หมี่หลันเยว่ติดขีดแดงสองขีดได้แล้ว ตอนแรกควรจะมีความสุข แต่เธอกลับไม่เป็อย่างนั้น เพราะเธอรู้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะเกิดเหตุการณ์ะเืขวัญไปทั่วประเทศ หรืออาจจะไปทั่วโลกเลยทีเดียว [1]
วันนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คิด แม้ในใจจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่เมื่อหมี่หลันเยว่เห็นผู้คนเต็มท้องถนนตาแดงก่ำ สวมปลอกแขนดำไว้ทุกข์ ติดดอกไม้สีขาวเล็กๆ บนหน้าอก ความรู้สึกของเธอก็หนักอึ้งและเ็ปอย่างบอกไม่ถูก ที่แท้ บางเหตุการณ์ ถึงแม้จะเคยประสบมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังคงทำให้เธอจมดิ่งอยู่กับมัน ถอนตัวไม่ขึ้น เธอไม่มีวันที่จะมองมันได้อย่างนิ่งเฉย
ข่าวสารถาโถมเข้ามา ความเศร้าโศกก็โหมกระหน่ำ เมืองทั้งเมืองจมอยู่กับความโศกเศร้า ที่หมี่หลันเยว่บอกว่าเป็ทั้งเมือง ไม่ใช่ทั้งประเทศ ก็เพราะเธอรู้ว่า ตัวเองก็เป็แค่คนเล็กๆ คนหนึ่ง ในเมืองหนึ่ง...แม้จะเป็แค่เมืองเล็กๆ เธอก็ยังเป็เพียงฝุ่นผงเล็กๆ บนโลกใบนี้
เธอมองไม่เห็นโลกภายนอก มองไม่เห็นว่ายังมีคนอีกมากมายที่จมอยู่กับเหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกัน แต่แค่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็ทำให้เธอเสียใจจนแทบขาดใจแล้ว นี่ทำให้หมี่หลันเยว่นึกถึงชาติก่อนของตัวเอง
ชาติก่อน หมี่หลันเยว่วัยหกขวบยังไม่ได้เข้าเรียน เธอจำได้แค่ว่าเดินอยู่คนเดียวบนถนนดินนอกกำแพงโรงเรียนของแม่ ฟังเสียงลำโพงและเสียงร้องไห้ที่ดังมาจากทุกทิศทุกทาง ตอนนั้นวิทยุเป็ของฟุ่มเฟือย ไม่ต้องพูดถึงทีวีเลย ดังนั้นถ้าทั้งเมือง้าสื่อสารข้อความสำคัญ ก็ต้องพึ่งลำโพงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ตามที่ต่างๆ
ภาพนั้น แม้จะผ่านมาสี่สิบปีแล้ว แต่ในใจของหมี่หลันเยว่ก็ยังคงชัดเจนและเศร้าสร้อย เด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินอยู่คนเดียวบนถนนที่เปลี่ยวเหงา ข้างๆ ยังมีกำแพงที่สูงกว่าเธอมากมายนัก และความเศร้าที่ถาโถมเข้ามาจากเสียงลำโพง แต่ในภาพนั้น กลับมีเพียงร่างเล็กๆ ของเธอที่โดดเดี่ยว ความสิ้นหวังในตอนนั้น เกินจะจินตนาการ
—------------
ในที่สุด วันที่ฟ้าเปิดก็มาถึง ธุรกิจของครอบครัวเธอสามารถขยายได้อีก นี่คือสิ่งที่หมี่หลันเยว่วางแผนไว้ั้แ่แรก เพียงแต่มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ยังทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ หลายสิ่งหลายอย่าง หมี่หลันเยว่จะต้องเริ่มลงมือทำแล้ว
ปี 1976 เป็ปีที่วุ่นวาย แต่ก็เป็ปีที่ผืนแผ่นดินจีนได้ต้อนรับชีวิตชีวาอีกครั้ง โลกก็เป็แบบนี้ มีได้ก็มีเสีย มีเสียก็มีได้ จะได้หรือเสียก็ขึ้นอยู่กับความคิดของคุณ การตัดสินใจและความเด็ดขาดของคุณคือปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคุณ
และหมี่หลันเยว่ก็ชนะตรงที่ เธอเคยเห็นโลกนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เธอตัดสินใจถูกผิดได้ล่วงหน้า เธอเพียงแค่ต้องเดินไปตามทิศทางที่ถูกต้อง ก็จะไม่ผิดพลาด เพียงแต่การจัดการในรายละเอียดนั้น เธอยังคงต้องพึ่งพาตัวเอง แม้ว่าพระเ้าจะชี้ทางให้คุณ แต่ก็ต้องดูว่าคุณมีความมุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปหรือไม่
หมี่หลันเยว่เป็คนที่มีความอดทน แม้ว่าชาติก่อนเธอจะไม่มีความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ขนาดนั้น แต่การได้เกิดใหม่ครั้งนี้ เธอก็มีมันแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เธอยัง้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหนัก ดังนั้น เธอไม่เพียงแต่้าให้สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไป แต่ยัง้าให้คุณค่าและคุณธรรมของเธอเปลี่ยนแปลงไปด้วย ในเมื่อได้เกิดใหม่ ก็ต้องใช้ชีวิตให้แตกต่างและยอดเยี่ยม
"แม่ เชื่อหนูเถอะ เด็กๆ ที่มาบ้านเรา บางคนรีบวิ่งมาจนไม่มีเวลากินข้าวเลยด้วยซ้ำ ถ้าเราเตรียมของกินของดื่มให้พวกเขาบ้าง จะต้องมีคนอยากกินแน่ค่ะ"
หมี่หลันเยว่เริ่มทีละเล็กทีละน้อยที่จะดำเนินการตามแผนของตัวเอง เธอต้องหาวิธีแทรกซึมแิของตัวเองเข้าไปในหัวของพ่อแม่
ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ก็ต้อง่ชิงความได้เปรียบ ใน่ต้นยุค 80 ประเทศจีนมีผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มแรก ซึ่งเป็กลุ่มแรกในประวัติศาสตร์การปฏิรูปของจีน
หมี่หลันเยว่้าให้ครอบครัวของเธอ ก่อนที่การตัดสินใจนี้จะถูกนำไปปฏิบัติ ภาษีอากรและสรรพากรในปัจจุบันยังไม่เป็ระบบ ดังนั้น พฤติกรรมของผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มแรกนี้ บางคนจึงเรียกว่า 'การฉวยโอกาส' แต่ก็เป็เพราะเหตุนี้เอง ที่เงินก้อนแรกของพวกเขาถึงได้มาอย่างหวุดหวิด
"นั่นมันก็คือการขายของโดยอ้อมไม่ใช่เหรอ? ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะไม่ดีมั้ง?"
หวังหย่วนฉิงมีประสบการณ์กับเื่ราวต่างๆ ใน่สิบปีที่วุ่นวายมากกว่าหมี่หลันเยว่ ดังนั้นเธอจึงกังวลมากกว่า
ยังไงซะ เงินทองเป็ของนอกกาย ตัวเธอเองและสามีก็เป็ข้าราชการของรัฐ ข้าราชการสองคนกินเงินเดือนจากรัฐบาลนั้นไม่ได้มีเยอะแยะ ใครๆ ก็อิจฉา ถ้าร้านหนังสือเล็กๆ นี้ ทำให้เกิดผลกระทบ เธอก็จะไม่ยอม ถึงแม้จะหารายได้น้อยลง เธอก็อยากให้ครอบครัวของเธอปลอดภัย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้มีมากเกินไป ต้องรอให้แน่ใจว่าทุกอย่างสงบเสียก่อน ถึงจะยืนยันขั้นตอนต่อไปได้ ไม่งั้น ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาอีก ตัวเธอและสามีในฐานะครู สามารถหลบหลีก่สิบปีที่วุ่นวายมาได้ ก็ถือว่าไม่ใช่เื่ง่ายแล้ว
"แม่คะ หนูรู้ว่าแม่กังวล แต่หนูว่าแม่กังวลเกินไปแล้ว เราไม่สนใจเื่อื่นๆ แต่เวลาที่เด็กๆ หิวหรือกระหายน้ำ การช่วยพวกเขาบ้างก็เป็สิ่งที่ควรทำใช่ไหมคะ เอาล่ะ เื่นี้ปล่อยให้เป็หน้าที่ของหนูกับพี่ชายก็แล้วกัน แม่กับพ่ออย่าเพิ่งเข้ามายุ่งนะคะ"
คำพูดนี้หมี่หลันเยว่พูดออกมาอย่างหนักแน่น เธอรู้ถึงความลังเลของพ่อแม่ ก็เลยกันพวกเขาออกไป ปล่อยให้พวกเขาทำเป็ไม่รู้เื่ และให้พี่ชายกับเธอจัดการเอง ถ้าเป็แค่พฤติกรรมของเด็กๆ ก็ไม่น่าจะมีใครว่าอะไรได้ เื่นี้ถ้าแม่รับไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน เมฆดำบนหัวเพิ่งจะถูกพัดพาไป จิตใจผู้คนยังคงกังวลก็เป็เื่ปกติ
"ลูกจะทำอะไร? จะทำยังไง?"
หวังหย่วนฉิงรู้ว่าลูกสาวตัวเองฉลาด แต่เธอก็ยังเป็แค่เด็ก ยังกลัวว่าเธอจะคิดไม่รอบคอบ แล้วนำพาความหายนะมาสู่ครอบครัวอีก เธอคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
"แม่คะ เื่นี้ก็ทำเป็ไม่รู้ก็แล้วกัน เพราะงั้นก็ไม่ต้องถามหนูกับพี่ชายว่าจะทำยังไง แบบนี้ต่อให้เกิดอะไรขึ้น แม่กับพ่อก็บอกปัดไปได้เลย ทำเป็แค่ว่าเด็กๆ กำลังซน ที่เหลือหนูกับพี่ชายจัดการเอง แม่กับพ่อก็แค่ทำเป็ไม่รู้ก็พอค่ะ"
ในใจของหวังหย่วนฉิงก็ยังลังเลอยู่บ้าง เธอมองไปที่หมี่จิ้งเฉิง หวังว่าเขาจะให้คำแนะนำอะไรบ้าง หมี่จิ้งเฉิงกลับไม่ได้กังวลมากขนาดนั้น ต้องบอกว่าจิตใจของผู้ชายแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงมาก ถึงแม้เขาจะเคยผ่าน่เวลาที่มืดมนมาเหมือนกัน
"ฉันว่า หลันหยางกับหลันเยว่ทำอะไรก็มีเหตุผลอยู่แล้ว ลองปล่อยให้พวกเขาทำไปเถอะ ถึงพวกเขาจะอายุน้อย แต่พวกเขาทำอะไรก็ระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าพวกเขาไม่ได้คิดวิธีมาอย่างดี พวกเขาคงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน เพราะงั้น ปล่อยให้พวกเขาได้ลองดู อย่างแย่ที่สุด ก็ยังมีเราคอยหนุนหลังอยู่"
พอเห็นสามีตอบตกลงง่ายๆ แบบนี้ หวังหย่วนฉิงก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยแล้ว เธอก็ขอเก็บความคิดเห็นไว้ก็แล้วกัน
"หลันเยว่ ในเมื่อพ่อของลูกก็สนับสนุนพวกลูกแล้ว งั้นลูกก็ลองทำดูก่อนก็แล้วกัน"
หวังหย่วนฉิงลูบหัวเล็กๆ ของลูกสาว
"แม่เชื่อมั่นในความสามารถของลูกและพี่ชาย แต่คนเราก็ไม่ควรเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ต้องคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย คนที่ไม่คิดเผื่อถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องมีเื่ให้กังวลในเร็วๆ นี้ ลูกต้องคิดถึงผลที่ตามมาก่อน ความคิดเห็นของแม่ขอพักไว้ก่อน ไม่สนับสนุนและไม่คัดค้าน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แม่เห็นว่าไม่เหมาะสม แม่จะจัดการทันที"
นั่นแหละดีแล้ว หมี่หลันเยว่เห็นด้วย การที่มีคนคอยดูแลอยู่ข้างหลัง จะทำให้เธอเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงมากขึ้น เพราะถึงแม้จะมีหลายสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าการที่เธอเดินหน้าไปนั้น จะถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ ตอนนี้มีแม่คอยดูแลอยู่ข้างหลัง ความมั่นใจก็มากขึ้น
เชิงอรรถ
[1] วันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1976 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เมืองถังซาน มณฑลเหอเป่ยของจีน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ถึง 1 นาที ทำให้เมืองเกือบทั้งหมดพังลงมา และเกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงหลายครั้งตามมาด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240,000 คน และาเ็สาหัสกว่า 160,000 คน