พลังอนธการสูญสลาย เงาร่างิญญาร่วงหล่น
หนิงเทียนทอดกายบนพื้นหญ้าเขียวขจี หญ้าต้นน้อยสั่นไหว ส่องแสงสีเขียวปกคลุมทั่วร่างของเขา มันกำลังช่วยรักษาาแและทำให้เส้นลมปราณของเขาปลอดโปร่ง
หญ้าสีเขียวลูบไล้อย่างแ่เบาราวช่วยส่งปราณกระบี่นับพันผ่านเส้นลมปราณ กลั่นพลังิญญาให้เป็ปราณกระบี่ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในเส้นลมปราณ
หนิงเทียนาเ็สาหัสจากการต่อสู้คราวนี้ ทว่าเขาก็ยังได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นกัน
โลงศพทองแดงอนธการใต้พื้นดินสั่นะเืราวกับปีศาจกำลังส่งเสียงคำราม ก่อให้เกิดการบุกรุกทางจิติญญา
ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก่อตัวเข้าปิดล้อม แต่ยังคงมีกระแสจิตชั่วร้ายเล็ดลอดเข้ามาในใจของหนิงเทียน
กระแสจิตชั่วร้ายนั้นวนเวียนอยู่ไม่รู้จบ ทั้งยังดึงความคิดของหนิงเทียนเข้าห้วงมิติเวลาที่ไม่รู้จัก
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินปรากฏขึ้นในทะเลแห่งดวงดาวอันกว้างไกล ที่นั่นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและให้กำเนิดพืชพรรณ นก และสัตว์ต่างๆ รวมถึงูเาและแม่น้ำ
ดาวเคราะห์ดวงนั้นเป็ดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตอยู่ร่วมกัน มีอารยธรรมอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับการคัดเลือกโดยธรรมชาติผ่านกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุด
ทว่าวันหนึ่งมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ดาวตกร่วงลงมาจากฟากฟ้า และนำิญญาชั่วร้ายลงมาจากท้องนภา
โลงศพทองแดงอนธการปะทะเข้ากับโลก พร้อมสังหารหมู่หลายร้อยล้านชีวิต
เพื่อประโยชน์ของบ้านเกิด ดวงิญญาทุกดวงจึงผนึกกำลังกัน ขับขานบทเพลงโศกนาฏกรรมแห่งเื การต่อสู้หนักหน่วงราวฟ้าถล่มดินทลาย ธารโลหิตหลั่งริน
ในหมู่พวกเขา ใบหญ้าสีเขียวมรกตที่ใสราวก้อนผลึกต้นหนึ่งได้แปลงใบหญ้าเป็กระบี่และลอยขึ้นไปกลางอากาศ มันนำหลายร้อยล้านชีวิตเข้าต่อต้านอย่างสิ้นหวัง และสุดท้ายก็ต้องสละชีวิตนับไม่ถ้วนจึงจะสามารถปราบปรามโลงศพทองแดงอนธการลงได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่านี่เป็จุดสิ้นสุดของเื่นี้แล้ว แต่ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่าหายนะที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นยังมาไม่ถึง...
ในทะเลแห่งดวงดาวที่ไร้ขอบเขต มีมือขนาดั์ข้ามทางผ่านห้วงมิติเวลาเพื่อถล่มดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนั้น สุดท้ายดาวทั้งดวงก็แตกสลายลงด้วยฝ่ามือเดียว
ภาพเื้ัค่อยๆ พร่าเลือน แต่หนิงเทียนก็รับรู้ถึงความแค้นใจระหว่างโลงศพทองแดงอนธการกับหญ้าต้นน้อยแล้ว
ิญญาชั่วร้ายจากภายนอกบุกเข้ามาบนโลกซึ่งเป็ที่อยู่อาศัยของหญ้าต้นนี้ ก่อให้เกิดาแห่งการทำลายล้าง และสุดท้ายก็ถูกผนึกไว้ใต้หญ้า ทว่ายามนี้พวกมันกลับเดินทางมาถึงดินแดนหยวนซิงแล้ว
หากโลงศพทองแดงอนธการฟื้นคืนชีพ มันจะนำภัยพิบัติร้ายแรงมาสู่ดินแดนหยวนซิงหรือไม่?
เมื่อคิดได้เช่นนี้หนิงเทียนก็สะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน กระแสจิตชั่วร้ายในใจถูกบดขยี้ด้วยปราณกระบี่ และอาการาเ็บนร่างกายของเขาก็ดีขึ้นแล้ว
หนิงเทียนยืนขึ้นและจ้องมองหญ้าเขียวขจี เขาเริ่มระมัดระวังที่มาของโลงศพทองแดงอนธการมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน หนิงเทียนก็นึกถึงหลุมขนาดใหญ่และทะเลสาบ รูปแบบของพวกมันจะคล้ายกับหลุมลึกนี้หรือไม่?
ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ หนิงเทียนจึงเข้าใจสถานะปัจจุบันอย่างถี่ถ้วน เส้นลมปราณในร่างสั่นะเื เงาทั้งสามรอบกายรวมตัวกัน บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว และต้นหญ้าก่อตัวคล้ายอักษร 品 และทำให้เกิดการก้าวะโครั้งใหญ่
ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก เขามีเพียงเงาของบงกชสีมรกตเท่านั้น
ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง มีบงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวคู่กัน
ส่วนยามนี้ ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม เขามีทั้งบงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว และต้นหญ้า ซึ่งก่อตัวเป็รูปสามเหลี่ยมและวิวัฒนาการเป็วัฏจักร ขั้นตอนนี้สำคัญมากสำหรับหนิงเทียน
ก่อนหน้านี้เขาดูดกลืนแก่นแท้โลหิตปรมาจารย์เพื่อปรับแต่งกล้ามเนื้อและกระดูกจนกายาสุวรรณะนิรันดร์เข้าสู่ระดับสี่ ทว่าในความเป็จริง แก่นแท้โลหิตที่ถูกดูดซึมเพื่อใช้ในการขัดเกลานั้นมีปริมาณเพียงน้อยนิด
นอกจากนี้ หนิงเทียนยังทะลวงร่างศิษย์หลักหยวนซิวสองคน พร้อมดูดซับพลังและรากจิติญญาในชีพจรหยวนของศัตรู ซึ่งพลังทั้งหมดนั้นถูกเก็บไว้ในเืเนื้อของเขา
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงขอบเขต ยุทธศาสตร์ครอง์จึงเริ่มทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว ร่างกายของหนิงเทียนเดือดพล่านไปด้วยพลัง กล้ามเนื้อทุกมัดและเส้นเอ็นทุกเส้นล้วนปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ทำให้ขอบเขตของหนิงเทียนทะยานขึ้นในพริบตา ทั้งยังมาถึง่กลางของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสามทันที
และการต่อสู้กับิญญาร้ายเมื่อครู่ก็ทำให้ระดับของเขาทะยานสู่่ปลายของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม และใกล้เข้า่สมบูรณ์แล้ว
หนิงเทียนนั่งขัดสมาธิ มุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝน ยุทธศาสตร์ครอง์และกายาสุวรรณะนิรันดร์พัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากเข้าสู่่สมบูรณ์ของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม เขาก็ฝึกฝนทะยานหลงเงาตัดผกา ทะลวงพันชั้น จิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ สัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าว และวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยไม่คิดหยุดจนกว่าจะถึงจุดที่เขาพึงพอใจ
หลังออกจากหลุม หนิงเทียนก็กลับไปยังป่าทึบ ซึ่งดวงตาลึกลับเ่าั้จ้องมองเขาด้วยความเกลียดชังอย่างมาก
หนิงเทียนถือคำสั่งเปลือกไม้และไข่มุกอสูรหยินแล้วเดินไปยังโคนต้นไม้ใหญ่ เขาจ้องมองดวงตาทั้งห้าคู่บนลำต้นอย่างระมัดระวัง และสงสัยว่าพวกมันถูกกักขังอยู่บนต้นไม้ได้อย่างไร
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักหยวนซิวนอกป่าทึบยังคงรวมตัวกันและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าไป
หนิงเทียนเดินไปทั่วป่า เขาััได้ถึงความไม่สบายใจ ด้วยรู้สึกอยู่เสมอว่ามีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเขาไม่สามารถเข้าใจได้
หลังจากสังเกตสถานการณ์นอกป่าแล้ว หนิงเทียนก็หลีกเลี่ยงบรรดาโถงเพลิงทมิฬแล้วใช้ทิศทางอื่น
“หยุด! ยามนี้สถานการณ์ด้านในเป็อย่างไร?” ศิษย์หยวนซิวคนหนึ่งหยุดหนิงเทียนไว้เพื่อถามถึงสถานการณ์ในป่าทึบ
ศิษย์หยวนซิวในบริเวณใกล้เคียงก็เข้ามารุมล้อมหนิงเทียน
“เ้าหนู จงบอกมาว่าด้านในมีสิ่งใด?”
หนิงเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม “มีดวงตาหลายคู่อยู่ด้านใน พวกมันสะกดิญญาให้หลงใหล ทั้งยังมีเสน่ห์จนไม่อยากจากไป”
“ไร้สาระ! ใครบ้างไม่ทราบเื่นี้? นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังถาม”
บางคนตำหนิหนิงเทียน ขณะที่บางคนก็เอื้อมมือออกมา ด้วยคิดจะจับตัวเขามาสอบสวนอย่างละเอียด
ร่างกายของหนิงเทียนสั่นไหวเบาๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะห่างออกไปร้อยจั้ง และรอดพ้นจากวงล้อมของศิษย์หยวนซิวทันที
“บ้าเอ๊ย! เ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ไล่ตามไป”
ศิษย์หยวนซิวหลายสิบคนคำราม สาปแช่ง และไล่ล่าหนิงเทียน
หนิงเทียนลูบคางด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม และดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขาหันหลังกลับและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังสลัดศิษย์หยวนซิวบางคนออกไปแล้ววิ่งนำมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง
“หยุดนะเ้าเด็กเหลือขอ! หากยังวิ่งอีก ข้าจะหักขาสุนัขของเ้า แล้วหิ้วเ้ากลับไป!”
ศิษย์หยวนซิวรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ และบึกบึนคนหนึ่งะโใส่หนิงเทียน เขาเป็ผู้ที่ทรงพลัง แน่นอนว่าความเร็วไม่ดีเท่าหนิงเทียน
“เ้าจื๋อซิวรากพฤกษาชั้นต่ำนั่น เรารีบหักมือและเท้าของมันก่อนเถอะ”
ศิษย์หลักหยวนซิวอีกสี่คนที่ไล่ตามมาเข้าล้อมรอบร่างหนิงเทียน
หนิงเทียนไม่พูดอะไรมาก เขาเพียงใช้ทะลวงพันชั้นโจมตีใส่หนึ่งในนั้น
“เ้าเด็กหน้าเหม็น เบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ! กล้าดีอย่างไรมาต่อกรกลับ?”
ศิษย์หลักหยวนซิวโกรธจัด เมื่อหมัดของพวกเขาสองคนปะทะกัน ก็เกิดวังน้ำวนสามแห่งข้างกายทันที ซึ่งแสดงถึงขอบเขตผนึกดาราขั้นสาม
เสียงปะทะดังผสานกับเสียงกรีดร้องโหยหวน ยามนี้แขนขวาของศิษย์หลักหยวนซิวผู้อยู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นสามปะทะกับหนิงเทียนจนแตกหัก และร่างของเขาก็ลอยไปไกลกว่าสิบจั้ง
“กล้าที่จะทำร้ายผู้อื่น เช่นนั้นก็จงตายเสีย!”
ศิษย์หลักหยวนซิวอีกคนผู้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นสี่เหวี่ยงขาออกเตะ พลังขาของอีกฝ่ายช่างน่าสะพรึงกลัว จนทำให้หนิงเทียนถอยไปสามก้าวด้วยความใ
“หยวนซิวย่อมไม่อ่อนแอ”
หนิงเทียนตระหนักดีถึงช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย สายเืหยวนซิวนั้นทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่ดีกว่าจื๋อซิวในขอบเขตเดียวกันอย่างมาก
เสียงหวีดประหลาดดังก้องทะลุชั้นฟ้า ลำแสงกระบี่พุ่งเข้าหาหัวของหนิงเทียน ผู้ลงมืออยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นห้า และเสียงกระบี่ก็ทำให้หัวใจของหนิงเทียนเต้นรัว
หนิงเทียนปล่อยหมัดที่ขับเคลื่อนด้วยกายาสุวรรณะนิรันดร์ออกไป เมื่อกระบี่ฟาดปะทะหมัดของเขา ก็ทำให้เขาขยับไปด้านข้างสามจั้ง เืจุกในอกจนเขาสั่นะเื
“ตาย!”
ศิษย์หยวนซิวผู้มีรูปร่างสูงใหญ่เป็คนเปิดฉากการโจมตีพลังอันแข็งแกร่ง เขาต่อยเข้าที่ไหล่ของหนิงเทียน ทำให้หนิงเทียนาเ็จนกระอักเื
คนผู้นี้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นหก และเป็คนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง พลังหมัดนั้นหนักพอๆ กับูเา ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานมันได้
ใบหน้าของหนิงเทียนมืดมน เขาไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด และกลับกลายเป็ว่าเขาเต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้
ทะลวงพันชั้นผสานเข้ากับสัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าว หนิงเทียนใช้พลังการต่อสู้สูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม เขาเข้าสู่สภาวะการต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว พลังมหาศาลของหมัดหนึ่งแสนจินสามารถทำลายทุกสิ่งได้ หมัดทองคำนั้นคงกระพัน ทุบตีศัตรูในขอบเขตผนึกดาราขั้นสี่จนกรีดร้องคร่ำครวญ แม้แต่ศัตรูในขอบเขตผนึกดาราขั้นห้าก็ยังคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า
“มาสู้กับข้าสิ เ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ศิษย์หลักหยวนซิวร่างกำยำคำรามอย่างดุเดือดและใช้ทักษะเพิ่มความแข็งแกร่งแสนลึกลับ พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากใน่เวลาสั้นๆ จากนั้นก็เริ่มทุบตีหนิงเทียนอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่หนิงเทียนต้องถอยกลับพร้อมเืที่หลั่งไหลออกมาจากหมัด
ดวงตาของหนิงเทียนร้อนผ่าว เขารวมวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเข้ากับทะลวงพันชั้น ใช้หมัดหนาปกปิดคมกระบี่และบุกทะลวงการป้องกันของคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จนทำลายหมัดของอีกฝ่ายลงได้
เสียงกรีดร้องมาพร้อมกับความขุ่นเคืองและความโกรธ ศิษย์หลักหยวนซิวในขอบเขตผนึกดาราขั้นหกพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง เสาพลังอันแข็งแกร่งทั้งหกพุ่งเข้ารัดและขัดขวางทุกสิ่ง บังคับให้หนิงเทียนต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
แม้หนิงเทียนจะมีความแข็งแกร่งถึงแสนจิน แต่ช่องว่างระหว่างขอบเขตก็ยังมีอยู่ หาก้าเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ย่อมเห็นได้ชัดว่ายังไม่เพียงพอ
การต่อสู้ครั้งนี้หนิงเทียนต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามและกินเวลานานถึงครึ่งชั่วยาม ในที่สุดศิษย์หยวนซิวขั้นสี่และห้าของขอบเขตผนึกดาราก็พ่ายแพ้เขา ขณะที่ศิษย์หยวนซิวในขั้นหกได้รับาเ็จนต้องหลบหนีไป
จื๋อซิวขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม่สมบูรณ์สามารถต่อกรกับหยวนซิวขอบเขตผนึกดาราขั้นห้าได้ นี่มันน่าใมาก!
หากรวมกับอาวุธิญญาจื๋อซิวหรือวิธีการพิเศษอื่นๆ หนิงเทียนก็สามารถสู้กับศิษย์หยวนซิวในขอบเขตผนึกดาราขั้นหกได้ด้วย
หลังจากปล้นศิษย์หยวนซิวทั้งสามเรียบร้อยแล้ว หนิงเทียนก็รีบวิ่งไปยังหลุมั์ด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
...
ที่แห่งนี้น่ากลัวและแปลกประหลาด เป็สถานที่ซึ่งสะดุดตาที่สุดในพื้นที่สาธารณะ ศิษย์จากเจ็ดสำนักหยวนซิว และศิษย์ของแต่ละสำนักจื๋อซิวต่างกำลังล้อมรอบหลุมั์
การก่อตัวของหลุมั์นั้นค่อนข้างซับซ้อน ปลายยอดสูงชันราวปลายมีดชี้ขึ้นฟ้า หมอกแห่งความโกลาหลปกคลุมก้นหลุม ทั้งยังมีคลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ไม่ว่าจะเป็หยวนซิวหรือจื๋อซิวก็ล้วนกระสับกระส่าย และเกิดความกลัวตามสัญชาตญาณที่มีต่อหลุมั์แห่งนี้
เมื่อหนิงเทียนมาถึง เขาบังเอิญเห็นศิษย์ซิงซิวห้าคนกำลังช่วยกันเปิดใช้อาวุธิญญา ซึ่งดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน
อาวุธิญญานั้นมีรูปร่างเป็เอกลักษณ์ ตรงกลางเป็กระจก มีหินทรงกลมซึ่งมีสีต่างกันอยู่รอบนอกห้าก้อน และสว่างไสวด้วยแสงไฟที่แตกต่างกันห้าดวง ก่อนจะรวมตัวบนผิวกระจก และอัดแน่นเป็กระแสน้ำวนห้าสี
อาวุธิญญานี้เดิมทีมีขนาดเพียงฝ่ามือ แต่หลังจากเปิดใช้งานก็จะขยายใหญ่ขึ้นเป็ร้อยเท่า ทั้งยังปล่อยแสงหลากสีขณะหมุนวน ก่อนจะลอยไปยังยอดเขาแห่งหนึ่งในหลุมั์
“กระจกสมบัติ์ห้าดาราของสำนักซวนซิงนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ”
“กระจกสมบัติ์ห้าดาราเป็สมบัติที่สำคัญที่สุดของสำนักดาราทมิฬ และสำนักดาราทมิฬก็ถือเป็หนึ่งในสามแดนศักดิ์สิทธิ์ของซิงซิว อาวุธิญญาตรงหน้าเป็เพียงของเลียนแบบเท่านั้น”
“แม้จะเป็ของเลียนแบบ แต่ก็ยังมีพลังค่อนข้างโดดเด่น”
หนิงเทียนให้ความสนใจอย่างมาก เขาพบว่าที่แห่งนี้มีศิษย์จากกลุ่มต่างๆ ทั้งหยวนซิว ซิงซิว จื๋อซิวรากอสูร และจื๋อซิวรากพฤกษา ซึ่งส่วนใหญ่เป็ศิษย์หลักในขอบเขตผนึกดารา
ยามนี้ กระจกสมบัติ์ห้าดาราจำลองที่เปิดใช้โดยผู้บำเพ็ญซิงซิวทั้งห้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในหลุมั์ กระแสน้ำวนห้าสีบนกระจกปล่อยลำแสงห้าเส้น ก่อนจะตกลงบนยอดเขาทั้งห้าในหลุมั์
ทันใดนั้น ยอดทั้งห้าที่ถูกแสงก็มีกระแสน้ำวนพุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ห้วงอากาศสั่นะเื กลไกทางจิติญญามากมายปรากฏขึ้นจากหมอกอันโกลาหล ยอดเขาจำนวนนับไม่ถ้วนในหลุมเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“ปลดกลไกได้แล้ว!” ศิษย์ซิงซิวะโด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ปลดอะไร?” ผู้บำเพ็ญรากพฤกษาหลายคนไม่เข้าใจ และไม่สามารถหาเหตุผลได้เลย
“โง่เง่าอะไรเช่นนี้? ยอดเขาในหลุมั์จัดเรียงตามรูปแบบกลไกที่ลึกซึ้ง หากไม่มีวิธีแก้ การบุกรุกจะนำไปสู่ความตายเท่านั้น”
การตอบกลับของศิษย์หยวนซิวเต็มไปด้วยคำดูถูก พร้อมทั้งเอ่ยเยาะเย้ยจื๋อซิวที่ไม่มีความรู้
ศิษย์จื๋อซิวหลายคนทั้งอับอายและโกรธเคือง แต่สายตาของพวกเขากลับถูกดึงดูดโดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหลุมั์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้