่อนจะยอมให้พวกเขาชนะ? เ้าของบ่อนไม่ได้โง่ ถ้าทุกคนชนะหมดจะเปิดบ่อนเพราะเหตุใด”
หลินหวั่นชิวพยักหน้าเห็นด้วยกับเจียงหงหย่วน สุดท้ายแล้วเราต้องรู้จักควบคุมตัวเอง
“เ้าเก็บเงินไว้ อยากทำกระไรก็ทำ ข้าอยู่ห้องเ้า เ้าอยู่ห้องข้า” เจียงหงหย่วนบอก
บ่อนกลับมาเปิดทำการในอีกสองวัน เขาต้องกลับดึก
ดึกเกินไปกลัวจะรบกวนภรรยาตัวน้อยนอน
“วางใจเถิด ข้ายังนอนเป็เพื่อนเ้าอีกสองวัน” เจียงหงหย่วนพูดต่อ
“ได้” ดวงตาหลินหวั่นชิวเปียกชื้น นางรู้ว่าอีกฝ่ายอยากนอนกับตัวเองแค่ไหน แต่เขายอมทิ้งความสุขของตัวเองเพราะกลัวกลับดึกแล้วจะรบกวนนาง
บุรุษผู้นี้ภายนอกหยาบเหมือนกระดาษทราย ใจเล็กละเอียดดุจปลายเข็ม
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเ้าช่วยเก็บกวาดหน่อยนะ ข้าจะพาหงป๋อไปคุยเื่ฝากตัวเป็ศิษย์กับท่านหมอฉู่” เจียงหงหย่วนพูดต่อ
“อื้ม เชิญพวกท่านเถิด” หงป๋อฝากตัวเป็ศิษย์ นี่ถือเป็เื่ใหญ่
กินข้าวเสร็จ หงป๋อนั่งรถล่อออกจากบ้านกับเจียงหงหย่วนอย่างดีใจ บนรถมีหนังสัตว์สองมัดกับหนังเสือหนึ่งผืน
สองพี่น้องไปตลาดหนังสัตว์ก่อน เป็ตามที่เจียงหงหย่วนคาด ฤดูนี้หนังสัตว์ราคาดีมาก เนื่องจากเข้าหน้าหนาวแล้วจึงมีคนอยากทำชุดหนังสัตว์หลายคน
ขายหนังสัตว์เสร็จ สองพี่น้องซื้อขนมกับผลไม้แล้วไปบ้านท่านหมอฉู่
คนเฝ้าประตูได้ยินว่าเจียงหงหย่วนนำน้ำมันกระดูกเสือมาก็รีบไปรายงาน ไม่นานก็พาทั้งคู่เข้าไป
เจอหน้าแล้วทักทายพอเป็พิธี เจียงหงหย่วนนำน้ำมันกระดูกเสือออกมา หมอฉู่ดูแล้วยิ้ม “ของดี ไม่เลวๆ! เหล่าเฉิน ไปเอาเงินมาให้น้องเจียง”
“ไม่ต้องให้เงิน!” เจียงหงหย่วนรีบพูด
หมอฉู่มองเจียงหงหย่วนอย่างไม่เข้าใจ เจียงหงหย่วนพูดตรงเข้าประเด็น “น้องชายข้าชอบศึกษาวิชาแพทย์ อยากกราบท่านเป็อาจารย์”
รอยยิ้มบนหน้าหมอฉู่หายไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น
เจียงหงป๋อที่กำลังประหม่าและรอคอยเห็นภาพนี้ก็ใจเต้นผิดจังหวะ
“ข้าเลิกรับศิษย์แล้ว” หมอฉู่ตอบ “น้ำมันกระดูกเสือนี้เป็ของดี หากเ้ายินดีขาย ข้าจะให้หนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง แต่ถ้าไม่อยากขายก็ช่างเถิด”
“ตกลง ข้าขายน้ำมันกระดูกเสือให้ แต่ไม่ต้องจ่ายถึงร้อยแปดสิบตำลึง ให้ราคาตามตลาดเป็พอ”
อีกฝ่ายไม่ยินยอม เจียงหงหย่วนย่อมไม่บังคับ
หมอฉู่นึกไม่ถึงว่าเจียงหงหย่วนจะยอมแพ้ง่ายเช่นนี้ เขาคิดว่าเจียงหงหย่วนจะพูดอ้อนวอนอีกสองสามประโยคเสียอีก เื่นี้ทำให้เขาประทับใจอีกฝ่ายขึ้นหลายส่วน
ส่วนเจียงหงป๋อ ทั้งที่เด็กคนนี้มีสีหน้าคาดหวังตอนมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ตอนนี้สีหน้าจะมีความผิดหวังเช่นกันแต่ก็ไม่เสียมารยาท เป็เด็กที่รู้ความเช่นกัน
เพียงแต่ เขาไม่อยากรับศิษย์แล้วจริงๆ
นึกถึงศิษย์สามคนก่อนหน้าที่เคยรับแล้วมองขาที่พันผ้าของตัวเอง แววตาเขาก็มืดมนลง
เจียงหงป๋อจับสีหน้าหมอฉู่ได้ หลังออกมาจากบ้านหมอฉู่ เขาพูดกับเจียงหงหย่วนว่า “ต้าเกอ ข้ารู้สึกว่าสีหน้าท่านหมอฉู่ดูแปลกๆ ตอนพูดเื่รับศิษย์ เหมือนจะเสียใจมาก”
เจียงหงหย่วนได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “วันนี้พวกเรามากะทันหันเกินไป ข้าจะลองไปสอบถามดูก่อน เื่นี้เ้าไม่ต้องคิดมาก หมอฉู่ไม่รับก็ไปเรียนจากผู้อื่น”
“อื้ม” เจียงหงป๋อตอบ เขาอยากเรียนวิชาแพทย์ แต่อยากเรียนเพื่อลดภาระให้ครอบครัว ไม่ใช่เพิ่มภาระ
แต่สุดท้ายพวกเขากลับถูกปฏิเสธ พวกเขารู้จักหมอฉู่ เขาเป็หมอที่มาจากกรมหมอหลวง เรียนแพทย์ทั้งที ผู้ใดจะไม่อยากเรียนกับอาจารย์ที่ปราดเปรื่องบ้าง?
หลังจากหลินหวั่นชิวรู้เื่นี้ตอนกลับถึงบ้านก็กลับเข้าห้อง นางซื้อแผนภาพร่างกายมนุษย์ แผนภาพกายวิภาค แผนภาพอวัยวะภายใน ภาพระบบเส้นเืและประสาทต่างๆ จากเสียนอวี๋ จากนั้นโยนเข้าห้องหัตถการ เลือกวาดด้วยมือ ใช้อักษรจีนตัวเต็ม…พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมามาก
นางเชื่อว่าถ้าหมอฉู่ฝักใฝ่ในวิชาแพทย์ เขาปฏิเสธแผนภาพกองนี้ไม่ลงเป็แน่!
เจียงหงหย่วนสอบถามถึงสาเหตุที่หมอฉู่ไม่รับศิษย์เรียบร้อยเมื่อไร นางจะพาเจียงหงป๋อไปพบหมอฉู่ทันที
หมู่บ้านเค่าซาน
บ้านตระกูลสวี
สวีฝูเบิกตาโพลง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“กระไรนะ…ห้าร้อยตำลึง?”
สวีเต๋อเซิ่งพยักหน้าอย่างขมขื่น “ขอรับท่านพ่อ มีคนลอบเล่นงานข้า นายอำเภอจะเอาเงินหนึ่งพันตำลึงถึงจะยอมช่วยจัดการเื่นี้ อีกห้าร้อยตำลึงพ่อตาช่วยออก แต่ห้าร้อยที่เหลือพวกเราต้องออกเอง ท่านพ่อ เหลือูเาทั้งลูก ไม่ต้องกลัวไร้ฟืนเผา ขอเพียงข้ายังเป็นักการอยู่ย่อมหาเงินได้ งานที่บ่อนของเหล่าเอ้อร์ก็จะมั่นคงเช่นกัน ท่านก็รู้ว่าทั้งงานของข้าและเหล่าเอ้อร์ต่างก็มีรายรับ หากครั้งนี้ข้าล้ม งานของเหล่าเอ้อร์ก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านของท่านต้องจบสิ้นเช่นกัน”
ก็ใช่น่ะสิ!
สวีฝูถึงได้กลุ้มไง!
ห้าร้อยตำลึงเลยนะ!
ครอบครัวเขายังไม่ทันยึดบ้านเจียงหงหย่วนสำเร็จก็ต้องเสียห้าร้อยตำลึงเสียแล้ว นี่จะฆ่าเขาชัดๆ!
หนำซ้ำ เขาก็ไม่มีเงินสดเยอะขนาดนั้น!
“ท่านพ่อ ท่านพอจะช่วยได้เท่าไร? ถือเสียว่าลูกยืม เื่นี้จะมัวชักช้าไม่ได้ อย่างช้าสุดต้องมอบเงินให้นายอำเภอวันพรุ่ง เพราะเงินนี้ไม่ได้ให้นายอำเภอคนเดียว แต่ต้องส่งไปหน่วยพิทักษ์ด้วย อุดปากใต้เท้าไป่ฮู่ นี่เป็เื่ใหญ่ พัวพันไปถึงหน่วยพิทักษ์ มีคนตายหกคน หกคนนี้สนิทกับข้า คอยแอบทำงานส่วนตัวให้ข้า ท่านพ่อ หากข้ามีหนทางคงไม่กลับมาร้องไห้กับท่าน!”
