บทที่ 76 คุณธรรม
“หนีไป!” ฉู่อวิ๋นะโ จากนั้นหันหลังกลับและวิ่งไปที่โรงเตี๊ยมทันที
เมื่อครู่นี้ เขาใช้กำแพงมนุษย์เพื่อบังสายตาเริ่นอวี่สิงที่กำลังจะมาถึง จากนั้นก็โจมตีเริ่นหู่บนท้องฟ้า ณ ตอนนั้น เขาถือกระบี่ไว้ในมือขวา ใช้กระบวนท่าดาราร่วงไร้รอยฟาดออกไป
เมื่อเริ่นอวี่สิงมองเห็นเริ่นหู่ที่อยู่กลางอากาศ ฉู่อวิ๋นก็ฟันสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างรวดเร็วราวกับแสงดาวตก!
แน่นอนว่าตอนที่มีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ออกมา เริ่นหู่ที่เริ่นอวี่สิงใกล้จะถึงตัวก็โดนแทงที่หน้าอกเสียก่อน นี่ทำให้เริ่นอวี่สิงตกตะลึง สร้างโอกาสให้ทุกคนหลบหนี!
แม้ว่าทุกคนจะยังคงใในตอนแรก แต่พวกเขาก็รู้สึกตัวได้ทันทีหลังจากที่ถูกฉู่อวิ๋นะโใส่ ก่อนจะหันหลังกลับและหนีไปที่โรงเตี๊ยม
คล้ายพวกเขากำลังเดินผ่านประตูนรกและรู้สึกราวกับว่ากำลังเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็แอบชื่นชมฉู่อวิ๋นอยู่ลึกๆ ชายหนุ่มคนนี้สามารถคิดแผนการอันชาญฉลาดใน่เวลาวิกฤติเช่นนี้ได้!
“ฟุ่บ ฟุ่บ” คนของกลุ่มัเหล็กเป็เหมือนฝูงนกที่ะโข้ามหลังคาอย่างรวดเร็ว
“จอมยุทธ์ฉู่ เ้าฉลาดมาก!” เฟิงเยี่ยนวิ่งไปจนสุดทางและยกนิ้วให้ฉู่อวิ๋น เขาเป็คนฉลาด ดังนั้นจึงสามารถเข้าใจกลยุทธ์ในการล่อลวงศัตรูได้อย่างดี
“ก็แค่บังเอิญน่ะ! ถ้าเมื่อครู่ที่รองหัวหน้าใช้พลังทั้งหมดในการะโขึ้นไปบนอากาศ การเคลื่อนไหวของข้าก็คงจะไร้ผล!” ฉู่อวิ๋นปาดเหงื่อเย็นๆ และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับก้าวเงาบิน
หากเมื่อครู่เริ่นอวี่สิงมาถึงทันเวลาแล้วป้องกันรุ้งดาวตกได้ เขาคงไม่อยู่ในสถานการณ์เศร้าโศก แต่จะกลายเป็โกรธเกรี้ยว เข่นฆ่าไม่เลือกหน้า ใครก็หนีไม่พ้นเสียมากกว่า
โชคดีคือ เขาช้าไปหนึ่งก้าวและฉู่อวิ๋นเร็วกว่าหนึ่งก้าว
“นี่นี่ รีบหนีสิ! เ้าเฒ่านั่นกำลังตามมาแล้วนะ!” มู่หรงซินเตือนโดยอุ้มเสี่ยวหวงไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
“ปัง ปัง ปัง——”
ข้างหลังพวกเขาได้ยินเสียงบ้านเรือนพังทลาย กำแพงหินแตกละเอียด เสียงกัมปนาทกึกก้องน่ากลัวดังตามมา
ฉู่อวิ๋นหันกลับไปมองและเห็นว่าไม่ไกลจากข้างหลัง มีเริ่นอวี่สิงที่กำลังอุ้มศพของเริ่นหู่อยู่ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและท่าทางบ้าคลั่ง พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับสัตว์ปีศาจดุร้าย
ทุกก้าวที่เหยียบย่ำ บ้านหลังหนึ่งก็จะพังครืนลง อยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูอย่างยิ่ง
“ผู้แข็งแกร่งขั้นมหาสมุทรไม่ธรรมดาจริงๆ! วิ่งเร็วเข้า! ไม่ช้าเขาจะตามทันแล้ว!” ฉู่อวิ๋นะโ ทำให้ทุกคนเร่งความเร็วขึ้นอีกและวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
นักรบระดับสี่ขั้นมหาสมุทรเร็วกว่าฉู่อวิ๋นและพรรคพวกอย่างแน่นอน พวกเขาทำได้แค่รีบหนีไปที่โรงเตี๊ยมก่อนที่เริ่นอวี่สิงจะตามทันและขอให้หัวหน้ากลุ่มซ่งอี้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
มิฉะนั้น ทุกคนจะถูกฆ่า ไม่เหลือโอกาสให้รอด!
“พวกเ้า... ตายเสีย... ตายเสียให้หมด!!!” จู่ๆ เริ่นอวี่สิงก็ก้าวไปข้างหน้า เร่งความเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับสิงโตบ้าคลั่งที่พุ่งเข้ามาหา
“ปัง ปัง ปัง——”
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง หลายเงาร่างวาบวับ บ้านเรือนถูกทำลาย รวมทั้งร่างเงาดำสูงใหญ่ที่ไล่ตามมาด้วยแรงกดดันอันหนักอึ้ง ทำให้หมู่บ้านหงอู้ทั้งหมดตกอยู่ในความตื่นตระหนก
“ตายซะ!!!”
ในชั่วพริบตา เริ่นอวี่สิงก็ก้าวมาอีกสองสามก้าว เขาเหยียดมือขวาออกและปล่อยหมัดออกไปในอากาศ
“ฟุ่บ--”
เงาหมัดนี้เปรียบเสมือนหมาป่าที่กำลังกลัดมัน เต็มไปด้วยพลังปราณ พยายามจะฆ่าคนที่วิ่งอยู่รั้งท้ายกลุ่ม
“เ้าอย่าแม้แต่จะคิด!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงเยี่ยนก็กัดฟัน ผ่อนแรงวิ่งและรวบรวมพลังปราณ ปรากฏมีดบินขึ้นข้างหลังเขา
“ใบไม้บินสังหาร!”
“ควั่บ!”
เฟิงเยี่ยนขยับมือเข้าหากัน มีดบินขนาดเล็กเย็นเฉียบสองเล่มก็โผล่ออกมาจากข้อมือของเขา และบินไปข้างหลัง ปะปนไปกับสายลม ปะทะกับหมัดเงาหมาป่า
“ตูม!”
ทันใดนั้น พลังหมัดก็อ่อนลงอย่างมาก พร้อมกับมีดบินทั้งสองที่แตกเป็เสี่ยงๆ ทำให้คลื่นอากาศพุ่งสูงขึ้น ด้วยความใทำให้เฟิงเยี่ยนกระเด็นไปข้างหลัง ทั้งยังได้รับาเ็ พลังที่เหลือของหมัดปะทะเข้ามา ทำให้เขาไอออกมาเป็เื
เมื่อหันหลังไป ฉู่อวิ๋นก็ต้องใเมื่อเห็นว่าเฟิงเยี่ยนได้รับาเ็ เขาเดินไปข้างเฟิงเยี่ยนและพยุงให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ออกตัววิ่งอีกครั้ง แต่กลายเป็ว่าทั้งสองคนกลายมาอยู่รั้งท้ายกลุ่มแทน
“เ้ารีบหนีไป! แค่ก...ไม่ต้องสนข้า!” แม้ว่าเฟิงเยี่ยนเคลื่อนไหวได้เร็วเพราะมีฉู่อวิ๋นคอยช่วย แต่เขาาเ็สาหัสเกินไป ฝีก้าวหนักราวถ่วงเหล็ก ตามกลุ่มไปไม่ทันแน่
“อย่าพูดเื่ไร้สาระ รีบไปที่โรงเตี๊ยมก่อน!” ฉู่อวิ๋นคว้าเฟิงเยี่ยนไว้แน่น กอดคอไว้ แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวปีศาจบินข้ามท้องฟ้า เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นทั้งแน่วแน่และจงรักภักดี เฟิงเยี่ยนก็ยกยิ้ม ชายหนุ่มคนนี้คู่ควรกับมิตรภาพที่หยิบยื่นให้ คุ้มค่ากับการฝากชีวิต!
ถ้าเป็นักรบคนอื่น พวกเขาคงหนีไปนานแล้ว ไหนเลยจะมาสนใจชีวิตเป็ตายของเฟิงเยี่ยน?
“เ้ากล้าฆ่าน้องชายข้า ต่อให้เ้าหนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่มีทางหนีพ้น! ย๊า!”
เริ่นอวี่สิงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาเหยียดมือข้างหนึ่งออกและสร้างผนึกที่ซับซ้อนหลายอันขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้น หมัดเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น พร้อมทั้งแรงกดดันอันท่วมท้นและด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
“คชสารทลายดิน!”
เริ่นอวี่สิงะโอย่างโกรธเกรี้ยว เหยียดมือออกและโจมตีความว่างเปล่า พลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้น เงาหมัดขนาดใหญ่พุ่งออกมา คล้ายจะทำลายท้องฟ้าเบื้องบน!
“ปัง ปัง ปัง——”
แสงหมัดนั้นเหมือนกับช้างนับร้อยที่เหยียบลงบนพื้น ก่อให้เกิดเสียงดังกัมปนาท มันรวดเร็วและทรงพลังกว่าแสงหมัดเงาหมาป่าเมื่อครู่นี้อีก!
“ท่านี้รุนแรงเกินไป! เ้ารีบไป!” เฟิงเยี่ยนผลักฉู่อวิ๋นออกไปและคิดจะใช้ร่างของตนเองต้านเอาไว้
“เวรเอ๊ย!”
ฉู่อวิ๋นสบถด่าอย่างรุนแรง กระบี่ชื่อยวนพาดผ่านท้องนภา ดวงดาราแปรผันและดาราร่วงไร้รอยโจมตีออกมาอีกครั้ง
“ควั่บ!”
รุ้งดาวตกะเิออกมา สาดแสงสีม่วงสว่างเรืองรอง และฟันเข้าหาแสงหมัดเงาช้าง!
ใน่เวลาหนึ่ง รุ้งศักดิ์สิทธิ์ต้านทานแสงจากหมัดได้เพียงชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็แตกสลายกระจายสิ้น และหายไปในทันที
แม้ว่ากระบวนท่ากระบี่ของฉู่อวิ๋นจะทรงพลัง แต่จะสู้ได้ดีก็ต่อเมื่อปะทะกับนักรบระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นมหาสมุทรเขายังฝืนอยู่มาก และแทบหาโอกาสชนะไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น เริ่นอวี่สิงผู้นี้ยังเป็ผู้แข็งแกร่งระดับสี่ในขั้นมหาสมุทร แข็งแกร่งกว่าผู้เฒ่าเหยา ผู้าุโหก และผู้เฒ่าคนอื่นๆ เสียอีก!
“ตูม—“
เงาช้างพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว พลังของมันสั่นะเืพื้นดิน ฝุ่นควันตลบอบอวลขึ้นไปบนท้องฟ้า คล้าย้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง!
“แย่แล้ว!” เมื่อมองดูแสงหมัดที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ข้างหลัง ฉู่อวิ๋นก็ไม่อาจหลบเลี่ยงหรือป้องกันมันได้เลย
“ฉู่อวิ๋น!” ข้างหน้า มู่หรงซินกำลังจะมาถึงโรงเตี๊ยม แต่เมื่อหันกลับไป นางเห็นฉู่อวิ๋นที่ตัวเล็กลีบเหมือนมดกำลังเผชิญหน้ากับเงาหมัดที่สูงใหญ่กว่าสิบหมี่ ในใจรู้สึกเ็ปบีบรัด ก่อนจะะโเรียกเขาเสียงดัง
“ตายซะ!!”
เมื่อเห็นว่าแสงหมัดกำลังจะฆ่าฉู่อวิ๋นได้ เริ่นอวี่สิงก็ยกยิ้มโเี้และเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เขา้าหั่นฉู่อวิ๋นออกเป็พันๆ ชิ้น
“ให้ตายเถอะ! สู้ตายแล้ว!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นมุ่งมั่น เขาผลักเฟิงเยี่ยนไปทางโรงเตี๊ยมแล้วหันกลับมายกกระบี่ชื่อยวนขึ้นปะทะกับหมัดเงาช้างที่ทรงพลังนี้!
ยามนี้ ต่อหน้ากำปั้นขนาดใหญ่ มีร่างหนึ่งหยัดยืนอย่างหนักแน่น แม้ว่าจะดูเล็กจ้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความพยายาม
“ตึง!”
แสงหมัดคล้ายช้างนับร้อยพังทลายพื้นดิน เมื่อก้าวเดินก็ทำให้พื้นดินแหลกลาญ ควันฝุ่นปลิวว่อนไปทั่วทุกที่ ส่งเสียงดังสนั่นหนวกหู
ครู่ต่อมา แสงหมัดกำลังจะมาถึง ฉู่อวิ๋นเผยสีหน้าเหี้ยมโหด พลังปราณของเขาพุ่งสูงขึ้น เขายกกระบี่ขึ้นในแนวนอนพลางะโเสียงดัง!
“ย๊า!--”
ใน่เวลาอันตราย
“ตึง!--”
ทันใดนั้น เมื่อหมัดเงาช้างกำลังจะโจมตี ก็เกิดเสียงคำรามมาจากระยะไกล จากนั้น เงาดาบก็ฟันออกไปทั่วท้องฟ้า แสงดาบคล้ายสิงโตเ้าป่าดุร้าย กระทบกับแสงหมัดที่พุ่งเข้ามาหาฉู่อวิ๋น
“ตึง!”
มีเสียงดัง และแสงเย็นๆ สาดส่องขึ้นมา แสงกระบี่แตกละเอียด แสงหมัดเงาช้างเหมือนกับสิงโตป่ากระหายเื พลังนั้นช่างน่ากลัว
หลังจากนั้น ก็มีร่างหนึ่งลากดาบั์แล้วะโข้ามหลังคามายืนอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น คือหัวหน้ากลุ่มัเหล็ก ซ่งอี้!
“เชอะ ข้าก็คิดว่าเป็คนไร้ยางอายที่ไหนมารังแกสหายน้อยของกลุ่มข้า ที่แท้ก็เป็เ้า!” ซ่งอี้ปักดาบเล่มใหญ่ลงบนพื้นพร้อมขมวดคิ้วแน่น และพูดกับเริ่นอวี่สิงอย่างเ็า
“หึ! ซ่งอี้ อย่าสอดเื่ของคนอื่น! เ้าหนุ่มนั่นฆ่าน้องชายข้า วันนี้ข้าจะบดขยี้มันให้แหลก!” เริ่นอวี่สิงพูดอย่างจริงจัง
แต่เขาไม่ได้ก้าวเท้าต่อไปข้างหน้า ทำเพียงยืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้า เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็กลัวซ่งอี้อยู่บ้าง
“น่าขัน! เริ่นหู่มาฆ่าข้าได้แต่ข้าไม่มีสิทธิ์ป้องกันตัวหรือ? เหตุผลบ้าอะไร?!” ฉู่อวิ๋นโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมและะโด้วยเสียงทุ้ม
“พล่ามบ้าอะไร!” เริ่นอวี่สิงชี้ไปที่ฉู่อวิ๋นและก่นด่าอย่างโกรธเคือง “เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร?! เป็แค่นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ที่นี่มีสิทธิ์ให้เ้าพูดหรือ?”
เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นก็เยาะเย้ยและพูดว่า “น่าขันนัก! น้องชายเ้าเริ่นหู่เองก็ไม่ใช่นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณหรือ? ทั้งยังระดับสูงกว่าข้าด้วย แต่สุดท้ายก็โดนข้าฆ่าตายนี่ เกรงว่าคนที่ไม่มีสิทธิ์พูดที่สุดจะเป็เขานะ...”
“ปากคอเราะร้ายนัก! ตายเสีย!”
เริ่นอวี่สิงโกรธกับคำพูดของฉู่อวิ๋นไม่น้อย พลังหมัดของเขาเปล่งแสง ปรากฏรังสีสังหารออกมาอย่างชัดเจน
“พอแล้ว!”
ตอนนี้เอง ซ่งอี้ก็ะโขึ้น ทำให้ทุกคนเงียบลง
เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกพวกเขาออกแล้วกล่าวว่า “กลุ่มหมาป่าของเ้าอยากปล้นฆ่าจอมยุทธ์ฉู่ ยังพูดได้ดูทรงเกียรติเช่นนี้อีก? เ้าทำให้นักรบรับจ้างในใต้หล้าต้องอับอายแล้วจริงๆ!"
“วันนี้ข้า ซ่งอี้ ขอพูดสักสองประโยค จอมยุทธ์ฉู่เป็สมาชิกของกลุ่มัเหล็กเรา ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเขาก็เท่ากับเป็การหยามหน้าพวกเราทั้งกลุ่ม! พวกเราพร้อมสู้ตายแต่จะไม่ยอมถอยให้เด็ดขาด!”
“ควั่บ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ฮึกเหิมขึ้น พากันไปยืนอยู่ข้างหลังฉู่อวิ๋นพร้อมปล่อยแรงกดดันออกมาอย่างท่วมท้น
มู่หรงซินเองก็รีบวิ่งไปข้างหน้าไปยืนข้างฉู่อวิ๋น มองเริ่นอวี่สิงด้วยสายตาเ็า
“ฮ่าๆ ซ่งอี้ เ้ากำลังพยายามปกป้องเ้าหนุ่มนั่นอยู่หรือ?! ไม่กลัวกลุ่มหมาป่าของเราจะมาแก้แค้นหรือ?!” เริ่นอวี่สิงขมวดคิ้วด้วยความเกลียดชัง เมื่อเขาเห็นกลุ่มัเหล็กรวมตัวกัน มือที่อุ้มเริ่นหู่เอาไว้ก็กระชับแน่น ดวงตาฉายแววน่าสะพรึงกลัว
“หึ กลุ่มหมาป่าของเ้าก็เป็เพียงแค่กองโจร เหตุใดข้าซ่งอี้ต้องกลัวพวกเ้าด้วย? วันนี้ หากเ้า้าฆ่าฉู่อวิ๋นก็เข้ามาได้เลย! แต่ข้ารับรองได้เลยว่าเ้าเองก็จะต้องตายอย่างอนาถเช่นกัน!” ซ่งอี้กวัดแกว่งดาบั์ให้เล่นแสง ตัวดาบแวบวาบ มองดูหนักอึ้งและคมกริบ
เริ่นอวี่สิงหรี่ตาลงและกัดฟัน แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าฉู่อวิ๋นล้างแค้นให้เริ่นหู่ แต่เขาเป็เพียงนักรบระดับสี่ขั้นมหาสมุทร ยังห่างกับซ่งอี้อีกหนึ่งระดับ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่งอี้ยังมีฐานะที่โดดเด่นในหมู่นักรบระดับห้าของขั้นมหาสมุทร ดาบั์นั่นสังหารผู้คนนับไม่ถ้วน เป็ดั่งกรงเล็บของัเหล็ก น่ากลัวไม่น้อย
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เริ่นอวี่สิงก็ได้แต่จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นอย่างเคียดแค้น ความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า และะโ “หึ! กลุ่มัเหล็กของเ้าข้าจำเอาไว้แล้ว! เ้าหนูต่อไปเดินทางก็ระวังตัวหน่อย! ถ้าเดินผิดซอยเข้า แม้แต่ซ่งอี้ก็ปกป้องเ้าไม่ได้!”
หลังจากพูดจบ เริ่นอวี่สิงก็กระทืบเท้าลงกับพื้นแล้วทะยานออกไป โดยมีร่างของเริ่นหู่อยู่ในอ้อมแขน
“เอาล่ะ ไม่เป็ไรแล้ว กลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นเริ่นอวี่สิงจากไปแล้ว ซ่งอี้ก็หันกลับมาและบอกด้วยเสียงทุ้มลึก ทำให้ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หัวหน้าซ่ง ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ของท่านมาก ข้าซาบซึ้งนัก!” ฉู่อวิ๋นเก็บกระบี่ชื่อยวนกลับ แล้วประสานมือขอบคุณซ่งอี้ หากเมื่อครู่ซ่งอี้มาไม่ทัน เกรงว่าเขาคงจะถูกฆ่าไปแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจ ตราบใดที่เ้าเป็สมาชิกของกลุ่มัเหล็ก เราก็เป็พี่น้องกัน พวกเ้าว่าใช่หรือไม่?! ฮ่าๆ!” ซ่งอี้ยกดาบขึ้นและหัวเราะอย่างวางโต ทำให้นักรบทุกคนฮึกเหิมด้วยความตื่นเต้น
“กลุ่มัเหล็ก!”
“กลุ่มัเหล็ก!”
ทุกคนส่งเสียงร้องและะโไปรอบๆ ฉู่อวิ๋น เมื่อครู่พวกเขาได้เห็นตอนที่ฉู่อวิ๋นช่วยเฟิงเยี่ยนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองแล้ว เขามีคุณธรรมมาก
ยามนี้เองที่ทุกคนรวมถึงเฟิงเยี่ยน เริ่มถือว่าฉู่อวิ๋นเป็สหายร่วมกลุ่มที่แท้จริงแล้ว!