“เห้ย ! หยุด !”
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ !!!!!!!”
เมื่อผู้ก่อเหตุได้ยินเสียงพลเมืองดีที่เข้ามาช่วย มันก็ทิ้งทรัพย์สินแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที
“คุณ คุณ ! ได้ยินผมรึเปล่า คุณเป็อะไรไหม ? ”
พลเมืองดีช่วยประคองร่างคนไม่ได้สติขึ้นมาเขย่าเบาๆ ตบแก้มเรียกสติสองสามครั้ง
“เฮือก !”
เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดดังอย่างรุนแรง หน้าอกกระเพื่อมถี่รัว รีบกอบโกยออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากที่สุด
“ค่อยๆหายใจนะครับ คุณโอเคไหม ?” พลเมืองดีพูดอย่างร้อนรน
“who are you ?”
ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายถามด้วยความมึนงง หลังจากที่เริ่มหายใจสม่ำเสมอภายในหัวเริ่มประมวลผลและมองไปรอบๆ ตัว
“ผมแค่ผ่านมาทางนี้พอดีเห็นคุณกำลังโดนทำร้าย”
พลเมืองดีอธิบายให้ฟังและแอบแปลกใจไม่น้อยเพราะคนที่เขาช่วยหน้าตามองยังไงก็ไทยแท้แต่ทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ดีมาก
“Thank”
“คุณจะไปโรงพยาบาลไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป?”
พลเมืองดีถามอย่างเป็ห่วง ดูจากอาการเบื้องต้นเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็แอบเป็ห่วงเพราะชายหนุ่มหมดสติไปชั่วขณะ
“ไม่เป็ไรครับ ขอบคุณ” ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายตอบกลับเป็ภาษาไทยเช่นกัน
“คุณโอเคแน่นะครับ จะไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆใช่ไหม?” พลเมืองดีถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ ขอบคุณมาก”
“งั้นผมไปก่อน” พลเมืองดีพูดจบแล้วก็เดินจากไป
ตุบ ตุบ ตุบ !
วินาทีที่รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ราวกับว่าเขากำลังดิ่งลงมาจากที่หน้าผาอันสูงชัน แล้วเขาก็สะดุ้งตัวตื่นฟื้นขึ้นเจอเข้ากับพลเมืองดีที่ช่วยเหลือ พลเมืองดีคนนั้นเดินจากไปหลังจากที่หายใจเป็ปกติ
ฟ็อกมองไปรอบๆอย่างมึนงงและสงสัย เพราะสภาพแวดล้อมไม่คุ้นตาสักนิดราวกับไม่ใช่ประเทศที่เคยเขาอยู่ แล้วที่นี่เป็ที่ไหนกัน ลักษณะเหมือนบ้านเช่าเรียงกันเป็แถว ข้างๆ ตัวมีกุญแจหล่นอยู่ซึ่งน่าจะเป็ของห้องที่อยู่ตรงหน้าเขา ฟ็อกหยิบมันขึ้นมาแล้วไขประตูเข้าไปด้วยความไม่แน่ใจแต่ในผวังค์ความคิดจิตใต้สำนึกมันสั่งให้เขาทำอย่างนั้น
ฟ็อกเข้าไปในห้องเช่าเล็กๆ เท่ารังหนูกวาดสายตารอบห้องอย่างสำรวจด้วยความเคยชิน เตียงนอนเก่าๆ กับตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ ถัดไปมีห้องอีกหนึ่งห้องซึ่งคาดว่าน่าจะเป็ห้องน้ำ และเมื่อเปิดเข้าไปก็เป็ห้องน้ำอย่างที่คิด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฟ็อกประหลาดใจคือในกระจกนั่นเป็ใคร มันไม่ใช่เขา ฟ็อกเลยลองเอามือจับหน้าตัวเองดู เงาในกระจกนั้นก็ทำตามเหมือนกันแบบเป๊ะๆ ฟ็อกเปิดน้ำในอ่างเอามาล้างหน้าให้หายมึน มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าตัวเองคือคนในกระจก ฟ็อกก็เดินกลับมานั่งที่เตียงนอนแล้วยกมือนวดขมับตัวเองเบาๆ เพราะอยู่ๆ เขาก็ปวดหัวรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
อยู่ๆ เื่ราวต่างๆ มากมายั้แ่เล็กจนโตของผู้ชายที่ชื่อวิน ซึ่งก็คือเ้าของร่างค่อยๆ ผุดเข้ามาในหัวเป็ฉากๆ จนกระทั้งวินาทีสุดท้ายของชีวิต จากนั้นิญญาของเ้าของร่างก็จากไปเพราะหมดอายุไขของเขาแล้ว และยังฝากฝังให้เขาดูแลร่างของตัวเองอีกด้วย
นี่มันเื่บ้าอะไรกัน ?
ที่สรุปได้ตอนนี้คือเขาได้ตายไปแล้ว และมาอยู่ในร่างนี้ ภาษาของคนที่นี่ใช้ถ้าเขาจำไม่ผิดเป็ภาษาไทยซึ่งเป็ภาษาของประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย โชคดีที่เขาอ่านออกเขียนได้และฟังรู้เื่ ถ้าเกิดตายแล้วไปอยู่ในร่างที่เขาไม่รู้ภาษาคือไม่อยากจะคิด
นี่เขาต้องอยู่ห้องเช่าเท่ารังหนูนี่จริงๆ เหรอ หรือเขาจะหาที่อยู่ใหม่ดีละ แต่อยู่แบบนี้ไปก่อนละกันไม่ได้ลำบากแบบนี้มานานแล้ว
หลังจากที่ฟ็อกทำความเข้าใจกับทุกอย่างรอบกายได้สักพัก ฟ็อกจึงเริ่มค้นหาประวัติของเ้าของร่างที่พอจะหาได้ในห้องเช่าแห่งนี้
07:00น.
คืนแรกที่เขาสามารถนอนหลับตาโดยที่ไม่ต้องคอยระวังหรือระแวงว่าใครจะมาลอบฆ่าในตอนกลางดึกอย่างที่ผ่านมา เป็การนอนหลับที่สบายที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ จนกระทั้งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฟ็อกสะดุ้งตัวด้วยความเคยชินจากนั้นก็รีบถอดเสื้อผ้าอาบน้ำทันที ฟ็อกใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงยี่สิบนาทีแล้วรีบไปยังบริษัทที่ตัวเองต้องทำงาน ฟ็อกเดินทางไปทำงานตามแบบที่วินเคยทำ
นอกจากห้องเช่าโกโรโกโสแล้ว งานที่ต้องทำคือเป็พนักงานรักษาความปลอดภัยให้บริษัทเอกชนบริษัทหนึ่งในย่านกลางกรุงหรือจะเรียกง่ายๆ ก็คือยามนั่นแหละ มือถือที่มีก็ห่วย รุ่นล้าหลังสุดๆ ยังเป็แบบปุ่มกดอยู่เลย มันสามารถโทรเข้าโทรออกได้อย่างเดียว ถึงแม้ชีวิตเก่าเขาต้องโดนตามฆ่าทุกวัน แต่อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าเขาอยู่กินอย่างสุขสบาย จะใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ มีทั้งคอนโด เพนเฮาส์ รถหรู และมีบ้าน พอนึกถึงเื่นี้ก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าที่ประเทศนี้เขาก็เคยซื้อคอนโดกับเซฟเฮ้าส์เอาไว้เหมือนกัน ส่วนคีย์การ์ดคอนโดเขาเอาเก็บไว้ในเซฟเฮ้าส์ซึ่งอยู่ชานเมือง
สิ่งแรกหลังเลิกงานที่ต้องทำคือนั่งรถไปที่เซฟเฮ้าส์เพื่อเอาคีย์การ์ดก่อน จะนอนคอนโดหรือนอนห้องเช่าก็ค่อยว่ากัน
“คุณเป็ใคร ?” ลูกน้องของฟ็อกเดินออกมาดูเมื่อมีคนมากดออดหน้าบ้าน
“ผมเป็น้องชายบุญธรรมของคุณฟ็อก”
จะให้บอกว่าเขาคือฟ็อกเลยมันคงหัวเราะเยาะแน่ ใครมันจะไปเชื่อ ถึงแม้ส่วนสูงและมัดกล้ามจะไม่ได้ต่างมากนัก แต่รูปร่างหน้าตาผิวพรรณไม่เหมือนร่างเก่าของเขาสักนิด
“มาที่นี่ได้ยังไง เป็ใครกันแน่แล้ว้าอะไร?” ลูกน้องของฟ็อกถามต่อ เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามาที่นี่้าอะไร
“ของ” คำตอบสั้นๆ ของวินทำให้ลูกน้องของฟ็อกมองหน้าอย่างเอาเื่
“มีอะไรมายืนยัน” ลูกน้องฟ็อกกอดออกมองด้วยสายตาเย้ยหยัน ลิ้นดุนฟันเล่นอย่างกวนตีน
“รหัสปลดล็อกระบบและเซฟ” วินแสยะยิ้มมุมปากก่อนตอบเสียงเรียบ
“งั้นเข้ามาข้างในก่อน ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด มึงเตรียมตัวตายได้เลย” ลูกน้องของฟ็อกพูดเสียงเหี้ยม ถ้าไม่จริงอย่างที่พูดเขาฆ่ามันแน่
ฟ็อกเดินเข้ามาด้านในของเซฟเฮ้าส์ ตรงไปยังห้องนอนแล้วหยิบแมคบุ๊คออกมาแล้วกลับมาที่ห้องนั่งเล่นโดยมีลูกน้องของฟ็อกเดินตามประกบทุกฝีก้าว
“หึ” ฟ็อกแสยะยิ้มร้ายให้กับปืนที่กำลังจ่ออยู่ตรงขมับด้านซ้ายเตรียมลั่นไก
ฟ็อกเลิกสนใจสิ่งรอบข้างแล้วกดรหัสปลดล็อกแมคบุ๊คตามด้วยปลดล็อกระบบทั้งหมด เมื่อทุกอย่างเป็ไปตามที่้า ลูกน้องของฟ็อกก็ได้แต่ยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะใช่คนของฟ็อกจริงๆ รอยสักก็ไม่มี หน่วยก้านก็ไม่ดี ออร่านักฆ่าหรือสายลับก็ไม่มี แต่ก็ต้องสะดุ้งและเปลี่ยนความคิดเมื่อเจอสายตาที่เยือกเย็นของวินที่กำลังมองมา ลูกน้องรีบลดปืนลงเก็บแล้วก้มหัวเคารพทันทีเหมือนอย่างที่เคยทำกับฟ็อก มันเป็สายตาแห่งความว่างเปล่าของคนที่ผ่านโลกมืดมาอย่างโชกโชน
ฟ็อกเดินเข้าห้องไปยังตู้เซฟอีกครั้ง ปลดล็อกมันและหยิบของใช้จำเป็ออกมา นาฬิกา กุญแจรถที่จอดอยู่ที่คอนโด และเงินสดจำนวนหนึ่ง
หลังจากได้ของที่้ามาแล้ว เพื่อไม่ให้ดูแปลกจนเกินไปฟ็อกจึงเดินทางกลับมาที่บ้านเช่าหลังเก่าของวินด้วยการนั่งรถแท็กซี่ เดี๋ยวคนรอบข้างจะสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ วินถึงรวยขึ้นแบบผิดสังเกต แต่อย่างมากคงคิดว่าเขาค้ายา
ในความทรงจำของวิน จะว่าไปเ้าของบริษัทที่วินทำงานดูแลความปลอดภัยให้อยู่ ก็ดูเป็คนแปลกๆ ชอบซื้อข้าวกับขนมมาเลี้ยงพวกลูกน้องและรปภ. เพราะทั้งชีวิตของฟ็อกไม่เคยเจอคนที่ทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทุกอย่างย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ
ตื่นเช้าเขาก็ขึ้นรถเมย์เพื่อไปทำงานเหมือนอย่างที่วินทำในทุกๆ วัน ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติอย่างที่ควรจะเป็
“อะเอาไป วันนี้บอสเลี้ยงข้าว โคตรดีเลยจะได้ประหยัดไปอีกมื้อ” แบงค์เพื่อนรปภ.ด้วยกันยื่นกล่องข้าวมาให้เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน
“ขอบใจ” วิน
“เออ แดกๆ แล้วทำงานต่อ”
“อืม” วินเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น แล้วแกะกล่องเข้านั่งทานเงียบๆ
“ทำไมสองวันมานี้มึงดูเงียบๆ วะ ปกติพูดมากชิปหาย มีเื่เครียดหรือไม่สบายใจอะไรเล่าให้กูฟังก็ได้นะเว้ย หรือว่ามึงเดือดร้อนเื่เงิน ?”
“เปล่า”
ฟ็อกในร่างวินได้แต่มองเพื่อนใหม่อย่างไม่เข้าใจ เขาไม่คิดว่าคนไทยจะชอบใส่ใจเื่คนอื่นแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรการมีเพื่อนก็ถือว่าเป็เื่ที่ดี
ต่อจากนี้ไปเขาชื่อ วิน และจะใช้ชีวิตให้ดี ไม่ฆ่าหรือทำร้ายใครหากไม่จำเป็
………………………………………………..
