บทที่ 96 มันไม่ยุติธรรมกับเธอ
จากห้องข้างๆ ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกใหม่อีกแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมดังกว่าเดิมซะอีก
ช่างเป็การเปรียบเทียบที่ขัดแย้งกับความเงียบสงบในบ้านที่ติดกันอย่างสิ้นเชิง
ลู่จิ่งซานเสียใจทันทีที่ะโออกไป แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ปิดตาแล้วเข็นรถไปที่หน้าต่าง เหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังที่เ็าและเด็ดเดี่ยวให้สวี่จือจือ
เสียงคำรามต่ำๆ ของลู่จิ่งซานก็ดังพอที่จะรบกวนคนในตระกูลลู่ที่คอยจับตาดูสองสามีภรรยาคู่นี้อยู่ข้างนอกบ้าน
ลู่จิ่งเหนียนรีบเปิดประตู ตามมาด้วยลู่ซือหยวนที่เข็นคุณนายลู่เข้ามา ทุกคนกรูกันเข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นภาพในห้อง ทุกคนถึงกับตะลึงงัน โดยเฉพาะใบหน้าที่ถมึงทึงของลู่จิ่งซาน ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะขนลุก
สวี่จือจือถูกเขาดุซบอยู่ข้างเตียงด้วยความน้อยใจ เมื่อเห็นคุณนายลู่เข้ามา น้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้หญิงชราเป็ห่วงแทบแย่
หญิงชราเรียกอีกฝ่ายด้วยคำหวานพลางกวักมือให้เข้าไปหา “อย่าร้องไห้เลยนะ เด็กดี อย่าร้องไห้ ย่าอยู่นี่แล้ว” แล้วก็ดุด่าลู่จิ่งซาน “เ้าคนไม่เอาไหน ยังไม่รีบมาขอโทษเมียแกอีก! แกต้องปรับปรุงนิสัยเสียๆ ของแกซะ” หญิงชราพูดเสียงดัง “หนูจือจือของฉันเป็เด็กดีขนาดนี้ ย่าจะตีเขาให้เอง”
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือชี้ไปที่แผ่นหลังของลู่จิ่งซานแล้วฟ้อง “เขา...เขาไม่ชอบหนู เขาต้องมีคนที่ชอบพออยู่ที่ทำงานแล้วแน่ๆ ถึงได้กลับมาแล้วรีบไล่หนูไป”
“ผมเปล่านะ”
“อะไรนะ?” คุณนายลู่มองลู่จิ่งซานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหน้าดำคล้ำลง
หลานชายขาเป๋กะทันหัน แม้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำอำเภอจะรับประกันว่าไม่มีอะไร แต่ตัวเธอเองก็เคยขาเจ็บมาก่อน จะไม่เข้าใจเื่พวกนี้ได้ยังไง?
หลานชายเป็คนเข้มแข็ง ถ้าไม่เจ็บหนักจริงๆ เขาจะยอมนั่งรถเข็นได้ยังไง ถึงจะต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยยืน เขาก็จะไม่ยอมนั่งรถเข็น ดังนั้นั้แ่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอก็กังวลมาตลอด กลัวว่าทั้งคู่จะมีเื่ผิดใจกัน
คนเราเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ความจริงเธอเป็ห่วงมากกว่าว่าสวี่จือจือจะรังเกียจหลานชายตัวเอง ถึงแม้ว่าในสายตาของหญิงชรา ลู่จิ่งซานจะพิการไปแล้ว เขาก็ยังเป็หนุ่มที่เก่งที่สุดในประชาคมชีหลี่
แต่ปัญหาคือสาวบ้านไหนอยากจะแต่งงานกับคนพิการขาเป๋?
หญิงชราเป็กังวลมาโดยตลอด เดี๋ยวก็กลัวว่าสวี่จือจือจะรังเกียจลู่จิ่งซาน เดี๋ยวก็เสียใจที่ตอนนั้นไม่ใจแข็งให้ทั้งคู่เข้าหอกันไปเลย ตอนนี้สวี่จือจือยังเป็สาวบริสุทธิ์อยู่ ถ้าอีกฝ่ายจะไปเธอก็ห้ามไม่ได้
แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ก่อเื่จะเป็หลานชายที่เธอภาคภูมิใจที่สุด หญิงชราโกรธขึ้นมา แล้วก็ลงมือฟาดไม้เท้าในมือลงไปทันที ลู่จิ่งซานรับไปเต็มๆ
“คุณย่า”
“คุณแม่”
ทุกคนในห้องใ
สวี่จือจือไม่คิดว่าหญิงชราจะโกรธขนาดนี้ ถึงกับลงไม้ลงมือ
“คุณแม่” ลู่หวยไห่พูดอย่างระมัดระวัง “อย่าโกรธจนเสียสุขภาพเลยครับ จิ่งซานยังเจ็บขาอยู่นะ ทำไมถึง...”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็ไม่กล้าพูดต่อ สีหน้าของหญิงชราดุดันน่ากลัวเกินไป
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือย่อตัวลงจับมือคุณนายลู่แล้วพูด “อย่าโกรธเลยค่ะ ตอนนี้เขาแค่ดื้อ หนูไม่ถือสาหรอกค่ะ”
“เด็กดี” คุณนายลู่พูดด้วยความสงสาร “ย่าขอบใจเธอมาก แต่ย่ารับประกันได้เลยว่าในใจของเ้าหนูนี่ไม่มีใครอื่นแน่นอน”
สวี่จือจือไม่ได้พูดอะไร เมื่อกี้เธอจงใจพูดแบบนั้นเท่านั้น
“พวกแกออกไปให้หมดเถอะ” หญิงชราถอนหายใจแล้วพูด “ส่วนเ้าเด็กดื้อด้านนี่ เดี๋ยวฉันจะคุยกับเขาเอง”
ลู่หวยไห่ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จ้าวลี่เจวียนห้ามเอาไว้
“คุณย่า” เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ลู่จิ่งซานก็ก้มหน้าแล้วพูดอย่างขมขื่น “เดิมทีมันก็เป็ความผิดพลาด ตอนนี้ก็แก้ไขความผิดพลาดนี้ให้ถูกต้องก็เท่านั้นเอง”
“เ้าคนไม่เอาไหน!” ความโกรธที่เพิ่งสงบลงของหญิงชราก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ถือไม้เท้าแล้วอยากจะตีอีกครั้ง แต่สุดท้ายเมื่อเห็นสภาพของเขาก็อดสงสารไม่ได้ “ทำให้ย่าโมโหแทบตายแล้ว”
“แบบนั้นมันก็ดีกับเธอด้วย” ลู่จิ่งซานพูด “คุณย่าครับ ผมขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง ทำให้คุณย่าต้องเป็ห่วง”
“เ้าเด็กคนนี้” คุณนายลู่ทั้งเสียใจทั้งเศร้า “ทำไมแกถึงได้ลำบากขนาดนี้นะ?”
เดิมทีคิดว่าได้สวี่จือจือมาเป็สะใภ้เป็เด็กดีคนหนึ่ง ในที่สุดหลานชายก็มีคนที่คอยดูแลเอาใจใส่ เธอจะได้หลับตาได้อย่างสบายใจ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเื่แบบนี้
“แกนี่นะ!” หญิงชราจับมือหลานชายแล้วพูดทั้งน้ำตา “ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้ ฉันดูแล้วหนูจือจือไม่ได้...”
“คุณย่าครับ” ลู่จิ่งซานขัดจังหวะเธอแล้วพูด “เธอจิตใจดีมาก แต่แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเธอ ถ้าให้ความสุขกับเธอไม่ได้ก็อย่ารั้งเธอไว้อีกเลย”
“ซานจื่อเอ๊ย” คุณนายลู่จับมือเขาแล้วพูด “ย่ารับประกันกับแกเลยนะ ตราบใดที่จือจือยังอยากจะอยู่ ย่าจะดูแลเธอเหมือนแก้วตาดวงใจ ตกลงไหม?”
“คุณย่าครับ” ลู่จิ่งซานจับมือหญิงชรากลับ “เธอดีกับคุณย่ามาตลอด คุณย่าไม่ได้สอนผมั้แ่เด็กเหรอครับว่าทำอะไรต้องเปิดเผยและสง่างาม?”
หญิงชราถึงกับพูดไม่ออก
“แต่แกเคยคิดบ้างไหมว่า” ในที่สุดเธอก็พูดอย่างจนปัญญา “ถ้าแกปล่อยให้เธอไปแบบนี้ คนข้างนอกจะว่าหล่อนยังไง?”
“คนอื่นไม่รู้หรอกว่านี่เป็ความคิดของแก พวกเขาจะใช้คำพูดที่ร้ายกาจที่สุดในโลกมาโจมตีเด็กคนนั้น แกไม่ได้ทำดีกับหล่อนเลยนะ แกกำลังบีบให้หล่อนตาย” คุณนายลู่พูด
นี่ไม่ใช่การขู่ขวัญ คำนินทาบางครั้งน่ากลัวยิ่งกว่าดาบซะอีก
“บอกว่าพวกแกแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วยังไม่ได้เข้าหอกันเลย เื่นี้คนในหมู่บ้านไม่รู้พูดกันไปกี่ครั้งแล้ว พูดกันไปต่างๆ นานา” หญิงชราพูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะเยาะ “กระทั่งมีคนมาถามฉันว่าพวกแกจะหย่ากันเมื่อไหร่ จะได้หาคนใหม่ให้แก”
ลู่จิ่งซานเม้มปากไม่พูดอะไร
กำลังจะอ้าปากพูดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องข้างๆ “อ๊า...”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของพวกผู้ชาย และเสียงด่าทอของอันฉิน
เสียงดังอึกทึกครึกโครมพูดกันสารพัด ถึงแม้ว่าคนในห้องนี้จะได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ก็สามารถจินตนาการออกได้
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนะโเสียงดัง “ไปแล้วๆ ไม่แกล้งแล้ว ไม่สนุกเลย”
โจวเป่าเฉิงยังหวังว่าคนพวกนี้จะอยู่ต่ออีกหน่อย พอเห็นแบบนั้นก็รีบร้อน
“อย่าเพิ่งสิ เพิ่งจะเริ่มเองนะ?” โจวเป่าเฉิงรีบเข้าไปขวาง “โก่วต้าน เมื่อก่อนนายแกล้งเ้าสาวไม่เห็นมีรายการอะไรมากมายเลย วันนี้ทำไมไม่แกล้งแล้วล่ะ?”
ให้ตายสิ!
ลู่ฉางเซิงหัวเราะ “โจวเป่าเฉิง นายโง่หรือเปล่า?” มีที่ไหนขอร้องให้คนอื่นมาแกล้งภรรยาตัวเองแบบนี้? เขาพูดกับคนอื่นๆ ว่า “ไปกันเถอะ”
ไม่นาน ในห้องก็ไม่มีใครเหลืออยู่เลย
เหลือเพียงอันฉินที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง จ้องมองไปที่ชายคา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และโจวเป่าเฉิงที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่บนพื้น ห้องเงียบลงในทันทีทั้งสองฝั่ง
ลู่จิ่งซานไม่รู้ว่าคุณนายลู่ออกไปั้แ่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้สึกตัวก็คือตอนที่สวี่จือจือเปิดไฟ
.............................